เนื่องจากเป็นการขอวีซ่าท่องเที่ยวครั้งแรกของเรา เลยหาข้อมูลเรื่องการกรอก DS-160 , เตรียมเอกสาร และเตรียมสัมภาษณ์เยอะมากค่ะ โดย 99% มาจากกระทู้ Pantip และ 1% มาจากเว็บไซต์ข้างนอก สำหรับคนที่เป็นมือใหม่แบบเรา ขอแนะนำกระทู้ต่อไปนี้ และขอขอบคุณผู้เขียนกระทู้ที่มาบอกเล่าประสบการณ์มากๆค่ะ ^^
1. การกรอก DS-160
http://ppantip.com/topic/32189283
2. การนัดสัมภาษณ์
http://ppantip.com/topic/32193184
3. หน้าข้อมูลการขอวีซ่าท่องเที่ยว (official)
http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-typeb1b2.asp
4. เว็บไซต์สำหรับกรอก DS-160
https://ceac.state.gov/genniv/
5. เว็บไซต์สำหรับนัดสัมภาษณ์
https://cgifederal.secure.force.com/?language=Thai&country=Thailand
6. โปรไฟล์ย่อๆของ จขกท.
- ทำงานบริษัทเอกชน รายได้ 3xxxx/เดือน สปอนเซอร์ตัวเอง
- อายุ 27 โสด ผู้หญิงเดินทางคนเดียว
- ไป Sacramento 5 วัน ยังไม่ได้จองตั๋วเครื่องบิน แต่จะมีกำหนดบินในอีก 10 วันถัดไป -*-
- เคยได้วีซ่า F1 มาก่อน
- เคยไปต่างประเทศทั้งหมด 14 ประเทศ
7. เอกสารที่ จขกท. เตรียมไป
- ใบยืนยันการนัดสัมภาษณ์
- ใบยืนยันการขอวีซ่าชั่วคราว
- ใบยืนยันการชำระค่าขอวีซ่า
- รูปถ่าย 2 นิ้ว
- พาสปอร์ตทั้งเก่าและใหม่รวม 3 เล่ม
- ใบลางาน ระบุวันลา อายุงาน 1 ปีกว่า และเงินเดือน
- Bank Statement และเอกสารรับรองฐานะทางการเงิน ของบัญชีออมทรัพย์ 2 ธนาคาร และบัญชีฝากประจำ 1 ธนาคาร รวมแล้วได้ 7 หลัก
- เอกสารเกี่ยวกับการออมเงินอื่นๆ เช่น พันธบัตร หุ้นกู้ กองทุนรวมหุ้น
- เอกสารการจองบัตรเข้างานที่จะไปที่ Sacramento
8. เอกสารที่ใช้จริง
- ใบยืนยันการขอวีซ่าชั่วคราว
- พาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน
โดยเจ้าหน้าที่ที่เคานเตอร์แรกจะจัดเอกสารใส่แฟ้มให้เรานำไปยื่นที่เคานเตอร์ถัดไปค่ะ และมีการสัมภาษณ์สั้นๆ เช่น เคยได้วีซ่ามาก่อนหรือไม่
โดยเอกสารที่ใช้ยื่นจริง จะต้องยึดตามที่มีในแฟ้มเท่านั้น ห้ามเอาอย่างอื่นสอดไส้เข้าไปนะคะ เว้นแต่เจ้าหน้าที่ขอเอกสารอื่นๆเพิ่มเติมที่หน้างานค่ะ
หากต้องการเปลี่ยนวิธีการจัดส่งพาสปอร์ตคืน สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ในขั้นตอนนี้ค่ะ
สำหรับคนที่ให้จัดส่งทางไปรษณีย์ จะต้องจดหมายเลข EMS ไปด้วย เพื่อใช้ตรวจสอบสถานะการจัดส่งนะคะ
9. การสัมภาษณ์
9.1 หลังจากเข้ามาในอาคารแล้ว ให้ไปต่อแถวช่องหมายเลข 15 ก่อนเลยค่ะ คำถามที่เราเจอ คือ
- คำถาม1 : ไปทำอะไร (ตอบ) ท่องเที่ยวค่ะ
- คำถาม2 :ไปคนเดียวหรอคะ (ตอบ) ใช่ค่ะ
คำถามเป็นภาษาไทยนะคะ ส่วนคำถามที่เราได้ยินจากคนอื่นๆ คือ มีถามเช้กเบอร์โทรศัพท์ สถานที่ทำงาน สถานการศึกษา ระยะเวลา ความสัมพันธ์กับคนที่เดินทางไปด้วยกัน และความสัมพันธ์กับสปอนเซอร์ // หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้วางนิ้วมือเพื่อสแกนค่ะ และเดินไปต่อที่เคานเตอร์หมายเลข 10 เพื่อสแกนนิ้วมืออีกรอบค่ะ ในขั้นตอนนี้จะมีถามเช้กชื่อว่าถูกต้องมั้ย
9.2 สัมภาษณ์ด่านสุดท้ายกับชาวต่างชาติ
เป็นการสัมภาษณ์ชี้ชะตาว่าวีซ่าจะผ่านหรือไม่ ตอนเราไปมีเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 4 ช่อง เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด (แต่สามารถพูดไทยได้) ของเราเจอสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษกับฝรั่งผู้ชายที่ก่อนหน้านี้เพิ่งเห็นเค้าปฏิเสธวีซ่าคนอื่นมาติดกันสามคน -*-
- คำถาม1 : ไปที่ไหนครับ (ตอบ) Sacramento, Califonia
- คำถาม2 : เคยได้วีซ่านักเรียนมาก่อนหรือครับ (ตอบ) ใช่ค่ะ เคยไปเรียนที่ xxx ตอนปี 2014 เป็นโครงการระหว่างมหาวิทยาลัยในไทยกับที่อเมริกาค่ะ // ที่จริงเราพยายามใส่ดีเทล เพราะมีคนบอกว่าให้พูดรายละเอียดเยอะๆไว้ก่อน แต่พูดได้แค่นี้ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า Visa Approved แล้ว เรานี่อ้าปากค้างนิดนึง 55 แล้วก็ Thank You เค้าไป สิริรวมเวลาแล้วน่าจะประมาณ 1 นาทีได้ค่ะ -*- แอบคิดในใจเหมือนกันว่าอุตสาห์เตรียมเอกสาร กับพารานอยด์เรื่องสัมภาษณ์ล่วงหน้าไปแล้ว แต่ปรากฏว่าง่ายกว่าที่คิดมากๆๆๆค่ะ ที่นานที่สุดคงเป็นตอนรอคิวตามเคานเตอร์ต่างๆค่ะ เราสัมภาษณ์วันที่ 6/6/59 รอบ 8:30 น. แต่กว่าจะเสร็จก็ 10 โมงกว่าๆนู่นค่ะ ><''
10. ส่งท้ายเพิ่มเติมค่ะ
- แอบได้ยินบางท่านที่ถูกปฏิเสธวีซ่า จะเจอคำถามเกี่ยวกับ อายุการทำงาน, ประวัติการเดินทาง, ความสัมพันธ์กับสปอนเซอร์, ความสัมพันธ์กับคนที่จะไปเยี่ยม, ระยะเวลาเดินทาง(ที่นานไป) ซึ่งพวกนี้ค่อนข้างตรงกับที่เราอ่านเจอจากในกระทู้เก่าๆเหมือนกันค่ะว่า บางครั้งถ้าบอกว่ารู้จักใครที่นั่นอาจทำให้ขอวีซ่ายากขึ้น และถ้าไม่เคยเดินทางไปไหนเลย หรือขาดเอกสารเกี่ยวกับการทำงาน เช่น ใบลา, สลิปเงินเดือน หรืออายุการทำงานน้อยไป หรือบางคนอายุอยู่ในวัยทำงานแต่ไม่สปอนเซอร์ตัวเองหรือแสดงหลักฐานการเงินที่ดีก็อาจจะผ่านยากหน่อยค่ะ
- ถึงเจ้าหน้าที่ด่านแรกจะหยิบเอกสารให้นิดเดียว แต่ยังไงเตรียมเอกสารแน่นๆไว้ก่อนดีกว่าค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่อาจถามถึงได้ตลอดเวลา เราเห็นบางคนบอกว่าลางานได้ xx วัน แต่พอเจ้าหน้าที่ขอดูใบลา แล้วเค้าบอกว่าไม่ได้เอามา คือมาคุมาก ><''
- การกรอกรายละเอียดใน DS-160 เป็นส่วนสำคัญในการพิจารณามากๆค่ะ หลายท่านที่ขอผ่านแนะนำว่าต้องกรอกให้ละเอียดเข้าไว้ จะได้ไม่เจอคำถามไม่คาดฝันค่ะ และไม่ควรให้ข้อมูลเท็จ หรือขัดแย้งกับข้อมูลในอดีตค่ะ แม้กระทั่งข้อมูลของญาติที่ไทยหรือที่อเมริกา ถ้าเคยขอวีซ่ามาก่อน เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงข้อมูลตรงนี้ได้หมดเลยค่ะ
- การสัมภาษณ์ไม่ว่าจะภาษาไทยหรืออังกฤษ ก็ไม่มีผลต่อการพิจารณานะคะ เวลาสัมภาษณ์ให้สื่อสารด้วยภาษาที่มั่นใจ และตอบฉะฉานไปเลยค่ะ ^^
- ตอนฝากของต้องใช้บัตรประชาชน และจะซีเรียสการฝากมือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์เป็นพิเศษค่ะ ส่วนกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่ ก็เห็นคนถือเข้าไปได้นะคะ
- ในการสัมภาษณ์จะเรียกไปต่อแถวเป็นรอบๆนะคะ ถ้ายังไม่ถึงรอบเรา แต่ต่อแถวถึงเจ้าหน้าที่แล้ว เค้าก็ให้กลับไปนั่งรอก่อนอยู่ดีค่ะ
- ข้างในอาคารมีบูธถ่ายรูปอัตโนมัติ 4 ใบราคา 150 บาทค่ะ และเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบอายุรูปถ่ายได้ว่าเป็นรูปที่ถ่ายเกิน 6 เดือนหรือไม่ ดังนั้นเอาอันอัพเดทไป ปลอดภัยที่สุดนะคะ ><
- การชำระเงินค่าสมัครทำวีซ่ามีให้เลือกว่าจะจ่ายทางอินเตอเน็ท หรือไปจ่ายที่ธนาคาร แต่ต้องผ่านธนาคารกรุงศรีเท่านั้น เราเลือกวิธีพรินต์เอกสารไปจ่ายที่ธนาคารค่ะ เพราะการโอนจะถึงสถานทูตในวันทำการถัดไป ทำให้สามารถเข้าไปจองนัดวันสัมภาษณ์ได้เร็วค่ะ โดยหลังโอนแล้วสามารถเอารหัสไปกรอกในเว็บไซต์เพื่อจองได้เลยค่ะ (ถ้าโอนในอินเตอเน็ทรู้สึกจะ 2-3 วันทำการ)
- เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะได้รับพาสปอร์ตคืนภายใน 5-6 วันค่ะ โดยให้ติดตามสถานะการจัดส่งไปรษณีย์จากรหัสที่เราจดไป และเข้าไปกรอกเลขที่เว็บไซต์ไปรษณีย์
http://track.thailandpost.co.th/tracking/default.aspx แต่บางคนบอกว่า 2-3 วันก็ได้รับคืนแล้วก็มีค่ะ ส่วนคนที่จะรับเอง สามารถรับได้ที่ไปรษณีย์สาขารองเมืองเท่านั้นนะคะ (สรุปแล้ว จขกท. ได้รับคืนใน 2 วันค่ะ ได้วีซ่า 10 ปี >< เย้)
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกานะคะ ^^
แชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาฉบับรวบรัด (06/2016)
1. การกรอก DS-160
http://ppantip.com/topic/32189283
2. การนัดสัมภาษณ์
http://ppantip.com/topic/32193184
3. หน้าข้อมูลการขอวีซ่าท่องเที่ยว (official)
http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-typeb1b2.asp
4. เว็บไซต์สำหรับกรอก DS-160
https://ceac.state.gov/genniv/
5. เว็บไซต์สำหรับนัดสัมภาษณ์
https://cgifederal.secure.force.com/?language=Thai&country=Thailand
6. โปรไฟล์ย่อๆของ จขกท.
- ทำงานบริษัทเอกชน รายได้ 3xxxx/เดือน สปอนเซอร์ตัวเอง
- อายุ 27 โสด ผู้หญิงเดินทางคนเดียว
- ไป Sacramento 5 วัน ยังไม่ได้จองตั๋วเครื่องบิน แต่จะมีกำหนดบินในอีก 10 วันถัดไป -*-
- เคยได้วีซ่า F1 มาก่อน
- เคยไปต่างประเทศทั้งหมด 14 ประเทศ
7. เอกสารที่ จขกท. เตรียมไป
- ใบยืนยันการนัดสัมภาษณ์
- ใบยืนยันการขอวีซ่าชั่วคราว
- ใบยืนยันการชำระค่าขอวีซ่า
- รูปถ่าย 2 นิ้ว
- พาสปอร์ตทั้งเก่าและใหม่รวม 3 เล่ม
- ใบลางาน ระบุวันลา อายุงาน 1 ปีกว่า และเงินเดือน
- Bank Statement และเอกสารรับรองฐานะทางการเงิน ของบัญชีออมทรัพย์ 2 ธนาคาร และบัญชีฝากประจำ 1 ธนาคาร รวมแล้วได้ 7 หลัก
- เอกสารเกี่ยวกับการออมเงินอื่นๆ เช่น พันธบัตร หุ้นกู้ กองทุนรวมหุ้น
- เอกสารการจองบัตรเข้างานที่จะไปที่ Sacramento
8. เอกสารที่ใช้จริง
- ใบยืนยันการขอวีซ่าชั่วคราว
- พาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน
โดยเจ้าหน้าที่ที่เคานเตอร์แรกจะจัดเอกสารใส่แฟ้มให้เรานำไปยื่นที่เคานเตอร์ถัดไปค่ะ และมีการสัมภาษณ์สั้นๆ เช่น เคยได้วีซ่ามาก่อนหรือไม่
โดยเอกสารที่ใช้ยื่นจริง จะต้องยึดตามที่มีในแฟ้มเท่านั้น ห้ามเอาอย่างอื่นสอดไส้เข้าไปนะคะ เว้นแต่เจ้าหน้าที่ขอเอกสารอื่นๆเพิ่มเติมที่หน้างานค่ะ
หากต้องการเปลี่ยนวิธีการจัดส่งพาสปอร์ตคืน สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ในขั้นตอนนี้ค่ะ
สำหรับคนที่ให้จัดส่งทางไปรษณีย์ จะต้องจดหมายเลข EMS ไปด้วย เพื่อใช้ตรวจสอบสถานะการจัดส่งนะคะ
9. การสัมภาษณ์
9.1 หลังจากเข้ามาในอาคารแล้ว ให้ไปต่อแถวช่องหมายเลข 15 ก่อนเลยค่ะ คำถามที่เราเจอ คือ
- คำถาม1 : ไปทำอะไร (ตอบ) ท่องเที่ยวค่ะ
- คำถาม2 :ไปคนเดียวหรอคะ (ตอบ) ใช่ค่ะ
คำถามเป็นภาษาไทยนะคะ ส่วนคำถามที่เราได้ยินจากคนอื่นๆ คือ มีถามเช้กเบอร์โทรศัพท์ สถานที่ทำงาน สถานการศึกษา ระยะเวลา ความสัมพันธ์กับคนที่เดินทางไปด้วยกัน และความสัมพันธ์กับสปอนเซอร์ // หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้วางนิ้วมือเพื่อสแกนค่ะ และเดินไปต่อที่เคานเตอร์หมายเลข 10 เพื่อสแกนนิ้วมืออีกรอบค่ะ ในขั้นตอนนี้จะมีถามเช้กชื่อว่าถูกต้องมั้ย
9.2 สัมภาษณ์ด่านสุดท้ายกับชาวต่างชาติ
เป็นการสัมภาษณ์ชี้ชะตาว่าวีซ่าจะผ่านหรือไม่ ตอนเราไปมีเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 4 ช่อง เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด (แต่สามารถพูดไทยได้) ของเราเจอสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษกับฝรั่งผู้ชายที่ก่อนหน้านี้เพิ่งเห็นเค้าปฏิเสธวีซ่าคนอื่นมาติดกันสามคน -*-
- คำถาม1 : ไปที่ไหนครับ (ตอบ) Sacramento, Califonia
- คำถาม2 : เคยได้วีซ่านักเรียนมาก่อนหรือครับ (ตอบ) ใช่ค่ะ เคยไปเรียนที่ xxx ตอนปี 2014 เป็นโครงการระหว่างมหาวิทยาลัยในไทยกับที่อเมริกาค่ะ // ที่จริงเราพยายามใส่ดีเทล เพราะมีคนบอกว่าให้พูดรายละเอียดเยอะๆไว้ก่อน แต่พูดได้แค่นี้ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า Visa Approved แล้ว เรานี่อ้าปากค้างนิดนึง 55 แล้วก็ Thank You เค้าไป สิริรวมเวลาแล้วน่าจะประมาณ 1 นาทีได้ค่ะ -*- แอบคิดในใจเหมือนกันว่าอุตสาห์เตรียมเอกสาร กับพารานอยด์เรื่องสัมภาษณ์ล่วงหน้าไปแล้ว แต่ปรากฏว่าง่ายกว่าที่คิดมากๆๆๆค่ะ ที่นานที่สุดคงเป็นตอนรอคิวตามเคานเตอร์ต่างๆค่ะ เราสัมภาษณ์วันที่ 6/6/59 รอบ 8:30 น. แต่กว่าจะเสร็จก็ 10 โมงกว่าๆนู่นค่ะ ><''
10. ส่งท้ายเพิ่มเติมค่ะ
- แอบได้ยินบางท่านที่ถูกปฏิเสธวีซ่า จะเจอคำถามเกี่ยวกับ อายุการทำงาน, ประวัติการเดินทาง, ความสัมพันธ์กับสปอนเซอร์, ความสัมพันธ์กับคนที่จะไปเยี่ยม, ระยะเวลาเดินทาง(ที่นานไป) ซึ่งพวกนี้ค่อนข้างตรงกับที่เราอ่านเจอจากในกระทู้เก่าๆเหมือนกันค่ะว่า บางครั้งถ้าบอกว่ารู้จักใครที่นั่นอาจทำให้ขอวีซ่ายากขึ้น และถ้าไม่เคยเดินทางไปไหนเลย หรือขาดเอกสารเกี่ยวกับการทำงาน เช่น ใบลา, สลิปเงินเดือน หรืออายุการทำงานน้อยไป หรือบางคนอายุอยู่ในวัยทำงานแต่ไม่สปอนเซอร์ตัวเองหรือแสดงหลักฐานการเงินที่ดีก็อาจจะผ่านยากหน่อยค่ะ
- ถึงเจ้าหน้าที่ด่านแรกจะหยิบเอกสารให้นิดเดียว แต่ยังไงเตรียมเอกสารแน่นๆไว้ก่อนดีกว่าค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่อาจถามถึงได้ตลอดเวลา เราเห็นบางคนบอกว่าลางานได้ xx วัน แต่พอเจ้าหน้าที่ขอดูใบลา แล้วเค้าบอกว่าไม่ได้เอามา คือมาคุมาก ><''
- การกรอกรายละเอียดใน DS-160 เป็นส่วนสำคัญในการพิจารณามากๆค่ะ หลายท่านที่ขอผ่านแนะนำว่าต้องกรอกให้ละเอียดเข้าไว้ จะได้ไม่เจอคำถามไม่คาดฝันค่ะ และไม่ควรให้ข้อมูลเท็จ หรือขัดแย้งกับข้อมูลในอดีตค่ะ แม้กระทั่งข้อมูลของญาติที่ไทยหรือที่อเมริกา ถ้าเคยขอวีซ่ามาก่อน เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงข้อมูลตรงนี้ได้หมดเลยค่ะ
- การสัมภาษณ์ไม่ว่าจะภาษาไทยหรืออังกฤษ ก็ไม่มีผลต่อการพิจารณานะคะ เวลาสัมภาษณ์ให้สื่อสารด้วยภาษาที่มั่นใจ และตอบฉะฉานไปเลยค่ะ ^^
- ตอนฝากของต้องใช้บัตรประชาชน และจะซีเรียสการฝากมือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์เป็นพิเศษค่ะ ส่วนกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่ ก็เห็นคนถือเข้าไปได้นะคะ
- ในการสัมภาษณ์จะเรียกไปต่อแถวเป็นรอบๆนะคะ ถ้ายังไม่ถึงรอบเรา แต่ต่อแถวถึงเจ้าหน้าที่แล้ว เค้าก็ให้กลับไปนั่งรอก่อนอยู่ดีค่ะ
- ข้างในอาคารมีบูธถ่ายรูปอัตโนมัติ 4 ใบราคา 150 บาทค่ะ และเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบอายุรูปถ่ายได้ว่าเป็นรูปที่ถ่ายเกิน 6 เดือนหรือไม่ ดังนั้นเอาอันอัพเดทไป ปลอดภัยที่สุดนะคะ ><
- การชำระเงินค่าสมัครทำวีซ่ามีให้เลือกว่าจะจ่ายทางอินเตอเน็ท หรือไปจ่ายที่ธนาคาร แต่ต้องผ่านธนาคารกรุงศรีเท่านั้น เราเลือกวิธีพรินต์เอกสารไปจ่ายที่ธนาคารค่ะ เพราะการโอนจะถึงสถานทูตในวันทำการถัดไป ทำให้สามารถเข้าไปจองนัดวันสัมภาษณ์ได้เร็วค่ะ โดยหลังโอนแล้วสามารถเอารหัสไปกรอกในเว็บไซต์เพื่อจองได้เลยค่ะ (ถ้าโอนในอินเตอเน็ทรู้สึกจะ 2-3 วันทำการ)
- เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะได้รับพาสปอร์ตคืนภายใน 5-6 วันค่ะ โดยให้ติดตามสถานะการจัดส่งไปรษณีย์จากรหัสที่เราจดไป และเข้าไปกรอกเลขที่เว็บไซต์ไปรษณีย์ http://track.thailandpost.co.th/tracking/default.aspx แต่บางคนบอกว่า 2-3 วันก็ได้รับคืนแล้วก็มีค่ะ ส่วนคนที่จะรับเอง สามารถรับได้ที่ไปรษณีย์สาขารองเมืองเท่านั้นนะคะ (สรุปแล้ว จขกท. ได้รับคืนใน 2 วันค่ะ ได้วีซ่า 10 ปี >< เย้)
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกานะคะ ^^