เสือแปรรูปซุกวัดป่า EP.1 คุ้ยเบื้องหลังดองลูกเสือ จุดแตกหัก หารไม่ลงตัว?..ที่แท้ก็เป็นจังซี่
ผงะ! พบซากศพลูกเสือ กว่า 40 ตัว ถูกดองแช่ไว้ในตู้เย็นขนาดใหญ่ ของ 'วัดป่าหลวงตาบัว' หรือ 'วัดเสือ' ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ขณะที่ เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าดำเนินการขนย้ายเสือ ข่าวสะเทือนอารมณ์ ที่สร้างระลอกคลื่นแห่งความตื่นตระหนกให้กับสังคมไทย ในวงกว้าง พร้อมกับสารพัดคำถามตามมาว่า เหตุไฉน....เรื่องอันแสนน่าสลดหู่เยี่ยงนี้ จึงได้เกิดขึ้นกับ สถานที่ที่ชาวสยาม เรียกกันว่า พุทธสถาน
พร้อมกับเกิดสารพัดความกังขา จนนำไปสู่การตั้งข้อสังเกตตามมา นานัปการ เช่น วัดเก็บดองซากลูกเสือจำนวนมากผิดปกติเอาไว้ทำอะไร? เหตุไฉน จึงจำเพาะต้องเป็น “ลูกเสือ” ….ฝีมือใคร ที่เป็นผู้ลงมือดองซากเสือ... วัตถุประสงค์ในการดองนี้...เพื่ออะไรกันแน่ ลูกเสือเหล่านั้น ตายตามธรรมชาติ หรือ มีใครพยายามทำให้มันตายก่อนที่จะลืมตาดูโลก โดยมีจุดประสงค์บางอย่าง จริงหรือไม่ ซากเสือที่เก็บไว้ สามารถเอาไปทำอะไรได้หรือไม่ แล้วแน่นอน...มันควรจะมีมูลค่ามหาศาลสักแค่ไหน!...และใครกันที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ อยากจะให้คุณผู้อ่านร่วมแกะรอยไปพร้อมๆ กับเรา กันดีกว่า ในซีรีส์สกู๊ป ทั้ง 2 ตอน ในวันนี้และวันพรุ่งนี้ ...
ติดตามได้นับจากบรรทัดนี้ เป็นต้นไป...
พบซากศพลูกว่า 40 ตัว ถูกดองแช่ไว้ในตู้เย็นขนาดใหญ่
ปฐมบท เสือวัดป่าหลวงตาบัว เปิดเบื้องหลัง เหตุขัดผลประโยชน์ ดึงมือคนนอกล้างแค้น
จากความเพียรพยายามดั้นด้นหาข้อมูล ทำให้ทีมข่าวฯ ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้หนึ่งซึ่งเคยดูแลเสือภายในวัด แต่ปัจจุบันนี้ได้ลาออกแล้ว ซึ่งได้เปิดเผย กับ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ พร้อม อ้างภาพถ่าย เพื่อนำเสนอข้อมูลในอีกแง่มุมหนึ่ง
แต่เพื่อความปลอดภัย แหล่งข่าวรายนี้ จึงขออนุญาตใช้นามสมมติ ว่า "หนึ่ง"
โดย "หนึ่ง" เปิดเผยกับเราว่า พื้นที่บริเวณวัดอยู่ติดกับภูเขา จึงมีสัตว์ป่ามากมายอาศัยอยู่ กระทั่งเมื่อปี 2537 มีชาวบ้านนำสัตว์ป่าที่บาดเจ็บมาให้หลวงตา ช่วยรักษา จนกระทั่งหาย จึงได้ปล่อยกลับขึ้นเขาไป แต่แปลกตรงที่ว่า สัตว์ที่ถูกปล่อยกลับไปเหล่านั้น กลับลงมากินข้าวก้นบาตรของหลวงตาทุกวันด้วยความคุ้นเคย แถมยังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั้งปี 2542 มี ชาวบ้าน นำเสือ ที่มีอาการบาดเจ็บมาให้หลวงตา ช่วยดูแลปฐมพยาบาลให้
"หลวงตา เป็นคนรักสัตว์ทุกประเภท ดูแลช่วยเหลือเอ็นดู คือท่านรักจากใจจริงมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งได้เสือมาจากชาวบ้าน 1 ตัว หลวงตาจึงไปประสาน สัตวแพทย์คนนึง ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง เข้ามาช่วยดูอาการของเสือ จนกระทั่งรักษาจนหายดี ต่อมาก็มีหลายหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชน ทราบข่าว จึงเอาเสือมาฝากให้เลี้ยงไว้เรื่อยๆ โดยไม่ได้ให้ค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุน อาหารการกิน หรือ ยารักษาโรคให้ เมื่อเสือเหล่านี้ ออกลูกหลานเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับในระหว่างนั้น หลวงตา รู้จักกับ สัตวแพทย์คนหนึ่ง (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) จึงได้ปรึกษาหารือ เรื่องการนำนักท่องเที่ยวเข้ามาชมความน่ารักของเสือภายในวัด เพื่อเก็บค่าเข้าชม เพื่อนำรายได้ทั้งหมด มาเป็นค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูเสือ "หนึ่ง" กล่าว
ลูกว่า 40 ตัว ถูกดองแช่ไว้ในตู้เย็นขนาดใหญ่ ของ วัดป่าหลวงตาบัว หรือ วัดเสือ ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
สัตวแพทย์ คนลงมือ ดองลูกเสือ? อ้างเก็บไว้เพื่อศึกษาทางการแพทย์
"หนึ่ง" กล่าวต่อว่า กระทั่งปี 2548 เมื่อวัดเสือ โด่งดังไปทั่วโลก สำนักข่าวต่างประเทศได้ยกย่องหลวงตา เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดสำหรับการอยู่ร่วมกันโดยสันติ ซึ่งหมายถึงการที่ทางวัด สามารถนำเสือที่เป็นสัตว์ดุร้าย มาอยู่ร่วมกับคนได้โดยไม่เกิดอันตราย นักท่องเที่ยวแห่เข้ามาชมนับพันคนต่อวัน เก็บรายได้ในช่วงนั้นได้วันละหลายแสนบาท ทำให้มีแนวคิด ฝังไมโครชิพในเสือทุกตัว เพื่อการตรวจนับจำนวน และเก็บข้อมูลของเสือให้แม่นยำเป็นระเบียบ
"นอกจากฝังไมโครชิฟแล้ว สัตวแพทย์คนนี้ ได้ออกไอเดีย นำเสนอหลวงตา อยากจะนำซากศพลูกเสือที่คลอดแล้วเสียชีวิต ซึ่งสำหรับวัดถือเป็นเรื่องปกติ ที่เสือจะคลอดมา 8 ตัว ตายถึง 7 ตัว มาสตัฟฟ์หรือ แช่ดองเอาในขวดโหล เพราะตั้งใจจะทำเป็น ศูนย์เรียนรู้ พิพิธภันฑ์ เพื่อให้นักศึกษาแพทย์เข้ามาดูงาน ศึกษาวิจัย ใช้เป็นความรู้ด้านทักษะทางการแพทย์ ในทำนองเดียวกับ การนำศพเด็กทารกมาดองไว้ในโหล ซึ่งซากลูกเสือในวัด ที่เป็นข่าวหน้า 1 ตามหนังสือพิมพ์ทุกฉบับไปแล้วนั้น ผมเชื่อว่าเป็นลูกเสือที่ตายตอนคลอด ซึ่งมีการนำมาแช่เย็นไว้ เพราะรอดำเนินการ แต่ยังไม่เสร็จ" นายหนึ่ง กล่าว
รายได้พุ่งวันละ 1 ล้านบาท ผลประโยชน์ไม่ลงตัว นำสู่ความแตกแยก ล้างแค้น
"หนึ่ง" เล่าให้ทีมข่าวฟังต่อไปว่า เมื่อมีชื่อเสียงโด่งดัง ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกเข้ามาได้เรื่อยๆ กระทั่งค่าเข้าชมปรับครั้งล่าสุด อยู่ที่คนละ 600 บาท ในหนึ่งวัน เปิดให้คนเข้ามาประมาณ 1 พันคน ไม่รวมค่ากิจกรรมต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวเต็มใจจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อร่วมกิจกรรมภายในวัด ตกแล้วสร้างรายได้ให้กับทางวัด เกือบๆ 1 ล้านบาททุกวัน ตรงจุดนี้เองหลายฝ่ายจึงมองว่า มันคือผลประโยชน์มหาศาล โดยเฉพาะคนที่เข้ามารู้เห็นเกี่ยวกับรายรับตรงนี้ เริ่มจะใจไม่นิ่งพอ หรือ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ จากมิตรที่ร่วมกันสร้าง ร่วมกันดูแล จึงแปรเปลี่ยนไปเป็นศัตรู นำข้อมูลที่รับรู้ กลับมาโจมตีเล่นงานวัด
"ผมไม่อยากจะระบุ หรือเจาะจงลงลึกในรายละเอียด ว่าใครทำอะไรยังไง เอาเป็นว่าซากสัตว์ต่างๆ ที่ถูกเก็บไว้ภายในตู้เย็น เป็นซากเสือ ที่สัตวแพทย์นำเอามาแช่ไว้ แต่ต่อมา เกิดไปมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ในวัด รวมทั้งกับตัวหลวงตา จึงตั้งตัวเป็นฝ่ายตรงข้าม เอาข้อมูลต่างๆไปร้องเรียนวัด มีอยู่ครั้งหนึ่ง เที่ยวไปบอกใครๆ ว่า เสือในวัดมีไม่ครบ ทั้งๆ ที่ผ่านมา ก็มีการฝังไมโครชิพ เอาไว้แท้ๆ" หนึ่ง กล่าว
กระทั่งปี 2557 องค์กรต่างชาติ ได้ยื่นหนังสือสั่งให้ทางวัด ล้มเลิกการโชว์ของเสือประเภทต่างๆ โดยเด็ดขาด เนื่องจากมองว่า เป็นการทารุณสัตว์ ซึ่งตนเองและเจ้าหน้าที่ดูแลเสือในวัดอีกหลายคน ทราบดีว่า องค์กรต่างชาติเหล่านี้ ได้รับการประสานให้เข้าตรวจสอบวัด โดยใคร? ส่วนปัญหาที่เป็นข่าวโด่งดังใหญ่ระดับโลก ทางวัดไม่เคยออกมาแก้ข่าวแม้แต่ครั้งเดียว เพราะคิดว่า ถ้าไม่ไปสุมไฟอะไรๆ คงเงียบไปเอง
"ผมลาออกจากงานที่วัดมา หลังจากหลวงตามรณภาพไม่นาน แต่เรื่องราวความเคลื่อนไหวต่างๆ ภายในวัด ก็รับรู้อยู่ตลอด จากลูกน้อง และเพื่อนคนงานในวัด สิ่งที่ผมเล่าทั้งหมด คือ ข้อเท็จจริงอีกมุมหนึ่ง ซึ่ง ผมอยากจะตอบแทนบุญคุณหลวงตา พูดให้สังคมได้รับทราบในส่วนที่ไม่เคยทราบ ใครจะเชื่อหรือไม่ แล้วแต่พิจารณากันเอง แต่หากจะให้ ผม พูดถึงภาพในมุมกว้าง เรื่องการเข้ามาขององค์กรต่างๆ รวมถึงการที่ประชาชนไม่เห็นด้วย เพราะเลี้ยงเสือในวัดก็ตามที อันนี้ ผมคงตอบคำถามแทนบุคคลเหล่านั้นไม่ได้ ผมขอตอบเฉพาะในสิ่งที่ทราบ และขอยืนยันอีกครั้งว่า ทางวัดไม่ได้มีการทรมานสัตว์ ไม่เคยวางยาเสือ หรือ ทำร้ายร่างกาย อย่างที่สื่อหลายสำนักเคยเสนอออกไป" หนึ่ง กล่าวทิ้งท้าย
หลังเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ หนึ่ง ได้มอบรูปนี้ ให้กับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ด้วย
อ่านต่อที่นี่ >>
http://www.thairath.co.th/content/631482
ป.ล. จากเสือไม่กี่ตัว กลายเป็นเสือเป็นร้อยตัว ไหนจะซากอีกไม่รู้เท่าไหร่...มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนี่นา ก็พวกนี้ไม่ใช่เหรอ ที่เป็นพวกที่ "ไล่ทักษิณ ด่าทักษิณ" ต้องเป็นคนดีสิ จะเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน
✿ เสือแปรรูปซุกวัดป่า EP.1 คุ้ยเบื้องหลังดองลูกเสือ จุดแตกหัก หารไม่ลงตัว?...ที่แท้ก็เป็นจังซี่นี่เอง อนาถ..
เสือแปรรูปซุกวัดป่า EP.1 คุ้ยเบื้องหลังดองลูกเสือ จุดแตกหัก หารไม่ลงตัว?..ที่แท้ก็เป็นจังซี่
ผงะ! พบซากศพลูกเสือ กว่า 40 ตัว ถูกดองแช่ไว้ในตู้เย็นขนาดใหญ่ ของ 'วัดป่าหลวงตาบัว' หรือ 'วัดเสือ' ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ขณะที่ เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าดำเนินการขนย้ายเสือ ข่าวสะเทือนอารมณ์ ที่สร้างระลอกคลื่นแห่งความตื่นตระหนกให้กับสังคมไทย ในวงกว้าง พร้อมกับสารพัดคำถามตามมาว่า เหตุไฉน....เรื่องอันแสนน่าสลดหู่เยี่ยงนี้ จึงได้เกิดขึ้นกับ สถานที่ที่ชาวสยาม เรียกกันว่า พุทธสถาน
พร้อมกับเกิดสารพัดความกังขา จนนำไปสู่การตั้งข้อสังเกตตามมา นานัปการ เช่น วัดเก็บดองซากลูกเสือจำนวนมากผิดปกติเอาไว้ทำอะไร? เหตุไฉน จึงจำเพาะต้องเป็น “ลูกเสือ” ….ฝีมือใคร ที่เป็นผู้ลงมือดองซากเสือ... วัตถุประสงค์ในการดองนี้...เพื่ออะไรกันแน่ ลูกเสือเหล่านั้น ตายตามธรรมชาติ หรือ มีใครพยายามทำให้มันตายก่อนที่จะลืมตาดูโลก โดยมีจุดประสงค์บางอย่าง จริงหรือไม่ ซากเสือที่เก็บไว้ สามารถเอาไปทำอะไรได้หรือไม่ แล้วแน่นอน...มันควรจะมีมูลค่ามหาศาลสักแค่ไหน!...และใครกันที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ อยากจะให้คุณผู้อ่านร่วมแกะรอยไปพร้อมๆ กับเรา กันดีกว่า ในซีรีส์สกู๊ป ทั้ง 2 ตอน ในวันนี้และวันพรุ่งนี้ ...
ติดตามได้นับจากบรรทัดนี้ เป็นต้นไป...
พบซากศพลูกว่า 40 ตัว ถูกดองแช่ไว้ในตู้เย็นขนาดใหญ่
ปฐมบท เสือวัดป่าหลวงตาบัว เปิดเบื้องหลัง เหตุขัดผลประโยชน์ ดึงมือคนนอกล้างแค้น
จากความเพียรพยายามดั้นด้นหาข้อมูล ทำให้ทีมข่าวฯ ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้หนึ่งซึ่งเคยดูแลเสือภายในวัด แต่ปัจจุบันนี้ได้ลาออกแล้ว ซึ่งได้เปิดเผย กับ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ พร้อม อ้างภาพถ่าย เพื่อนำเสนอข้อมูลในอีกแง่มุมหนึ่ง
แต่เพื่อความปลอดภัย แหล่งข่าวรายนี้ จึงขออนุญาตใช้นามสมมติ ว่า "หนึ่ง"
โดย "หนึ่ง" เปิดเผยกับเราว่า พื้นที่บริเวณวัดอยู่ติดกับภูเขา จึงมีสัตว์ป่ามากมายอาศัยอยู่ กระทั่งเมื่อปี 2537 มีชาวบ้านนำสัตว์ป่าที่บาดเจ็บมาให้หลวงตา ช่วยรักษา จนกระทั่งหาย จึงได้ปล่อยกลับขึ้นเขาไป แต่แปลกตรงที่ว่า สัตว์ที่ถูกปล่อยกลับไปเหล่านั้น กลับลงมากินข้าวก้นบาตรของหลวงตาทุกวันด้วยความคุ้นเคย แถมยังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั้งปี 2542 มี ชาวบ้าน นำเสือ ที่มีอาการบาดเจ็บมาให้หลวงตา ช่วยดูแลปฐมพยาบาลให้
"หลวงตา เป็นคนรักสัตว์ทุกประเภท ดูแลช่วยเหลือเอ็นดู คือท่านรักจากใจจริงมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งได้เสือมาจากชาวบ้าน 1 ตัว หลวงตาจึงไปประสาน สัตวแพทย์คนนึง ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง เข้ามาช่วยดูอาการของเสือ จนกระทั่งรักษาจนหายดี ต่อมาก็มีหลายหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชน ทราบข่าว จึงเอาเสือมาฝากให้เลี้ยงไว้เรื่อยๆ โดยไม่ได้ให้ค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุน อาหารการกิน หรือ ยารักษาโรคให้ เมื่อเสือเหล่านี้ ออกลูกหลานเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับในระหว่างนั้น หลวงตา รู้จักกับ สัตวแพทย์คนหนึ่ง (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) จึงได้ปรึกษาหารือ เรื่องการนำนักท่องเที่ยวเข้ามาชมความน่ารักของเสือภายในวัด เพื่อเก็บค่าเข้าชม เพื่อนำรายได้ทั้งหมด มาเป็นค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูเสือ "หนึ่ง" กล่าว
ลูกว่า 40 ตัว ถูกดองแช่ไว้ในตู้เย็นขนาดใหญ่ ของ วัดป่าหลวงตาบัว หรือ วัดเสือ ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
สัตวแพทย์ คนลงมือ ดองลูกเสือ? อ้างเก็บไว้เพื่อศึกษาทางการแพทย์
"หนึ่ง" กล่าวต่อว่า กระทั่งปี 2548 เมื่อวัดเสือ โด่งดังไปทั่วโลก สำนักข่าวต่างประเทศได้ยกย่องหลวงตา เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดสำหรับการอยู่ร่วมกันโดยสันติ ซึ่งหมายถึงการที่ทางวัด สามารถนำเสือที่เป็นสัตว์ดุร้าย มาอยู่ร่วมกับคนได้โดยไม่เกิดอันตราย นักท่องเที่ยวแห่เข้ามาชมนับพันคนต่อวัน เก็บรายได้ในช่วงนั้นได้วันละหลายแสนบาท ทำให้มีแนวคิด ฝังไมโครชิพในเสือทุกตัว เพื่อการตรวจนับจำนวน และเก็บข้อมูลของเสือให้แม่นยำเป็นระเบียบ
"นอกจากฝังไมโครชิฟแล้ว สัตวแพทย์คนนี้ ได้ออกไอเดีย นำเสนอหลวงตา อยากจะนำซากศพลูกเสือที่คลอดแล้วเสียชีวิต ซึ่งสำหรับวัดถือเป็นเรื่องปกติ ที่เสือจะคลอดมา 8 ตัว ตายถึง 7 ตัว มาสตัฟฟ์หรือ แช่ดองเอาในขวดโหล เพราะตั้งใจจะทำเป็น ศูนย์เรียนรู้ พิพิธภันฑ์ เพื่อให้นักศึกษาแพทย์เข้ามาดูงาน ศึกษาวิจัย ใช้เป็นความรู้ด้านทักษะทางการแพทย์ ในทำนองเดียวกับ การนำศพเด็กทารกมาดองไว้ในโหล ซึ่งซากลูกเสือในวัด ที่เป็นข่าวหน้า 1 ตามหนังสือพิมพ์ทุกฉบับไปแล้วนั้น ผมเชื่อว่าเป็นลูกเสือที่ตายตอนคลอด ซึ่งมีการนำมาแช่เย็นไว้ เพราะรอดำเนินการ แต่ยังไม่เสร็จ" นายหนึ่ง กล่าว
รายได้พุ่งวันละ 1 ล้านบาท ผลประโยชน์ไม่ลงตัว นำสู่ความแตกแยก ล้างแค้น
"หนึ่ง" เล่าให้ทีมข่าวฟังต่อไปว่า เมื่อมีชื่อเสียงโด่งดัง ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกเข้ามาได้เรื่อยๆ กระทั่งค่าเข้าชมปรับครั้งล่าสุด อยู่ที่คนละ 600 บาท ในหนึ่งวัน เปิดให้คนเข้ามาประมาณ 1 พันคน ไม่รวมค่ากิจกรรมต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวเต็มใจจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อร่วมกิจกรรมภายในวัด ตกแล้วสร้างรายได้ให้กับทางวัด เกือบๆ 1 ล้านบาททุกวัน ตรงจุดนี้เองหลายฝ่ายจึงมองว่า มันคือผลประโยชน์มหาศาล โดยเฉพาะคนที่เข้ามารู้เห็นเกี่ยวกับรายรับตรงนี้ เริ่มจะใจไม่นิ่งพอ หรือ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ จากมิตรที่ร่วมกันสร้าง ร่วมกันดูแล จึงแปรเปลี่ยนไปเป็นศัตรู นำข้อมูลที่รับรู้ กลับมาโจมตีเล่นงานวัด
"ผมไม่อยากจะระบุ หรือเจาะจงลงลึกในรายละเอียด ว่าใครทำอะไรยังไง เอาเป็นว่าซากสัตว์ต่างๆ ที่ถูกเก็บไว้ภายในตู้เย็น เป็นซากเสือ ที่สัตวแพทย์นำเอามาแช่ไว้ แต่ต่อมา เกิดไปมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ในวัด รวมทั้งกับตัวหลวงตา จึงตั้งตัวเป็นฝ่ายตรงข้าม เอาข้อมูลต่างๆไปร้องเรียนวัด มีอยู่ครั้งหนึ่ง เที่ยวไปบอกใครๆ ว่า เสือในวัดมีไม่ครบ ทั้งๆ ที่ผ่านมา ก็มีการฝังไมโครชิพ เอาไว้แท้ๆ" หนึ่ง กล่าว
กระทั่งปี 2557 องค์กรต่างชาติ ได้ยื่นหนังสือสั่งให้ทางวัด ล้มเลิกการโชว์ของเสือประเภทต่างๆ โดยเด็ดขาด เนื่องจากมองว่า เป็นการทารุณสัตว์ ซึ่งตนเองและเจ้าหน้าที่ดูแลเสือในวัดอีกหลายคน ทราบดีว่า องค์กรต่างชาติเหล่านี้ ได้รับการประสานให้เข้าตรวจสอบวัด โดยใคร? ส่วนปัญหาที่เป็นข่าวโด่งดังใหญ่ระดับโลก ทางวัดไม่เคยออกมาแก้ข่าวแม้แต่ครั้งเดียว เพราะคิดว่า ถ้าไม่ไปสุมไฟอะไรๆ คงเงียบไปเอง
"ผมลาออกจากงานที่วัดมา หลังจากหลวงตามรณภาพไม่นาน แต่เรื่องราวความเคลื่อนไหวต่างๆ ภายในวัด ก็รับรู้อยู่ตลอด จากลูกน้อง และเพื่อนคนงานในวัด สิ่งที่ผมเล่าทั้งหมด คือ ข้อเท็จจริงอีกมุมหนึ่ง ซึ่ง ผมอยากจะตอบแทนบุญคุณหลวงตา พูดให้สังคมได้รับทราบในส่วนที่ไม่เคยทราบ ใครจะเชื่อหรือไม่ แล้วแต่พิจารณากันเอง แต่หากจะให้ ผม พูดถึงภาพในมุมกว้าง เรื่องการเข้ามาขององค์กรต่างๆ รวมถึงการที่ประชาชนไม่เห็นด้วย เพราะเลี้ยงเสือในวัดก็ตามที อันนี้ ผมคงตอบคำถามแทนบุคคลเหล่านั้นไม่ได้ ผมขอตอบเฉพาะในสิ่งที่ทราบ และขอยืนยันอีกครั้งว่า ทางวัดไม่ได้มีการทรมานสัตว์ ไม่เคยวางยาเสือ หรือ ทำร้ายร่างกาย อย่างที่สื่อหลายสำนักเคยเสนอออกไป" หนึ่ง กล่าวทิ้งท้าย
หลังเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ หนึ่ง ได้มอบรูปนี้ ให้กับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ด้วย
อ่านต่อที่นี่ >> http://www.thairath.co.th/content/631482
ป.ล. จากเสือไม่กี่ตัว กลายเป็นเสือเป็นร้อยตัว ไหนจะซากอีกไม่รู้เท่าไหร่...มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนี่นา ก็พวกนี้ไม่ใช่เหรอ ที่เป็นพวกที่ "ไล่ทักษิณ ด่าทักษิณ" ต้องเป็นคนดีสิ จะเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน