สวัสดีค่ะเพื่อนๆสมาชิก พอดีมีเรื่องที่เพิ่งไปเจอมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รู้สึกประทับใจ(ในตอนท้าย) เลยอยากเอามาแชร์ต่อ
เรื่องมันมีอยู่ว่า ทางครอบครัวเราต้องไปทำธุรกรรมที่ธนาคาร และต้องไปหลายที่ ในห้างแห่งนี้ เลยเลือกที่จะไปก่อนห้างเปิดซักเล็กน้อย เพื่อจะได้มีที่จอดรถ และขี้เกียจไปหงุดหงิดกะรถติดในห้าง ตอนนั้นในลานจอด รถค่อนข้างน้อย วิ่งกันฉิวและก็มีคนมาก่อนแบบเรา เริ่มจอดกันบ้างแล้ว และคน ส่วนใหญ่จะยังอยู่ใกล้ๆรถ เพื่อรอประตูห้างเปิด ขณะเตรียมตัวจะลงจากรถกัน ก็ได้ยินเสียงดัง คลุ๊กๆ แล้วตามด้วยเสียงเอ๋งงง ดังมาก แล้วตามมาด้วยเสียงหอนที่โหยหวนสุดๆ
ซึ่งตอนนั้นกำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แม่อิชั้นก็วิ่งลงจากรถไป
พร้อมโวยวายดังลั่น “มีคนขับรถชนหมา ๆ #@$“ แล้วก็ด่าไปด้วย ก็เลยบอกน้องชายรีบลงไปดูเหอะ สิ่งที่พบคือ หมาเยินๆตัวนึง (คือลักษณะแก่มาก ตัวมอมๆ ฟันบนหน้าไม่มี) ค่อยๆใช้ขาหน้าลากสังขารมาทางพวกเรา ในขณะที่ขาหลังทั้งสองข้างพับมาด้านหน้า มีบาดแผลที่ขา และมีเลือดซึม (ใช้คำว่าถัด หรือไถตัวเองมาก็ได้) และในขณะเดียวกันก็ร้อง หรือจะใช้คำว่าหอน อย่างโหยหวนอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นก็มีคนที่เห็นเหตุการณ์ที่จอดรถแถวนั้นวิ่งมาบอกว่า “ผมเห็นครับ เมื่อกี้มีรถสีขาว รุ่น Captiva ชนมันเข้าอย่างจัง และก็หนีขี้นข้างบนไปแล้ว” แม่เรา “อ้าวแล้วยามหล่ะไปไหน ไปตามคนชนมาดูซิ หนีไปได้ไง ชนดังขนาดนั้นแทนที่จะลงมาดู บลา บลา (ยาวไปเลย....แม่เรา
)” เราก็เลยบอกว่าช่างมันก่อนไหม มาดูหมาก่อนเฮอะ ว่าจะทำไงดี
ด้วยความที่เจ้าหมามันหอนยาวไม่หยุด แล้วเสียงก็ดังก้อง (เนื่องจากอยู่ภายในอาคารจอดรถด้วยละมั้ง) ชวนเวทนาเป็นที่สุด
คราวนี้คนที่อยู่แถวๆรถอยู่แล้วเริ่มออกมาดู รวมทั้งยาม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคาร และหัวหน้าแม่บ้าน ถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเค้าได้ยินเสียงหมาร้องน่ากลัวมาก
ขณะที่พวกเรากำลังคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ยามก็มา ตามมาด้วยหัวหน้าแม่บ้าน มาถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วก็ลงความเห็นกันว่า เราพาหมาไปหาหมอกันเถอะ อาการดูแย่มาก ในขณะนั้นยามได้ใช้รถมอเตอร์ไซด์มาขวางช่องจอดรถที่หมาหมอบไว้ เพื่อป้องกันคนมาจอด เดี๊ยวโดนทับซ้ำจะแย่ไปอีก แต่แน่นอนเจ้าหมาก็ไม่อยู่กับที่ พร้อมถัดตัวหนีจากเราเรื่อยๆ (ก็เข้าใจนะ ตอนนั้นทั้งกลัว ทั้งเจ็บไม่รู้จะทำไงอ่ะนะ) พวกกลุ่มลูกค้า และเจ้าหน้าที่ยามเริ่มล้อมวงหมากัน เพื่อจะจับและกันมันไม่ให้หนีไปที่อื่น ต่างคน ต่างปลอบมัน“เห้ย อย่าไป อย่าขยับนะ เดี๊ยวพาไปหาหมอ” พอเราเอาตัวไปขวาง มาก็แฮ่ๆใส่
ไม่ยอมให้เข้าใกล้ เชือกกะไม่มี ทั้งลูกค้า และเจ้าหน้าที่ทางแฟชั่นฯก็กลัวว่ามันจะกัด แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถจับมันได้
และแม่เราก็นึกขึ้นมาได้ว่า เอ๊ะจับมันพาไปหาหมอ แล้วค่ารักษาหล่ะ เราก็เลยควักตังค์ให้แม่ไป 1000นึง กลุ่มลูกค้าที่เหลือ ก็หยิบแบงก์ม่วง แบงก์เทาออกมาช่วยกันฉับไว จนรวบรวมได้ราว 7300 บาท รู้สึกประทับใจในน้ำใจครั้งนี้มาก ทั้งที่คนเหล่านั้น ก็แปลกหน้ากัน ไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่พร้อมใจกันให้ความช่วยเหลือบางท่านก็พยายามติดต่อหาสัตวแพทย์ให้มารับ แต่เนื่องจากไกลมาก อาจมาไม่ทันเวลา บางท่านโทรเรียกหน่วยดับเพลิง เพราะเห็นเค้าบอกว่าน่าจะมีอุปกรณ์ครบ และใช้เวลาแค่ 15 นาทีก็น่าจะมาถึง (แต่ก็ไม่ได้ใช้บริการ เพราะลูกค้าห้างฯไปให้ไวกว่า) หมาที่บาดเจ็บก็เป็นเพียงแค่หมาจรจัด ที่โชคร้ายเดินเข้ามาในบริเวณลานจอดรถห้าง ซึ่งบางคนอาจมองว่าไร้ค่า เกะกะ น่ารำคาญ แต่หลายๆท่าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทางห้างแฟชั่น ไอส์แลนด์ก็ยังยินดีให้ความช่วยเหลือ
สุดท้ายด้วยความเชื่อเหลือของเจ้าของร้าน Pet shop ที่หาอุปกรณ์ครอบปากมาให้ บวกกับความใจกล้าของลูกค้าผู้ชายท่านนึง (ซึ่งมาทราบชือภายหลังว่า คุณวิสุทธิ์) กับยามอีกคน ช่วยกันจับขึ้นรถไปส่งรพ.สัตว์ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร พี่วิสุทธิ์คนเดิมอาสาเป็นสารถี พร้อมลูกค้าอีก2 ท่านนั่งตามไปในรถ เพื่อนำทางไปยังรพ.ที่ใกล้ที่สุด
บทสรุป เรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกว่า
น้ำใจ ความเมตตา กรุณา ปราณี ยังหาได้ในคนไทย แม้แต่คนแปลกหน้า ที่มีต่อสัตว์ตัวหนึ่ง หรือแม้แต่
เจ้าหน้าที่ห้างแฟชั่น ไอส์แลนด์ ยอมรับเลยว่า พวกคุณมีหัวใจในงานบริการจากใจจริง หรือจะใช้คำว่ามี Hospitality น่าจะสื่อได้ครอบคลุมกว่า ขอชื่นชม
ส่วนอาการของเจ้าหมาจรนั้น หลังจากทีมลูกค้าที่พาไปส่งที่รพ. กลับมาถึงห้างฯ ได้เล่าว่า หมาตัวนี้สะโพกหัก ต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2 เดือน แต่ทำการเข้าเฝือกหรือดามเหล็กไม่ได้ เพราะสรีระหมาไม่สามารถทำได้ เลยทำการฉีดยาแก้ปวด และให้ยาอื่นมาให้กินต่อด้วย โดยทางฝ่ายอาคารของห้างฯ ได้ทำการจัดหาที่พักฟื้น พร้อมเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องยาให้
"รูปพี่วิสุทธิ์ กับเจ้าจร (พี่เค้าตั้งชื่อเอง)"
ขอขอบคุณ คนใจดีทั้งหลายที่ไม่ทราบชื่อ และอีกหลายท่านที่เป็นห่วงและไม่ได้อยู่ในรูป(พอดีพี่หัวหน้าแม่บ้าน ถ่ายให้) ทั้งออกกำลังทรัพย์ และยืนเป็นกำลังใจ ช่วยกันดักจับเจ้าหมาน้อย น้องเสื้อยืดขาว ที่โทรหาหน่วยดับเพลิง พี่ผู้ชาย และพี่ผู้หญิง ที่อนุเคราะห์กระสอบ พี่ผู้หญิงเสื้อขาวที่เป็น Navigatorพาเจ้าหมาไปหาหมอ และพี่วิสุทธิ์ที่ทั้งจับ ทั้งเป็นสารถี แถมบอกว่าจะมาเยี่ยมเจ้าจรทุกวันอีก (พอดีพี่เค้าต้องมาส่งแฟนมาทำงานที่นี้ประจำ) ขอบคุณพี่ตุ๊ก/หัวหน้าแม่บ้าน และคุณแพ็ท/ฝ่ายอาคารอย่างสูง ที่ให้ความกรุณากับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ชีวิตหนึ่ง
สิ่งเล่ามานี้ แค่อยากแชร์ประสบการณ์ที่ประสบมา แล้วรู้สึกประทับใจ ต่อการมีน้ำใจของคน ไม่ว่าจะกับคนรอบข้าง หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตรอบข้าง แต่เชื่อว่า หลายๆคนหากประสบเหตุจังๆต่อหน้า กับสิ่งที่เจ้าหมาตัวนี้ได้รับความทรมานอันแสนสาหัส ก็ต้องทำอย่างงี้เช่นเดียวกัน ส่วนใครมีคำแนะนำ ว่าจะหาที่พักพิงให้เจ้าจร หลังจากหายแล้วก็ออกความเห็นมาได้เลยนะคะ หรือจะติดต่อไปที่ห้างฯ ฝ่ายอาคารของห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ก็ได้ค่ะ
น้ำใจจากคนแปลกหน้า+เจ้าหน้าที่ห้างฯ กับหนึ่งชีวิต(ที่อาจไร้ค่า สำหรับบางคน)
เรื่องมันมีอยู่ว่า ทางครอบครัวเราต้องไปทำธุรกรรมที่ธนาคาร และต้องไปหลายที่ ในห้างแห่งนี้ เลยเลือกที่จะไปก่อนห้างเปิดซักเล็กน้อย เพื่อจะได้มีที่จอดรถ และขี้เกียจไปหงุดหงิดกะรถติดในห้าง ตอนนั้นในลานจอด รถค่อนข้างน้อย วิ่งกันฉิวและก็มีคนมาก่อนแบบเรา เริ่มจอดกันบ้างแล้ว และคน ส่วนใหญ่จะยังอยู่ใกล้ๆรถ เพื่อรอประตูห้างเปิด ขณะเตรียมตัวจะลงจากรถกัน ก็ได้ยินเสียงดัง คลุ๊กๆ แล้วตามด้วยเสียงเอ๋งงง ดังมาก แล้วตามมาด้วยเสียงหอนที่โหยหวนสุดๆ
ซึ่งตอนนั้นกำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แม่อิชั้นก็วิ่งลงจากรถไป พร้อมโวยวายดังลั่น “มีคนขับรถชนหมา ๆ #@$“ แล้วก็ด่าไปด้วย ก็เลยบอกน้องชายรีบลงไปดูเหอะ สิ่งที่พบคือ หมาเยินๆตัวนึง (คือลักษณะแก่มาก ตัวมอมๆ ฟันบนหน้าไม่มี) ค่อยๆใช้ขาหน้าลากสังขารมาทางพวกเรา ในขณะที่ขาหลังทั้งสองข้างพับมาด้านหน้า มีบาดแผลที่ขา และมีเลือดซึม (ใช้คำว่าถัด หรือไถตัวเองมาก็ได้) และในขณะเดียวกันก็ร้อง หรือจะใช้คำว่าหอน อย่างโหยหวนอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นก็มีคนที่เห็นเหตุการณ์ที่จอดรถแถวนั้นวิ่งมาบอกว่า “ผมเห็นครับ เมื่อกี้มีรถสีขาว รุ่น Captiva ชนมันเข้าอย่างจัง และก็หนีขี้นข้างบนไปแล้ว” แม่เรา “อ้าวแล้วยามหล่ะไปไหน ไปตามคนชนมาดูซิ หนีไปได้ไง ชนดังขนาดนั้นแทนที่จะลงมาดู บลา บลา (ยาวไปเลย....แม่เรา)” เราก็เลยบอกว่าช่างมันก่อนไหม มาดูหมาก่อนเฮอะ ว่าจะทำไงดี
ด้วยความที่เจ้าหมามันหอนยาวไม่หยุด แล้วเสียงก็ดังก้อง (เนื่องจากอยู่ภายในอาคารจอดรถด้วยละมั้ง) ชวนเวทนาเป็นที่สุด คราวนี้คนที่อยู่แถวๆรถอยู่แล้วเริ่มออกมาดู รวมทั้งยาม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคาร และหัวหน้าแม่บ้าน ถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเค้าได้ยินเสียงหมาร้องน่ากลัวมาก
ขณะที่พวกเรากำลังคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ยามก็มา ตามมาด้วยหัวหน้าแม่บ้าน มาถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วก็ลงความเห็นกันว่า เราพาหมาไปหาหมอกันเถอะ อาการดูแย่มาก ในขณะนั้นยามได้ใช้รถมอเตอร์ไซด์มาขวางช่องจอดรถที่หมาหมอบไว้ เพื่อป้องกันคนมาจอด เดี๊ยวโดนทับซ้ำจะแย่ไปอีก แต่แน่นอนเจ้าหมาก็ไม่อยู่กับที่ พร้อมถัดตัวหนีจากเราเรื่อยๆ (ก็เข้าใจนะ ตอนนั้นทั้งกลัว ทั้งเจ็บไม่รู้จะทำไงอ่ะนะ) พวกกลุ่มลูกค้า และเจ้าหน้าที่ยามเริ่มล้อมวงหมากัน เพื่อจะจับและกันมันไม่ให้หนีไปที่อื่น ต่างคน ต่างปลอบมัน“เห้ย อย่าไป อย่าขยับนะ เดี๊ยวพาไปหาหมอ” พอเราเอาตัวไปขวาง มาก็แฮ่ๆใส่ ไม่ยอมให้เข้าใกล้ เชือกกะไม่มี ทั้งลูกค้า และเจ้าหน้าที่ทางแฟชั่นฯก็กลัวว่ามันจะกัด แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถจับมันได้
และแม่เราก็นึกขึ้นมาได้ว่า เอ๊ะจับมันพาไปหาหมอ แล้วค่ารักษาหล่ะ เราก็เลยควักตังค์ให้แม่ไป 1000นึง กลุ่มลูกค้าที่เหลือ ก็หยิบแบงก์ม่วง แบงก์เทาออกมาช่วยกันฉับไว จนรวบรวมได้ราว 7300 บาท รู้สึกประทับใจในน้ำใจครั้งนี้มาก ทั้งที่คนเหล่านั้น ก็แปลกหน้ากัน ไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่พร้อมใจกันให้ความช่วยเหลือบางท่านก็พยายามติดต่อหาสัตวแพทย์ให้มารับ แต่เนื่องจากไกลมาก อาจมาไม่ทันเวลา บางท่านโทรเรียกหน่วยดับเพลิง เพราะเห็นเค้าบอกว่าน่าจะมีอุปกรณ์ครบ และใช้เวลาแค่ 15 นาทีก็น่าจะมาถึง (แต่ก็ไม่ได้ใช้บริการ เพราะลูกค้าห้างฯไปให้ไวกว่า) หมาที่บาดเจ็บก็เป็นเพียงแค่หมาจรจัด ที่โชคร้ายเดินเข้ามาในบริเวณลานจอดรถห้าง ซึ่งบางคนอาจมองว่าไร้ค่า เกะกะ น่ารำคาญ แต่หลายๆท่าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทางห้างแฟชั่น ไอส์แลนด์ก็ยังยินดีให้ความช่วยเหลือ
สุดท้ายด้วยความเชื่อเหลือของเจ้าของร้าน Pet shop ที่หาอุปกรณ์ครอบปากมาให้ บวกกับความใจกล้าของลูกค้าผู้ชายท่านนึง (ซึ่งมาทราบชือภายหลังว่า คุณวิสุทธิ์) กับยามอีกคน ช่วยกันจับขึ้นรถไปส่งรพ.สัตว์ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร พี่วิสุทธิ์คนเดิมอาสาเป็นสารถี พร้อมลูกค้าอีก2 ท่านนั่งตามไปในรถ เพื่อนำทางไปยังรพ.ที่ใกล้ที่สุด
บทสรุป เรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกว่า น้ำใจ ความเมตตา กรุณา ปราณี ยังหาได้ในคนไทย แม้แต่คนแปลกหน้า ที่มีต่อสัตว์ตัวหนึ่ง หรือแม้แต่ เจ้าหน้าที่ห้างแฟชั่น ไอส์แลนด์ ยอมรับเลยว่า พวกคุณมีหัวใจในงานบริการจากใจจริง หรือจะใช้คำว่ามี Hospitality น่าจะสื่อได้ครอบคลุมกว่า ขอชื่นชม
ส่วนอาการของเจ้าหมาจรนั้น หลังจากทีมลูกค้าที่พาไปส่งที่รพ. กลับมาถึงห้างฯ ได้เล่าว่า หมาตัวนี้สะโพกหัก ต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2 เดือน แต่ทำการเข้าเฝือกหรือดามเหล็กไม่ได้ เพราะสรีระหมาไม่สามารถทำได้ เลยทำการฉีดยาแก้ปวด และให้ยาอื่นมาให้กินต่อด้วย โดยทางฝ่ายอาคารของห้างฯ ได้ทำการจัดหาที่พักฟื้น พร้อมเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องยาให้
"รูปพี่วิสุทธิ์ กับเจ้าจร (พี่เค้าตั้งชื่อเอง)"
ขอขอบคุณ คนใจดีทั้งหลายที่ไม่ทราบชื่อ และอีกหลายท่านที่เป็นห่วงและไม่ได้อยู่ในรูป(พอดีพี่หัวหน้าแม่บ้าน ถ่ายให้) ทั้งออกกำลังทรัพย์ และยืนเป็นกำลังใจ ช่วยกันดักจับเจ้าหมาน้อย น้องเสื้อยืดขาว ที่โทรหาหน่วยดับเพลิง พี่ผู้ชาย และพี่ผู้หญิง ที่อนุเคราะห์กระสอบ พี่ผู้หญิงเสื้อขาวที่เป็น Navigatorพาเจ้าหมาไปหาหมอ และพี่วิสุทธิ์ที่ทั้งจับ ทั้งเป็นสารถี แถมบอกว่าจะมาเยี่ยมเจ้าจรทุกวันอีก (พอดีพี่เค้าต้องมาส่งแฟนมาทำงานที่นี้ประจำ) ขอบคุณพี่ตุ๊ก/หัวหน้าแม่บ้าน และคุณแพ็ท/ฝ่ายอาคารอย่างสูง ที่ให้ความกรุณากับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ชีวิตหนึ่ง
สิ่งเล่ามานี้ แค่อยากแชร์ประสบการณ์ที่ประสบมา แล้วรู้สึกประทับใจ ต่อการมีน้ำใจของคน ไม่ว่าจะกับคนรอบข้าง หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตรอบข้าง แต่เชื่อว่า หลายๆคนหากประสบเหตุจังๆต่อหน้า กับสิ่งที่เจ้าหมาตัวนี้ได้รับความทรมานอันแสนสาหัส ก็ต้องทำอย่างงี้เช่นเดียวกัน ส่วนใครมีคำแนะนำ ว่าจะหาที่พักพิงให้เจ้าจร หลังจากหายแล้วก็ออกความเห็นมาได้เลยนะคะ หรือจะติดต่อไปที่ห้างฯ ฝ่ายอาคารของห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ก็ได้ค่ะ