มันสวมรอยมาแอบอ้างตนว่ามันเป็นพุทธ....ก็ไม่รู้
มันแอบอ้างเอาพระนามของพระพุทธเจ้ามาใช้เป็นชื่อยี่ห้อของมัน....ก็ไม่รู้
มันเอาคำสอนผิดๆมาสอน....ก็ไม่รู้
มันเอาวิธีปฏิบัติที่ผิดเพี้ยนมาหลอกให้ปฏิบัติกัน....ก็ไม่รู้
แล้วสุดท้าย...ที่เจ็บใจที่สุดคือ พระพุทธเจ้าท่านสอนอะไร ท่านสอนอย่างไร....ก็ไม่รู้ <= นี่แหละคือเหตุของเรื่อง
จริงๆลัทธิอลัชชี/เดียรถึย์มันมีมานาน สมัยพุทธกาลยังมีเลย
แต่ที่ลัทธิพวกนี้มันเติบใหญ่ไม่ได้ในยุคนั้นก็เพราะพุทธศาสนิกชนในยุคนั้นเค้าเรียนเค้ารู้หลักพุทธธรรมกัน มันเลยหลอกใครไม่ได้
แต่พอมายุคนี้มันเป็นยุคศีลธรรมเสื่อม
คนไกลวัด ไกลศาสนากัน พวกอลัชชีเลยได้โอกาส
สวมรอยเป็นพุทธ(พาณิชย์) สอนให้เชื่อผิดๆ สอนให้หลงทางเข้าป่า ก็ไม่รู้ทันมันนี่ เชื่อสิ
จนเจ้าลัทธิมันรวยเป็นหมื่นๆล้าน เพราะหลอกให้คนเอาเงินมาทำบุญกับมัน มีคนหลงเชื่อเป็นล้าน
สอนให้รวยๆ นี่ไม่ใช่คำสอนของพุทธนะ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้คนเป็นคนโลภแบบนั้น
แล้วขอให้สังเกตดีๆ พวกลัทธิอลัชชีจะไม่สอนให้คนรู้จักคิดพิจารณา แต่จะสอนให้เชื่อฟังมันอย่างเดียว มันบอกว่าซ้ายก็ซ้าย มันบอกว่าขวาก็ขวา
แต่อย่างไรก็ตาม...กฎแห่งกรรมนั้นเป็นกฎในธรรมชาติอย่างหนึ่ง
ผู้ใดประกอบอกุศลกรรมมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานขนาดนี้ ย่อมต้องได้รับผลแห่งอกุศลกรรมอันนั้นที่ตรก่อไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะแม้แต่มหาอัครสาวกเบื้องซ้ายผู้เป็นเอตทัคคะในทางฤทธิ์ สามารถเหาะเหิรเดินอากาศได้ สุดท้ายก็ยังเหาะหนีอกุศลกรรมที่ตนก่อไว้ไม่ได้
นับประสาอะไรกับเจ้าลัทธิอลัชชีผู้แปดเปื้อนเยี่ยงนี้ ที่จะเหาะหนีมหาวิบากกรรมที่ตนก่อไว้ได้
สุดท้าย....ผมรอให้กฎแห่งกรรมทำหน้าที่ของมัน