ท่านมหาเศรษฐีเหล่านี้ ลงทุนสร้างธุรกิจใหม่ที่มีฐานจากนวัตกรรม ได้ไหมครับ

มหาเศรษฐีไทยโดยนิตยสาร Forbes 2016
อันดับ 1) ตระกูลเจียรวนนท์ 6.603 แสนล้านบาท
ธุรกิจ: อาหาร
อันดับ 2) เจริญ สิริวัฒนภักดี 4.890 แสนล้านบาท
ธุรกิจ: เครื่องดื่มและอสังหาริมทรัพย์
อันดับ 3) ตระกูลจิราธิวัฒน์ 4.640 แสนล้านบาท
ธุรกิจ: ค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์
อันดับ 4) เฉลิม อยู่วิทยา 3.462 แสนล้านบาท
ธุรกิจ: เครื่องดื่ม
อันดับ 5) วานิช ไชยวรรณ 1.428 แสนล้านบาท
ธุรกิจ: ประกันชีวิตและเครื่องดื่ม
อันดับ 6) กฤตย์ รัตนรักษ์ 1.178 แสนล้านบาท
ธุรกิจ: สื่อและธนาคาร
อันดับ 7) วิชัย ศรีวัฒนประภา 1.160 แสนล้านบาท
ธุรกิจ: สินค้าปลอดภาษี
อันดับ 8) ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ 1.142 แสนล้านบาท
ธุรกิจ: โรงพยาบาล
อันดับ 9) สันติ ภิรมย์ภักดี 8.566 หมื่นล้านบาท
ธุรกิจ: เครื่องดื่ม

http://www.forbesthailand.com/lists_detail.php?lists_id=50

ถ้าท่านมหาเศรษฐีเหล่านี้  ลงทุนสร้างธุรกิจใหม่ที่มีฐานจากนวัตกรรม การวิจัย เทคโนโลยี  ก็น่าจะดีต่อวงการวิทยาศาตร์ วิศวกรรม ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของของประเทศไทย
จีน มี  HUAWEI   LENOVO
เกาหลีใต้ มี SAMSUNG LG HYUNDAI
สิงคโปร์  มี  เทมาเสค
มาเลเซีย มี รถยนต์โปรตรอน
ไทย  มี ??????

ปล. ไทยกำลังจะแพ้เวียดนามด้านวิทยาศาตร์ วิศวกรรม และเทคโนโลยี
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ท่านเจ้าสัวทั้งหลายเองก็คงต้องยอมรับว่า ธุรกิจที่มีฐานจากนวัตกรรม การวิจัย เทคโนโลยี ไม่ใช่ทางที่ท่านมาเลย
แล้วองค์ประกอบแวดล้อมทั้งหลายในประเทศ มันเป็นเบ้าหลอมสร้างคนเพื่อธุรกิจที่ว่าได้ไหม
ถ้าจะช่วยก็ขอให้สนับสนุนงบประมาณที่สอดคล้อง เพื่อจูงใจให้คนรุ่นใหม่ลงสนามอย่างมีเป้าหมาย
แข่งขันเพื่อสร้าง เพื่อพัฒนา เพื่อทำให้ดีขึ้น  
แล้วจะได้รู้ว่า เรามีทรัพยากรแบบไหนในมือ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่