ทำไมผมทำแต่ความดีแล้วชีวิตมันอับโชคมากเลย

สวัสดีคับ ผมอ่านกระทู้หนึ่งในห้องศาสนาแล้วก็เกิดข้อสงสัยอยากตั้งกระทู้ถามบ้าง นี่เป้นกระทู้แรกของผมในพันทิพเลยนะคับ คืออยากเล่าให้ฟังว่าทำไมชีวิตผมถึงอัปโชคยิ่งนัก ทั้งๆที่ทำความดีมาตลอด เลี้ยงดูอุปการะพ่อแม่ ช่วยเหลือสัตว์ตกทุกข์ได้ยากมาตลอด เวลาเจอซากสัตว์ที่เละอยู่ข้างถนนผมก็คอบเก็บตลอด ปัจจุบันก็เลี้ยงลูกแมวกำพร้าที่แม่มาคลอดทิ้งไว้ที่บ้าน และอื่นๆ และชีวิตก็เป็นหนี้สินมากมาย ชอบเสี่ยงโชคทุกงวดเล็กๆน้อยๆหวังว่าจะพอใช้จ่ายคลายทุกข์ไปบ้าง แต่ไม่เคยถูกเลย น้านๆๆทีถึงจะถูกรางวัลเล็กน้อยแต่ระยะเวลาก็เกือบสิบปีถึงจะโชคดีบ้าง เพื่อนที่ทำงานก็บอกพ่อเค้าเลี้ยงลูกแมวไว้หลายตัวและก็ถุกหวยทุกงวด เราได้ยินก็รู้สึกน้อยใจเหลือเกินว่าเราก็เหมือนกันเลี้ยงสัตว์ดูแลอย่างดี หมดเงินไปเป็นหมื่นๆ แต่ทำไมไม่เห็นมีโชคแบบนั้นกับเขาบ้างเลย ที่ว่ามานี่ไม่ได้เรียกร้องหรือคาดหวังอะไรนะคับ อย่าดราม่านะคับ แต่ผมเห็นคนอื่นที่ก็ทำดีแต่เรากลับไม่เห็นโชคดีกับเขาบ้างเลย หรือจะว่าเป็นกรรมเก่าของผมแต่ทำไมมันเยอะและนานขนาดนี้ ผมเป็นคนไม่มีดวงทางการเสี่ยงโชคเลยก็ว่าได้ เวลาจับสลากอะไรก็ได้รางวัลเล็กๆน้อยๆ ไม่เคยได้รางวัลใหญ่ๆกับเขา เคยท้อบ่อยมาก แต่ก็พยายามฮึดสู้ต่อไป เพราะผมเคยอ่านข้อคิดหนึ่งจากพระสงฆ์ท่านหนึ่ง ขออภัยที่จำชื่อท่านไม่ได้ ท่านกล่าวว่า "คนดีอย่าท้อ ถ้าคนดีท้อแล้วโลกนี้ขะเป็นอย่างไร" ประมาณนี้ คือประมาณว่าถึงแม้จะไม่เห็นผลของความดีตอบแทน แต่ก็ขอให้ทำความดีต่อไป ผลของกรรมดีอาจจะยังมาไม่ถึงแต่อย่าท้อ ขอให้ทำดีต่อไป ผมก็พยายามคิดแบบนี้แหละคับ เพราะผมทนเห็นสัตว์เลี้ยงทุกข์ทรมานไม่ได้ ผมก็จะยังคงทำความดีต่อไป แต่ก็รู้สึกน้อยใจลึกๆเหมือนกันคับ ขอขอบคุณมุกๆความเห้นที่ให้กำลังใจนะคับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
เป้าหมายอยู่ที่เสี่ยงดวงหรือค่ะ
ทำดี แล้วพอไม่ได้ดีก็ท้อ..แท้ และนี่คือบทเรียนค่ะ
หากคุณทำดี ด้วยใจแห่งแสงสว่าง มันจะเต็มอิ่ม
เขาจะไม่สงสัยว่า ทำดีแล้วทำไมไม่ดี เพราะเมื่อทำดี มันดีมากตอนที่ทำ

บางทีบทเรียน บททดสอบของคุณคือ การทำความดี อย่างไรให้ปล่อยวาง
เชื่อมั่นบนเส้นทาง มองดูตัวเองมากๆ หากเกิดท้อแท้ใจ

ในด้านที่ดีมากๆ คือคุณยืนบนเส้นทางแห่งแสงสว่างที่คนส่วนใหญ่ทำแบบนี้ไม่ได้
แม้จะพยายามอีกหลายร้อย หลายพัน หลายหมื่นชาติ ก็ทำไม่ได้

การที่เราทำดีโดยไม่มีใครสอน ใครบอก แสดงว่า เราทำมามากแล้ว
มีรุ่นพี่คนหนึ่ง เธอดูดวงที่ไหน ก็บอกว่าดวงตก ดวงแย่ที่สุด
ตกงาน ผ่อนบ้าน ยังเลี้ยงลูก ในช่วงที่ชวลิตลดค่าเงินบาท ที่บ้านเมืองตอนนั้นระส่ำระส่าย หลายครอบครัวฆ่าตัวตาย
รุ่นพี่คนนี้ ชอบทำบุญ เพราะทุกครั้งที่ทำ มันเบิกบาน สบายใจ
ช่วงแรกๆการทำบุญของรุ่นพี่ เธอก็คิดเหมือนคุณนั้นล่ะ นั่งนับว่า ทำไปเท่าไร ทำไมไม่ดีขึ้น ทำไมคนนั้นเป็นแบบนั้น คนนี้ดีกว่าเรา

ภายหลัง จากที่เข้ามาบนเส้นทางการปฏิบัติธรรม อ่านหนังสือ เจอครูบาอาจารย์
เธอก็คิดว่า "พี่ เปลี่ยนความคิดใหม่ แทนที่จะคิดท้อใจ ทำดีแล้วไม่ได้ พี่คิดว่า นี่มันช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ ที่มีโอกาสเปิด ให้เราได้ทำบุญ กุศล
ดังนั้นฉันจะยินดีในการทำ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยไม่เคยบ่นเลย ทำให้มากเท่าที่จะทำได้"

รุ่นพี่ ไม่เคยร้องขอใคร ใบหน้ามีความสุขกับการทำดี เวลายกของ ก็ยกเอง ทำอะไรก็ลงมือทำเอง
ทั้งที่ดวงไม่มีเงิน ใครๆก็ดูแบบนั้น แต่รุ่นพี่ก็เริ่มหาเงิน มีรายได้มาก ผ่อนบ้านหมดใน 5 ปี

เคยมีครั้งหนึ่ง รุ่นพี่เดินแถวมาบุญครอง เห็นแหม่มสาวคนหนึ่ง กำลังสอบถามคนว่าจะนั่งรถบัสไปสวนโมกข์ไชยา ยังไง
รุ่นพี่เข้าไปสอบถาม จึงทราบว่า ฝรั่งสาวคนนี้ได้ลงทะเบียนเพื่อเข้าอบรมวิปัสสนาที่ไชยา
ลงทุนนั่งเครื่องบินจากอังกฤษมาเมืองไทย พอได้ยินยังนั้น รุ่นพี่บอกว่า งั้นฉันจะไปส่งเธอที่ไชยา

รุ่นพี่โทรมาหาบอกว่า ให้นั่งไปเป็นเพื่อน เพื่อขับรถไปไชยา พาแหม่มไปส่งเรียนสมาธิ
พวกเรานัดเจอฝรั่งคนนี้แถวข้าวสาร ตั้งแต่ 6:30 น แล้วขับรถไปส่งถึงไชยา ระหว่างทาง รุ่นพี่เลี้ยงอาหารเช้าอย่างดี
ส่งเสร็จก็ขับกลับกรุงเทพ ทำดีแล้วอย่ามาคิดท้อ เดินหน้า ทำงานอยู่กับปัจจุบัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่