โดยปกติคนที่ชอบคุยเรื่องลับลมคมใน จะให้เหตุผลในส่วนเนื้อหาของเรื่องที่คุยนั้นไม่ชัดเจน แต่จะเน้นคำโปรยที่น่าสนใจเพื่อชวนให้ผู้ฟังอยากติดตาม เช่น
กรณีเรื่องปุ่ม Dislike บน Facebook เรื่องมีอยู่ว่า...
ผู้ถาม : “มีความเห็นฝากมาจากอียิปต์ว่า เราต้องการตัวเลือกที่มากกว่าปุ่ม Like ทำไมคุณไม่เพิ่มตัวเลือกอื่น ๆ ขึ้นมาด้วย อย่างเช่น “I’m sorry” “Interesting” หรือ “Dislike”
มาร์ค: “มีผู้คนถามเกี่ยวกับปุ่ม Dislike มานานหลายปี และวันนี้ผมบอกได้เลยว่า เรากำลังทำเรื่องนี้อยู่ !! และกำลังจะลองนำไปใช้จริง … ”
เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูของนักทฤษฎีผู้สนใจเรื่องลับลมคมใน ก็รีบสรุปข่าวแล้วไปบอกต่อเลยว่า "นี่ไง พี่มาร์คกำลังจะทำปุ่ม Dislike …" แต่จริง ๆ แล้วพี่มาร์คยังพูดไม่จบประโยคเลย แต่เจ้าทฤษฎีโปรย
ข่าวแบบผิด ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว
ทฤษฎีเรื่องลับลมคมในนี้ มีประโยชน์อยู่ในตัวของมันเองอย่างน้อย ๓ ข้อ คือ
๑. มันช่วยหาคำอธิบายง่าย ๆ ให้กับเรื่องที่ยากต่อการทำความเข้าใจ
๒. มันช่วยให้คนกระจอก ๆ ทั้งหลาย รู้สึกว่าตัวเองมีฤทธ์เดชกะเข้าขึ้นมาบ้าง
๓. มันช่วยให้ง่ายว่าจะหาใครมาเป็นแพะรับบาป
ผู้ที่อธิบายเรื่องอะไรก็ตามด้วยทฤษฎีนี้ ไม่จำเป็นต้องศึกษาเนื้อหาของเรื่องให้มาก เพราะว่าทฤษฎีนี้สามารถอธิบายได้
"ทุกเรื่อง"
ปัจจุบันคนที่ชอบเสพข่าวแบบฉาบฉวยมักจะให้การสนับสนุนทฤษฎีนี้เป็นอย่างมาก
ซึ่งถือว่าเป็นภัยอันตรายต่อตัวเขาเองอย่างมหันต์ เพราะ
เมื่อรับข้อมูลมาผิดก็ส่งผลให้มีความคิดผิด พูดผิด แล้วก็ทำผิดตามมาเป็นลำดับ ๆ วิธีการป้องกันตัวเองเมื่อต้องพบกับนักทฤษฎีประเภทนี้ คือ อย่าเพิ่งหลงเชื่อเสียทุกเรื่อง ให้ใคร่ครวญ ตรวจสอบ ทักท้วง หรือไม่ก็คิดเผื่อไปอีกทางหนึ่งบ้าง ขณะที่คิดไปในทางลบก็ลองคิดทางบวกเผื่อบ้าง เพราะความจริงอาจไม่เป็นอย่างที่เขากล่าวก็เป็นไปได้
ว่าด้วย "ทฤษฎีการคุยเรื่องลับลมคมใน"
กรณีเรื่องปุ่ม Dislike บน Facebook เรื่องมีอยู่ว่า...
ผู้ถาม : “มีความเห็นฝากมาจากอียิปต์ว่า เราต้องการตัวเลือกที่มากกว่าปุ่ม Like ทำไมคุณไม่เพิ่มตัวเลือกอื่น ๆ ขึ้นมาด้วย อย่างเช่น “I’m sorry” “Interesting” หรือ “Dislike”
มาร์ค: “มีผู้คนถามเกี่ยวกับปุ่ม Dislike มานานหลายปี และวันนี้ผมบอกได้เลยว่า เรากำลังทำเรื่องนี้อยู่ !! และกำลังจะลองนำไปใช้จริง … ”
เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูของนักทฤษฎีผู้สนใจเรื่องลับลมคมใน ก็รีบสรุปข่าวแล้วไปบอกต่อเลยว่า "นี่ไง พี่มาร์คกำลังจะทำปุ่ม Dislike …" แต่จริง ๆ แล้วพี่มาร์คยังพูดไม่จบประโยคเลย แต่เจ้าทฤษฎีโปรย
ข่าวแบบผิด ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว
ทฤษฎีเรื่องลับลมคมในนี้ มีประโยชน์อยู่ในตัวของมันเองอย่างน้อย ๓ ข้อ คือ
๑. มันช่วยหาคำอธิบายง่าย ๆ ให้กับเรื่องที่ยากต่อการทำความเข้าใจ
๒. มันช่วยให้คนกระจอก ๆ ทั้งหลาย รู้สึกว่าตัวเองมีฤทธ์เดชกะเข้าขึ้นมาบ้าง
๓. มันช่วยให้ง่ายว่าจะหาใครมาเป็นแพะรับบาป
ผู้ที่อธิบายเรื่องอะไรก็ตามด้วยทฤษฎีนี้ ไม่จำเป็นต้องศึกษาเนื้อหาของเรื่องให้มาก เพราะว่าทฤษฎีนี้สามารถอธิบายได้
"ทุกเรื่อง"
ปัจจุบันคนที่ชอบเสพข่าวแบบฉาบฉวยมักจะให้การสนับสนุนทฤษฎีนี้เป็นอย่างมาก
ซึ่งถือว่าเป็นภัยอันตรายต่อตัวเขาเองอย่างมหันต์ เพราะ
เมื่อรับข้อมูลมาผิดก็ส่งผลให้มีความคิดผิด พูดผิด แล้วก็ทำผิดตามมาเป็นลำดับ ๆ วิธีการป้องกันตัวเองเมื่อต้องพบกับนักทฤษฎีประเภทนี้ คือ อย่าเพิ่งหลงเชื่อเสียทุกเรื่อง ให้ใคร่ครวญ ตรวจสอบ ทักท้วง หรือไม่ก็คิดเผื่อไปอีกทางหนึ่งบ้าง ขณะที่คิดไปในทางลบก็ลองคิดทางบวกเผื่อบ้าง เพราะความจริงอาจไม่เป็นอย่างที่เขากล่าวก็เป็นไปได้