เจ้าเวหา – ความก้าวหน้าของการ “วางแผนงานสร้าง” ละครไทย
ภายหลังจากการก้าวเข้ามามีบทบาทของช่องทีวีดิจิตอล เป็นผลทำให้บรรดาละครหลายช่องพยายามพัฒนา “วิธีการนำเสนอ” ละครของตัวเองให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น การทำให้ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วม “ฮอร์โมน เดอะซีรีส์” ที่เรียกได้ว่าวัยรุ่นกระโปรงบาน ขาสั้น (ศัพท์โบราณไปไหม) ติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง หรือละครของช่อง 8 ที่เน้นความ “ตลาด” มีความรุนแรงเรื่องเพศ ภาษาและเนื้อหาอย่างโจ้งแจ้งตัวละครมักเป็นกลุ่มอาชีพหาเช้ากินค่ำ หรือละครอย่างช่อง GMM ที่เน้นตัวละครเป็นคนเมืองเป็นช่วงวัยรุ่นและกลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่มีวิถีชีวิตที่มีความทันสมัย เหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นการ “จับกลุ่มคนดู” ที่มีความชัดเจน
ในขณะที่ช่อง TRUE4U ก็เลือกจะฉีกตลาดตัวเองในการทำละคร “เจ้าเวหา” ที่จะว่าไปละครแนวตำรวจ-ผู้ร้าย ช่องที่น่าจะถนัดกับละครแนวนี้มากที่สุดน่าจะหนีไม่พ้นช่องมากสีอย่างช่อง 7 แต่ในขณะเดียวกันละครเรื่องนี้ก็สามารถทำให้ละครดูสามารถจับกลุ่มตลาดคนเมืองได้มากขึ้นด้วย “งานสร้าง” ที่ฉากกำกับคิวบู้ หรือการออกแบบฉากที่ดูมีการวางแผน (หรือเดาได้ว่ามีการเขียนสตอรี่บอร์ดการกำกับคิวบู้เอาไว้ล่วงหน้า)
เมื่อพิจารณาจากผู้กำกับการแสดงอย่าง อ๊อด-บัณฑิต ทองดี ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ผันตัวมาทำละครในช่วงหลังๆ ก็จะเห็นได้ว่าตัวผู้กำกับเองใส่ใจในรายละเอียดการสร้างพอสมควร นอกจากนี้ผลงานการทำหนังแอ็คชั่นของคุณอ๊อดอย่างเรื่อง “มนุษย์เหล็กไหล” นั้นก็ทำออกมาได้สนุก (แม้ว่าหลายอย่างในหนังจะดูไม่สมเหตุสมผลก็ตาม) ซึ่งเขาคนนี้เป็นคนดูแลเรื่องราวของ เจ้าเวหา ใน PART ของ ฝั่งน้ำจรดฝั่งฟ้า (อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์ และนุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี)
กลับมาที่เจ้าเวหา ซึ่งเป็นละครแนวตำรวจ-ผู้ร้าย มีการแบ่งฝ่ายขาวกับดำค่อนข้างชัดเจน ระหว่างมีการสืบคดี เพื่อตามรอยของฝั่งตัวร้าย จริงอยู่ที่พล็อตเรื่องแนวนี้ไม่ได้อยู่เหนือการคาดเดาของบรรดาคอละครสักเท่าไหร่ แต่ระหว่างทางของละครเมื่อโฟกัสไปในส่วนของฉากแอ็คชั่นแล้ว ซีนเปิดเรื่องของละครใน EP แรก
https://youtu.be/E6LzAbOyFAQ เรียกได้ว่ามีความก้าวหน้าในการออกแบบงานสร้างทัดเทียมพอๆกับหนังยาวเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
แต่พอละครเข้าไปสู่ช่วงกลางๆเรื่องแล้วดูเหมือนพล็อตเรื่องจะอ่อนกำลังลง และเหมือนทิศทางของละครจะเป็นแนวสืบสวนสอบสวนมากกว่าจะให้น้ำหนักฉากแอ็คชั่น และบางส่วนโดยเฉพาะซับพล็อตเรื่องครอบครัว เรื่องรักๆใคร่ๆของพระนาง ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ละครดูยืดเยื้อไปบ้างแต่ความน่าติดตามก็ยังมีอยู่
สถานการณ์ตอนนี้เข้าใกล้ช่วงเวลาในการขมวดปมของเรื่องราวใน PART แรกเข้าไปเต็มที ก่อนที่ “เจ้าเวหา” จะส่งไม้ผลัดให้กับ PART ต่อไปอย่าง พิชิตแดนใจ สถานการณ์ในช่วงไคลแมกซ์ของฝั่งน้ำจรดฝั่งฟ้า นาวาโทนาวิน สิทธิรัตน์ (อธิชาติ ชุมนานนท์) จะสาวถึงตัวผู้กระทำผิดได้หรือไม่ แต่เหตุการณตอนที่จะถึงในตอนต่อไปน่าจะมาพร้อมกับกับฉากแอ็คชั่นตื่นเต้นและมาพร้อมคิวบู้อีกครั้ง (ดูจากตัวอย่างตอนต่อไปของ EP23
https://youtu.be/mi5ziNmZO6s)
เจ้าเวหาอาจจะไม่ใช่ละครที่พูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นละครทีดีในรอบปี แต่ในขณะเดียวกัน “ความตั้งใจ” ในการ “ยกระดับ” การสร้างละครเรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าน่าสนใจและเป็นนิมิตใหม่ของวงการละครไทยอีกเรื่องของปีก็ว่าได้
[CR] เจ้าเวหา – ความก้าวหน้าของการ “วางแผนงานสร้าง” ละครไทย
ภายหลังจากการก้าวเข้ามามีบทบาทของช่องทีวีดิจิตอล เป็นผลทำให้บรรดาละครหลายช่องพยายามพัฒนา “วิธีการนำเสนอ” ละครของตัวเองให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น การทำให้ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วม “ฮอร์โมน เดอะซีรีส์” ที่เรียกได้ว่าวัยรุ่นกระโปรงบาน ขาสั้น (ศัพท์โบราณไปไหม) ติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง หรือละครของช่อง 8 ที่เน้นความ “ตลาด” มีความรุนแรงเรื่องเพศ ภาษาและเนื้อหาอย่างโจ้งแจ้งตัวละครมักเป็นกลุ่มอาชีพหาเช้ากินค่ำ หรือละครอย่างช่อง GMM ที่เน้นตัวละครเป็นคนเมืองเป็นช่วงวัยรุ่นและกลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่มีวิถีชีวิตที่มีความทันสมัย เหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นการ “จับกลุ่มคนดู” ที่มีความชัดเจน
ในขณะที่ช่อง TRUE4U ก็เลือกจะฉีกตลาดตัวเองในการทำละคร “เจ้าเวหา” ที่จะว่าไปละครแนวตำรวจ-ผู้ร้าย ช่องที่น่าจะถนัดกับละครแนวนี้มากที่สุดน่าจะหนีไม่พ้นช่องมากสีอย่างช่อง 7 แต่ในขณะเดียวกันละครเรื่องนี้ก็สามารถทำให้ละครดูสามารถจับกลุ่มตลาดคนเมืองได้มากขึ้นด้วย “งานสร้าง” ที่ฉากกำกับคิวบู้ หรือการออกแบบฉากที่ดูมีการวางแผน (หรือเดาได้ว่ามีการเขียนสตอรี่บอร์ดการกำกับคิวบู้เอาไว้ล่วงหน้า)
เมื่อพิจารณาจากผู้กำกับการแสดงอย่าง อ๊อด-บัณฑิต ทองดี ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ผันตัวมาทำละครในช่วงหลังๆ ก็จะเห็นได้ว่าตัวผู้กำกับเองใส่ใจในรายละเอียดการสร้างพอสมควร นอกจากนี้ผลงานการทำหนังแอ็คชั่นของคุณอ๊อดอย่างเรื่อง “มนุษย์เหล็กไหล” นั้นก็ทำออกมาได้สนุก (แม้ว่าหลายอย่างในหนังจะดูไม่สมเหตุสมผลก็ตาม) ซึ่งเขาคนนี้เป็นคนดูแลเรื่องราวของ เจ้าเวหา ใน PART ของ ฝั่งน้ำจรดฝั่งฟ้า (อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์ และนุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี)
กลับมาที่เจ้าเวหา ซึ่งเป็นละครแนวตำรวจ-ผู้ร้าย มีการแบ่งฝ่ายขาวกับดำค่อนข้างชัดเจน ระหว่างมีการสืบคดี เพื่อตามรอยของฝั่งตัวร้าย จริงอยู่ที่พล็อตเรื่องแนวนี้ไม่ได้อยู่เหนือการคาดเดาของบรรดาคอละครสักเท่าไหร่ แต่ระหว่างทางของละครเมื่อโฟกัสไปในส่วนของฉากแอ็คชั่นแล้ว ซีนเปิดเรื่องของละครใน EP แรก https://youtu.be/E6LzAbOyFAQ เรียกได้ว่ามีความก้าวหน้าในการออกแบบงานสร้างทัดเทียมพอๆกับหนังยาวเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
แต่พอละครเข้าไปสู่ช่วงกลางๆเรื่องแล้วดูเหมือนพล็อตเรื่องจะอ่อนกำลังลง และเหมือนทิศทางของละครจะเป็นแนวสืบสวนสอบสวนมากกว่าจะให้น้ำหนักฉากแอ็คชั่น และบางส่วนโดยเฉพาะซับพล็อตเรื่องครอบครัว เรื่องรักๆใคร่ๆของพระนาง ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ละครดูยืดเยื้อไปบ้างแต่ความน่าติดตามก็ยังมีอยู่
สถานการณ์ตอนนี้เข้าใกล้ช่วงเวลาในการขมวดปมของเรื่องราวใน PART แรกเข้าไปเต็มที ก่อนที่ “เจ้าเวหา” จะส่งไม้ผลัดให้กับ PART ต่อไปอย่าง พิชิตแดนใจ สถานการณ์ในช่วงไคลแมกซ์ของฝั่งน้ำจรดฝั่งฟ้า นาวาโทนาวิน สิทธิรัตน์ (อธิชาติ ชุมนานนท์) จะสาวถึงตัวผู้กระทำผิดได้หรือไม่ แต่เหตุการณตอนที่จะถึงในตอนต่อไปน่าจะมาพร้อมกับกับฉากแอ็คชั่นตื่นเต้นและมาพร้อมคิวบู้อีกครั้ง (ดูจากตัวอย่างตอนต่อไปของ EP23 https://youtu.be/mi5ziNmZO6s)
เจ้าเวหาอาจจะไม่ใช่ละครที่พูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นละครทีดีในรอบปี แต่ในขณะเดียวกัน “ความตั้งใจ” ในการ “ยกระดับ” การสร้างละครเรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าน่าสนใจและเป็นนิมิตใหม่ของวงการละครไทยอีกเรื่องของปีก็ว่าได้