หรือยุคเงินฝากดอกเบี้ยสูง จะหมดลงแล้ว เมื่อธนาคารแห่งหนึ่งในประเทศเรา
ได้เปิดฤกษ์เริ่มออกโปรฯ เงินฝากดอกเบี้ยสุดพิเศษที่ 0% !!!! เมื่อเช้านี้
แม้ว่า ช่วงสายๆของวันเดียวกัน ทางธนาคารทนกระแส โซเชี่ยลไม่ไหว ปรับดอกเบี้ยกลับมาที่ 0.12% แล้ว ...
ผลของการลดดอกเบี้ยแบบช๊อควงการครั้งนี้ ทำให้ผมได้กลับมาคิดเรื่องดอกเบี้ยต่ำแบจริงๆจังๆอีกครั้ง
ผมเคยสงสัยคนใน ญี่ปุ่น ว่าเขาจะยังฝากเงินไปทำไมในเมื่อดอกเบี้ยออมทรัพย์เหลือ 0%
แต่เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศญี่ปุ่น เข้าสู่สภาวะเงินฝืดมาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปีแล้ว
คนจึงเลือกที่จะฝากเงินไว้ในธนาคาร เนื่องจากไม่แน่ใจในอนาคต ว่าจะมีเหตุวิกฤติอะไรบ้างที่ทำให้ต้องใช้เงิน
ภาวะที่เงินตึงตัว แบบนี้ แม้ว่าบ้านเราจะยังไม่ถึงขั้นที่ว่าเงินฝืดแบบสุดขั้ว แต่ก็ไม่ถือเศรษฐกิจเราอยู่ในภาวะปรกตินัก
ย้อนกลับไป ในช่วงต้มยำกุ้ง ปี 40 ผมเคยได้รับดอกเบี้ยเงินฝากประจำ สูงถึง 13% ต่อปี ถ้าจำไม่ผิด เป็นฝากประจำระยะ 6 เดือน
จำได้ว่าช่วงนั้น ถ้ามีเงินฝากสัก 2 ล้าน จะได้รับดอกเบี้ยถึงเดือนละ 2หมื่นต้นๆ โอ้แม่เจ้า มีเงินฝาก 2 ล้าน ก็แทบไม่ต้องทำงานอะไรก็อยู่ได้
กินดอกเบี้ยเดือนละ 2 หมื่น กว่าๆไม่ทำงานก็อยู่ได้แล้ว 555
ในทางกลับกัน ช่วงนั้น คนที่กู้เงินแบงค์ คงได้เอาเท้าไปก่ายหน้าผากเป็นแน่ กับดอกเบี้ยมหาโหดขนาดนั้น !!!!
ปรากฎการณ์ดอกเบี้ยสูง อยู่กับเราได้ไม่นาน ดอกเบี้ยต่างๆก็เริ่มเข้าสู่ภาวะ ขาลงมาตลอด ตั้งแต่ช่วงปี 2550
หลังจากช่วงนั้น ดอกเบี้ยก็ลดลงเรื่อยๆ จนเหลือ 6% และ ลดลงเหลือ 3% และในช่วง 1-2 ปีที่แล้วเราก็ต้องหาดอกเบี้ยพิเศษกันที่ 2%
มาจนถึงตอนนี้ผมเชื่อเหลือเกินว่า ภาวะดอกเบี้ยต่ำแบบนี้คงจะอยู่กับเราอีกนานแสนนาน
หรือเราคงต้องรับกันว่านี่คือ new normal ของดอกเบี้ยในทั่วโลก เพราะมองไปประเทศไหนก็เจอแต่ดอกเบี้ยต่ำ ถึง ติดลบ
สำหรับผม ทางเลือกคงมีแค่แบ่งเงินที่จะเก็บไว้เป็นก้อนๆ
1) เงินเก็บระยะยาว ผมเลือกฝากไว้ในสลากออมสิน ยอมฝากระยะยาว เอาไปวัดดวงกับผลตอบแทนที่น่าจะมากกว่าเงินฝากประจำทั่วๆไป
2) เงินระยะกลาง เสี่ยงได้บ้าง ผมเอาลงกองทุนพันธบัตร แบบความเสี่ยงต่ำ (ส่วนใหญ่จะได้อยู่ที่ 2% ไม่เสียภาษี)
3) เงินระยะสั้น ผมฝากเป็นออมทรัพย์พิเศษ แบบที่ถอนได้เดือนละ 2 ครั้ง โดย เงินฝากประเภทนี้จะได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 1% นิดๆ
4) เงินลงทุนแบบเสี่ยงสูงได้ ผมลงทุนในหุ้นที่มีปันผลสม่ำเสมอ โดยทยอยช้อนซื้อตอนที่หุ้นตัวนั้นๆลง
แนวทางของผม ผมเลือกที่จะเสี่ยงน้อย โดยให้น้ำหนักในข้อ 4 น้อยที่สุด ส่วนข้ออื่นๆก็เพิ่มน้ำหนักกันไปตามความเหมาะสม
สำหรับคนที่อาจจะยังมีเงินเก็บฝากอยู่ และ พร้อมๆกันยังมีหนี้ที่ต้องผ่อนธนาคารอยู่เช่น บ้าน หรือ บัตรเครดิตฯ
ผมแนะนำให้เลือกที่จะเอาเงินไปชำระหนี้ให้เหลือให้น้อยที่สุด โดยให้เลือกที่จะชำระหนี้ก้อนที่โดนดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน
ที่ให้จ่ายออกไปก่อนเพราะ มันยากมากๆที่คุณจะหาผลตอบแทนสูงๆ เพื่อเอาชนะดอกเบี้ยเงินกู้ ในยามที่ดอกเบี้ยต่ำขนาดนี้
เพื่อนๆท่านอื่นๆมีแนวทางการจัดการกับภาวะ ดอกเบี้ยต่ำเตี้ย แบบนี้อย่างไรกันบ้างครับ ขอเชิญมาแชร์แนวทางกันได้นะครับ
สุดท้าย ขอให้ทุกๆท่านโชคดีมีชัย และ เตรียมความพร้อม รับมือกับ new normal นี้นะครับ ^^
อวสานยุคดอกเบี้ยสูง ทางเลือกที่เหลือ เมื่อดอกเบี้ยเงินฝากเหลือ 0% (ปรับกลับมาที่ 0.12% แล้วครับ เย้ๆ)
ได้เปิดฤกษ์เริ่มออกโปรฯ เงินฝากดอกเบี้ยสุดพิเศษที่ 0% !!!! เมื่อเช้านี้
แม้ว่า ช่วงสายๆของวันเดียวกัน ทางธนาคารทนกระแส โซเชี่ยลไม่ไหว ปรับดอกเบี้ยกลับมาที่ 0.12% แล้ว ...
ผลของการลดดอกเบี้ยแบบช๊อควงการครั้งนี้ ทำให้ผมได้กลับมาคิดเรื่องดอกเบี้ยต่ำแบจริงๆจังๆอีกครั้ง
ผมเคยสงสัยคนใน ญี่ปุ่น ว่าเขาจะยังฝากเงินไปทำไมในเมื่อดอกเบี้ยออมทรัพย์เหลือ 0%
แต่เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศญี่ปุ่น เข้าสู่สภาวะเงินฝืดมาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปีแล้ว
คนจึงเลือกที่จะฝากเงินไว้ในธนาคาร เนื่องจากไม่แน่ใจในอนาคต ว่าจะมีเหตุวิกฤติอะไรบ้างที่ทำให้ต้องใช้เงิน
ภาวะที่เงินตึงตัว แบบนี้ แม้ว่าบ้านเราจะยังไม่ถึงขั้นที่ว่าเงินฝืดแบบสุดขั้ว แต่ก็ไม่ถือเศรษฐกิจเราอยู่ในภาวะปรกตินัก
ย้อนกลับไป ในช่วงต้มยำกุ้ง ปี 40 ผมเคยได้รับดอกเบี้ยเงินฝากประจำ สูงถึง 13% ต่อปี ถ้าจำไม่ผิด เป็นฝากประจำระยะ 6 เดือน
จำได้ว่าช่วงนั้น ถ้ามีเงินฝากสัก 2 ล้าน จะได้รับดอกเบี้ยถึงเดือนละ 2หมื่นต้นๆ โอ้แม่เจ้า มีเงินฝาก 2 ล้าน ก็แทบไม่ต้องทำงานอะไรก็อยู่ได้
กินดอกเบี้ยเดือนละ 2 หมื่น กว่าๆไม่ทำงานก็อยู่ได้แล้ว 555
ในทางกลับกัน ช่วงนั้น คนที่กู้เงินแบงค์ คงได้เอาเท้าไปก่ายหน้าผากเป็นแน่ กับดอกเบี้ยมหาโหดขนาดนั้น !!!!
ปรากฎการณ์ดอกเบี้ยสูง อยู่กับเราได้ไม่นาน ดอกเบี้ยต่างๆก็เริ่มเข้าสู่ภาวะ ขาลงมาตลอด ตั้งแต่ช่วงปี 2550
หลังจากช่วงนั้น ดอกเบี้ยก็ลดลงเรื่อยๆ จนเหลือ 6% และ ลดลงเหลือ 3% และในช่วง 1-2 ปีที่แล้วเราก็ต้องหาดอกเบี้ยพิเศษกันที่ 2%
มาจนถึงตอนนี้ผมเชื่อเหลือเกินว่า ภาวะดอกเบี้ยต่ำแบบนี้คงจะอยู่กับเราอีกนานแสนนาน
หรือเราคงต้องรับกันว่านี่คือ new normal ของดอกเบี้ยในทั่วโลก เพราะมองไปประเทศไหนก็เจอแต่ดอกเบี้ยต่ำ ถึง ติดลบ
สำหรับผม ทางเลือกคงมีแค่แบ่งเงินที่จะเก็บไว้เป็นก้อนๆ
1) เงินเก็บระยะยาว ผมเลือกฝากไว้ในสลากออมสิน ยอมฝากระยะยาว เอาไปวัดดวงกับผลตอบแทนที่น่าจะมากกว่าเงินฝากประจำทั่วๆไป
2) เงินระยะกลาง เสี่ยงได้บ้าง ผมเอาลงกองทุนพันธบัตร แบบความเสี่ยงต่ำ (ส่วนใหญ่จะได้อยู่ที่ 2% ไม่เสียภาษี)
3) เงินระยะสั้น ผมฝากเป็นออมทรัพย์พิเศษ แบบที่ถอนได้เดือนละ 2 ครั้ง โดย เงินฝากประเภทนี้จะได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 1% นิดๆ
4) เงินลงทุนแบบเสี่ยงสูงได้ ผมลงทุนในหุ้นที่มีปันผลสม่ำเสมอ โดยทยอยช้อนซื้อตอนที่หุ้นตัวนั้นๆลง
แนวทางของผม ผมเลือกที่จะเสี่ยงน้อย โดยให้น้ำหนักในข้อ 4 น้อยที่สุด ส่วนข้ออื่นๆก็เพิ่มน้ำหนักกันไปตามความเหมาะสม
สำหรับคนที่อาจจะยังมีเงินเก็บฝากอยู่ และ พร้อมๆกันยังมีหนี้ที่ต้องผ่อนธนาคารอยู่เช่น บ้าน หรือ บัตรเครดิตฯ
ผมแนะนำให้เลือกที่จะเอาเงินไปชำระหนี้ให้เหลือให้น้อยที่สุด โดยให้เลือกที่จะชำระหนี้ก้อนที่โดนดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน
ที่ให้จ่ายออกไปก่อนเพราะ มันยากมากๆที่คุณจะหาผลตอบแทนสูงๆ เพื่อเอาชนะดอกเบี้ยเงินกู้ ในยามที่ดอกเบี้ยต่ำขนาดนี้
เพื่อนๆท่านอื่นๆมีแนวทางการจัดการกับภาวะ ดอกเบี้ยต่ำเตี้ย แบบนี้อย่างไรกันบ้างครับ ขอเชิญมาแชร์แนวทางกันได้นะครับ
สุดท้าย ขอให้ทุกๆท่านโชคดีมีชัย และ เตรียมความพร้อม รับมือกับ new normal นี้นะครับ ^^