Dogo Robots On Patrol หุ่นยนต์พิฆาต
สามารถปีนป่ายขึ้นลงบันไดและยิงศัตรูได้
ผ่านการบังคับทาง Remote ของคนบังคับ
จัดสร้างขึ้นโดย Israel’s General Robotics
ธุรกิจที่มีทีมงานเพียง 15 คน
อุปกรณ์หุ่นยนต์ที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้งาน
สามารถพับเก็บได้เพื่อความคล่องตัว
แต่ความลับของหุ่นยนต์ตัวนี้คือ
ฝาบนที่ปิดเปิดได้มีอาวุธปืนสั้น Glock 26
พร้อมกระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 14 นัด
ซ่อนอยู่ภายในพร้อมสั่งยิงได้ทันที



หุ่นยนต์ตัวนี้ดูเหมือนของเล่นเด็ก Nerf http://goo.gl/7FTVMU
แต่ที่ร้ายกาจกว่าของเล่นเด็กคือ
มันฆ่าศัตรูที่เล็งไว้ได้จริง ๆ ผ่านการควบคุมของคน
Dogo จะถูกบังคับด้วย  Remote Control
จากเครื่องควบคุมที่มีหน้าจอตรวจสอบ
ภาพเคลื่อนไหวแบบวินาทีต่อวินาที
ผ่านทางระบบ Wifi ที่สื่อสารกัน
ภายใต้ช่องสัญญาณพิเศษที่ฝ่ายตรงข้ามก่อกวนแทบไม่ได้
ด้วย Software กับ Firmware ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่
สามารถทำงานเป็นอิสระต่างหาก
และทำงานคู่ขนานประสานงานกันได้ในเวลาเดียวกัน
เพื่อให้คนบังคับหุ่นยนต์พิฆาตตัดสินใจยิงศัตรูได้ทันที



หุ่นยนต์มีการติดตั้งลำโพงและไมโครโฟน
เพื่อให้ตำรวจหรือผู้ปฏิบัติงาน
สามารถเจรจาต่อรองแทนการเผชิญหน้าโดยตรง
น้ำหนักรวม 24.25 ปอนด์ (11 กิโลกรัม)
เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 4 ไมล์ (6 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง
สามารถหมุนได้รอบตัว 360 องศา
พร้อมติดตั้งกล้องถ่ายภาพจำนวน 8 ตัว
กล้อง 6 ตัวไว้ถ่ายทอดสดรอบตัว 360 องศา
กล้องอีก 2 ตัวไว้เล็งยิงศัตรูที่อยู่ในเป้าหมาย
มีหางปลาคู่ที่ยื่นเข้าออกจากด้านข้างได้
เพื่อพยุงตัวตอนหุ่นยนต์ขึ้นลงบันได
สามารถส่องแสงและเคลื่อนที่ใต้ท้องรถยนต์
หรือจะติดตั้งกล้องถ่ายภาพ/สายลับเพิ่มเติมได้อีก
ในกรณีไม่ต้องการติดตั้งอาวุธไว้ฆ่าศัตรู
ก็ยังสามารถติดตั้งสเปรย์พริกไทย กระสุนควัน หรืออย่างอื่นได้
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งสามารถใช้งานได้นานถึง 4 ชั่วโมง



แม้ว่า Dogo จะไม่ใช่หุ่นยนต์สงครามตัวแรก
เพราะมีหลายบริษัทต่างผลิตหุ่นยนต์ออกมาใช้งานหลายแบบแล้ว
แต่การออกแบบและการใช้งานแทบไม่แตกต่างกัน
แต่ที่ Dogo โดดเด่นมากกว่าคือ รูปร่างและขนาดของหุ่นยนต์
ที่เป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำ น่าจะเป็นต้นแบบอนาคตของหุ่นยนต์พิฆาต
ที่มีการติดตั้ง Software และ Firmware ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่
จากทีมงานวิจัย Israeli MoD’s research and development directorate
ที่คิดค้นพัฒนาอาวุธสงครามชนิดต่าง ๆ ของยิว
ทำงานร่วมกับ Col. Udi Gal นายทหารยศพันเอกที่เกษียณอายุราชการ
ประธานธุรกิจ General Robotics ได้ให้สัมภาษณ์ว่า



"  Dogo มีการออกแบบขึ้นมาตามความต้องการของ
Israel Police’s Counter-Terror Unit  (หน่วยตำรวจต่อสู้การก่อการร้าย) กับ
Defense Ministry’s Research and Development Directorate
(กองอำนวยการวิจัยและพัฒนาของกระทรวงกลาโหม)
เพื่อรักษาชีวิตผู้คนจากการก่อการร้ายที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก
Slogan ธุรกิจของเราคือ ให้ Dogo เสี่ยงภัยแทนคน”

ในช่วงปี 2009 ธุรกิจนี้ได้ผลิตหุ่นยนต์พิฆาต
ODF Optronics รุ่นขนาดเล็กของ Israeli
แต่ก็ยังมีน้ำหนักถึง 250 ปอนด์
หุ่นยนต์รุ่นนี้ยังการสั่งซื้อและใช้กันแพร่หลายในหน่วยงาน
SWAT และหน่วยรบพิเศษหลายประเทศ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ธุรกิจนี้เพิ่งผ่านการนำเสนอ
อาวุธยุทโธปกรณ์แบบใหม่ให้กับกองทัพ  Israeli
คาดว่าเป็นอาวุธสำหรับการสู้รบในเมือง
สามารถยิงกระสุนครั้งละ 1,000 นัดในคราวเดียวกัน



Dogo ได้ชื่อตามสุนัขพันธุ์ Argentina Mastiff
สุนัขอารักขามนุษย์ที่ทรงพลังและซื่อสัตย์
รวมทั้งใช้ในงานล่าสัตว์ที่มีขนาดใหญ่



เรียบเรียง/ที่มา  
http://goo.gl/XiDfbU
http://goo.gl/yNU80K

---

---

เรื่องเล่าไร้สาระ

Defense Ministry  ที่แปลว่า กระทรวงกลาโหม
มาจากภาษาเขมรโบราณ ที่แปลว่า คนบูชาไฟ
เพราะไฟหายากและทำให้จุดติดยากมากในอดีต
ทำให้ในสมัยก่อนมีแต่ชนชั้นสูง กษัตริย์ นักบวช
จึงสามารถทำพิธีบูชาไฟได้เท่านั้น
ต่อมาขยายขอบเขตเป็นพิธีกรรม
และการเตรียมทำสงครามจะมีพิธีบูชาไฟก่อน

มีการสันนิษฐานว่า ยิว
Jews  Israel มาจาก Jacob หลานชายของ Abraham
ที่เคยต่อสู้กับเทพ/พระเจ้าด้วยมวยปล้ำ
จึงผสมสองคำคือ Israel มวยปล้ำกับพระเจ้า

Hebrew คือตัวอักษรที่พัฒนามาจากชนเผ่าต่าง ๆ
ในดินแดนสุเมเรียนจนเป็นภาษาของตนเอง
มีการใช้งานในชนเผ่ากลุ่มแรกที่เรียกชนเผ่า Canaan
ต่อมามักจะถูกเรียกกันว่า Jews
ที่มีนัยทั้งเหยียดหยาม/ยกย่อง
ส่วนคนในชาติยิวมักจะเรียกตนเองว่า  Israel
เหมือน Japan  อยากจะเรียกชาติตนเองว่า  Nippon
หรือ  Korea  อยากจะเรียกชาติตนเองว่า Joseon



ยิวสืบทอดการเป็นลูกหลานชาวยิวทางแม่เป็นหลัก
เพราะพวก Rabbai นักบวชชาวยิว
ที่ค่อนข้างฉลาดและมองเห็นการณ์ไกล
ได้เล็งเห็นอนาคตและหายนะของชนชาวยิว
ที่เปรียบเทียบกับชนเผ่าอื่น ๆ ในอดีต
ที่ห้อมล้อมเคยเป็นมิตร/ศัตรูกับยิวมาก่อนว่า

ถ้าใช้ผู้ชายเป็นหลักในการสืบสายเลือดเผ่าพันธ์
มีแนวโน้มว่าสายพันธุ์ยิวจะสูญพันธุ์อย่างแน่นอน
เพราะการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนชาติ/ชนเผ่าต่าง ๆ
ในยุคโบราณมักจะฆ่าผู้ชายเป็นหลัก
ส่วนผู้หญิง/เด็กหญิงมักจะจับไปเป็นนางทาสหรือนางบำเรอ
ส่วนเด็กผู้ชายมักจะถูกจับตอนเป็นยูนุค/ขันทีไว้รับใช้ชนชั้นปกครอง
พวกโรมัน พวกสุลต่าน หรือพวกชนเผ่าเร่ร่อน/เบดูอิน
ที่เข้ามาปล้นสะดมชาวยิวตลอดจนทำลายล้างชาตินี้เสมอ

ดังนั้น  จะเห็นชนชาติยิวหน้าตาแปลก ๆ
เพราะการสืบทอดความเป็นชาวยิวมาจากแม่เป็นหลัก
ผลพวงของความคับแค้นและการไร้ชาติในอดีตของชาวยิว
ทำให้ชาวยิวต้องมุ่งมั่นและเน้นเรื่องความจำ/ความฉลาด
ส่งเสริมการเรียนการศึกษาให้เป็นทรัพย์สินติดตัว
แทนการสะสมทรัพย์สินต่าง ๆ เป็นหลัก
หรือการมีทุนทางปัญญามากกว่าทุนทางทรัพย์สิน
เพราะมีโอกาสถูกแย่งชิงปล้นไปหรือทำลายได้ง่าย
เหมือนในอดีตที่ยิว ยุโรปหลายชาติ หนักที่สุดเยอรมันนี
โดยมีแม่เป็นผู้อบรมหลักในการสืบทอดความเป็นยิว
เพื่อการเอาตัวรอดและมีชีวิตอยู่รอดได้
ภายใต้ดินแดนของผู้กดขี่/ดินแดนที่อาศัยในอดีต
จึงเป็นเบ้าหลอมชีวิตให้ชาวยิวแข็งแกร่งและอดทน
จนฝังลึกเข้าไปในสายเลือดพวกชาวยิวจนทุกวันนี้

แต่เมื่อยิวสร้างชาติตนเองขึ้นมาที่อิสราเอล
ก็ทำตัวไม่ต่างจากผู้กดขี่หรือพวกนาซีเยอรมันนี
ในการปกครอง/จัดการพวกชนพื้นเมืองปาเลสไตน์
ดังจะเห็นได้จากข่าวสารต่าง ๆ ที่มีการเผยแพร่