คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
เมื่อก่อนเราก็เป็นโรคซึมเศร้าค่ะ ฆ่าตัวตายบ่อย เรารักษาอยู่ที่โรงบาลกรุงเทพ และศรีธัญญา
กินยาจนเบลอ ล้มหัวฟาดพื้นห้องน้ำ แม่เราร้องไห้แล้วเราก็มาคิดได้คะ ว่ากินยาไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์
เราเอาถุงยาทิ้งไปเลยคะ เลิกไปหาหมอเอง เลิกกินยาเกี่ยวกับจิตเวชเอง
เราจะไม่มานั้งตอกย้ำว่าตัวเองเป็นผู้ป่วยจิตเวช ต้องฆ่าตัวตาย
อายุ16เราก็โดนข่มขืน เป็นครั้งแรกของเรา
แต่เราคิดว่าเราต้องเข้มแข็ง ไม่ใช่เราคนเดียวที่ทุกข์อยู่บนโลกใบนี้สักหน่อย
ถ้าจะให้เราเล่าเรื่องชีวิตเรา น้ำเน่ามาก เขียนหนังสือได้เป็นเล่มๆ อายุ32ปี แต่ผ่านอะไรมามากมาย
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต เราทำดี เรากตัญญู เรารักพ่อแม่ รักลูกๆของเรา
และเราเชื่อในศาสนาพุทธของเรา เราเชื่อในกฎแห่งกรรม และโชคชะตา
เรากำลังรอฟ้าหลังฝน วันที่เราสามารถดูแลครอบครัวเราได้
ไอ้โรคซึมเศร้าไม่ได้รับประทานเราหรอก มันแพ้ใจเรา
ขอให้ทุกท่านประสบแต่สิ่งดี ปราศจากความทุกข์
บุญรักษานะคะ
กินยาจนเบลอ ล้มหัวฟาดพื้นห้องน้ำ แม่เราร้องไห้แล้วเราก็มาคิดได้คะ ว่ากินยาไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์
เราเอาถุงยาทิ้งไปเลยคะ เลิกไปหาหมอเอง เลิกกินยาเกี่ยวกับจิตเวชเอง
เราจะไม่มานั้งตอกย้ำว่าตัวเองเป็นผู้ป่วยจิตเวช ต้องฆ่าตัวตาย
อายุ16เราก็โดนข่มขืน เป็นครั้งแรกของเรา
แต่เราคิดว่าเราต้องเข้มแข็ง ไม่ใช่เราคนเดียวที่ทุกข์อยู่บนโลกใบนี้สักหน่อย
ถ้าจะให้เราเล่าเรื่องชีวิตเรา น้ำเน่ามาก เขียนหนังสือได้เป็นเล่มๆ อายุ32ปี แต่ผ่านอะไรมามากมาย
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต เราทำดี เรากตัญญู เรารักพ่อแม่ รักลูกๆของเรา
และเราเชื่อในศาสนาพุทธของเรา เราเชื่อในกฎแห่งกรรม และโชคชะตา
เรากำลังรอฟ้าหลังฝน วันที่เราสามารถดูแลครอบครัวเราได้
ไอ้โรคซึมเศร้าไม่ได้รับประทานเราหรอก มันแพ้ใจเรา
ขอให้ทุกท่านประสบแต่สิ่งดี ปราศจากความทุกข์
บุญรักษานะคะ
ความคิดเห็นที่ 22
เจ้าของกระทู้นั้งรถเมล์ ไปปล่อยปลามาค่ะ มีเงินไม่มาก ช่วยได้3ตัว 55บาท
ซื้อปลาที่กำลังจะโดนฆ่าจากตลาด ไปปล่อยในวัด เขตอภัยทาน
ถ้าพอมีเงิน ก็จะทำแบบนี้ตลอดค่ะ หรือไม่ก็ทำบุญโลงศพ ตามกำลังเรา
คืนนี้เจ้าของกระทู้จะล้างเท้าพ่อ แม่และกราบเท้าท่าน ขออโหสิกรรมต่อท่าน
พ่อแม่ของเจ้าของกระทู้เป็นคน ต่างจังหวัด อารมณ์รุนแรง ท่านรัก แต่เวลาโมโห ไม่ได้ดั่งใจ ท่านก็ด่า ก็สาปแช่ง(ตั้งแต่เจ้าของกระทู้เป็นเด็กแล้ว) เพื่อให้ลูกเสียใจ
แต่ไม่เคยโกรธหรอกค่ะ แต่ว่าโดนพ่อแม่ด่าพ่อแม่ สาปแช่ง ไม่ดีนะคะ ชีวิตจะไม่มีวันเจริญ อันนี้เรื่องจริงค่ะเป็นอยู่
ยังงัยก็อนุโมทนาบุญกันด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกท่าน ที่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น และให้กำลังใจนะคะ
ขอให้ทุกท่าน ประสบแต่ความดี ปราศจากความทุกข์ทั้งปวง
บุญรักษาค่ะ
ใครที่กำลังทุกข์หนัก หรือคิด หรือกำลังฆ่าตัวตาย เอาไลน์ไิอดีมาค่ะ เราจะคุยเป็นเพื่อน ให้กำลังใจได้ค่ะ อย่าอยู่คนเดียว หรือคิดคนเดียวเลย มีอะไรที่เราพอช่วยได้ เราจะช่วยค่ะ
ซื้อปลาที่กำลังจะโดนฆ่าจากตลาด ไปปล่อยในวัด เขตอภัยทาน
ถ้าพอมีเงิน ก็จะทำแบบนี้ตลอดค่ะ หรือไม่ก็ทำบุญโลงศพ ตามกำลังเรา
คืนนี้เจ้าของกระทู้จะล้างเท้าพ่อ แม่และกราบเท้าท่าน ขออโหสิกรรมต่อท่าน
พ่อแม่ของเจ้าของกระทู้เป็นคน ต่างจังหวัด อารมณ์รุนแรง ท่านรัก แต่เวลาโมโห ไม่ได้ดั่งใจ ท่านก็ด่า ก็สาปแช่ง(ตั้งแต่เจ้าของกระทู้เป็นเด็กแล้ว) เพื่อให้ลูกเสียใจ
แต่ไม่เคยโกรธหรอกค่ะ แต่ว่าโดนพ่อแม่ด่าพ่อแม่ สาปแช่ง ไม่ดีนะคะ ชีวิตจะไม่มีวันเจริญ อันนี้เรื่องจริงค่ะเป็นอยู่
ยังงัยก็อนุโมทนาบุญกันด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกท่าน ที่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น และให้กำลังใจนะคะ
ขอให้ทุกท่าน ประสบแต่ความดี ปราศจากความทุกข์ทั้งปวง
บุญรักษาค่ะ
ใครที่กำลังทุกข์หนัก หรือคิด หรือกำลังฆ่าตัวตาย เอาไลน์ไิอดีมาค่ะ เราจะคุยเป็นเพื่อน ให้กำลังใจได้ค่ะ อย่าอยู่คนเดียว หรือคิดคนเดียวเลย มีอะไรที่เราพอช่วยได้ เราจะช่วยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 17
“ปฏาจารา” พระสาวิการูปหนึ่ง เป็นธิดาของเศรษฐีในกรุงสาวัตถี เป็นหญิงรูปร่างงดงามและได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ครั้นนางมีอายุได้ 16ปี ได้หลงรักชายคนใช้ในบ้านของตนเอง
ต่อมาบิดามารดาได้จัดเตรียมหาชายหนุ่มในชนชั้นเดียวกันมาแต่งงานด้วย นางจึงได้นัดแนะให้ชายคนใช้พาหนี แล้วไปสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยในชนบทอันทุรกันดารแห่งหนึ่ง ชีวิตเริ่มแรกของนางปฏาจารามีความสุขมาก เพราะได้อยู่ใกล้ชิดกับชายคนรัก
เวลาผ่านไปไม่นาน นางปฏาจาราตั้งครรภ์ ครั้นถึงเวลาใกล้คลอด นางมีความกังวลใจ เพราะไม่มีบิดามารดาและญาติอยู่ใกล้ชิด นางจึงขอร้องให้สามีพากลับไปหาบิดามารดา สามีปฏิเสธคำขอร้อง เพราะกลัวเกรงบิดามารดาของนางจะเอาโทษ
นางจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพียงลำพัง นางได้คลอดบุตรคนแรกในระหว่างทาง เมื่อสามีตามไปพบ เขาได้ชี้แจงเหตุผลต่างๆ จนพานางกลับบ้านสำเร็จ
เวลาต่อมา นางได้ตั้งครรภ์อีกเป็นครั้งที่สอง และได้ขอร้องสามีเหมือนครั้งก่อน แต่สามีปฏิเสธคำขอร้องเช่นนั้นอีก นางจึงพาบุตรน้อยผู้กำลังหัดเดินหนีออกจากบ้าน
ในระหว่างทางนางปวดท้องอย่างรุนแรง เพราะกำลังจะคลอดบุตร ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก สามีตามไปพบนางดิ้นทุรนทุรายอยู่ท่ามกลางสายฝน จึงไปตัดไม้เพื่อนำมาทำที่กำบังฝนชั่วคราว แต่เขาถูกงูพิษกัดถึงแก่ความตาย
นางปฏาจาราคลอดบุตรด้วยความยากลำบาก แล้วนางอุ้มทารกและจูงบุตรน้อยตามไปพบศพของสามี จึงมีความเศร้าโศกเสียใจมาก นางตัดสินใจจะพาบุตรไปหาบิดามารดาในเมือง
เมื่อนางมาถึงลำธารใหญ่ที่น้ำกำลังไหลเชี่ยว นางไม่อาจจะพาบุตรข้ามน้ำพร้อมกันได้ จึงให้บุตรคนโตยืนรอที่ฝั่งข้างหนึ่ง แล้วอุ้มทารกแรกเกิดเดินข้ามน้ำไปอีกฝั่งหนึ่ง แลtวางทารกน้อยไว้ที่อันเหมาะสม
ขณะเดินข้ามน้ำมาถึงกลางน้ำ เพื่อรับบุตรคนโต นางเห็นเหยี่ยวตัวหนึ่งกำลังบินโฉบลงเพื่อจิกทารก เพราะมันเข้าใจว่าเป็นก้อนเนื้อ นางจึงยกมือขึ้นไล่เหยี่ยว แต่ไม่อาจช่วยชีวิตทารกน้อยได้ เพราะเหยี่ยวมองไม่เห็นอาการของนางที่ขับไล่ จึงเฉี่ยวทารกน้อยของนางไป
บุตรคนโตมองเห็นนางยกมือขึ้นทั้งสองข้าง ก็เข้าใจว่ามารดาเรียกตน จึงก้าวลงสู่แม่น้ำอันเชี่ยวและถูกน้ำพัดพาหายไป
นางปฏาจาราได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในเวลาใกล้กัน แต่นางยังตั้งสติได้ นางเดินร้องไห้เข้าไปสู่เมืองสาวัตถี และได้ทราบข่าวจากชาวเมืองคนหนึ่งในระหว่างทางว่า ลมและฝนได้พัดเรือนบิดามารดาของนางพังทลาย และเจ้าของบ้านก็ตายไปด้วย
ครั้นเมื่อนางทราบช่าวเช่นนี้ ก็ไม่อาจตั้งสติได้ นางสลัดผ้านุ่งทิ้ง แล้ววิ่งบ่นเพ้อด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่า เข้าไปวัดพระเชตวันมหาวิหาร ขณะที่พระพุทธเจ้ากำลังทรงแสดงธรรมอยู่ท่ามกลางบริษัท ประชาชนเห็นนางแล้วร้องบอกกันว่าคนบ้าๆ อย่าให้เข้ามา
พระพุทธองค์ตรัสว่าปล่อยให้นางเข้ามาเถิด แล้วตรัสเรียกเตือนสติ นางกลับได้สติ เกิดความละอายนั่งลง ใครคนหนึ่งในที่ประชุมนั้นโยนผ้าให้นางนุ่งห่ม พระองค์ทรงแสดงธรรมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดกับนางโดยย่อว่า ปิยชนมีบุตร เป็นต้น ไม่สามารถข้องกับคนที่ตายแล้วได้ ผู้รักษาศีลแล้วพึงชำระทางไปพระนิพพาน
นางฟังพระธรรมเทศนา อันแสดงถึงความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่ง พิจารณาไปตามพระธรรมเทศนานั้นแล้วได้บรรลุโสดาปัตติผล และทูลขออุปสมบท พระองค์จึงทรงอนุญาตให้นางบวชในสำนักนางภิกษุณี
ต่อมานางภิกษุณีปฏาจาราได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธองค์ว่า คนที่ไม่เห็นความเสื่อมสิ้นไปในเบญจขันธ์ แม้มีชีวิตอยู่ร้อยปี ก็ไม่ประเสริฐเท่าคนที่มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว แต่มองเห็นความเสื่อมสิ้นไปในเบญจขันธ์ เมื่อจบพระธรรมเทศนา นางภิกษุณีปฏาจาราก็ได้บรรลุพระอรหัตผล
พระปฏาจาราเถรีมีความชำนาญในพระวินัยมาก จนได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายผู้ทรงพระวินัย และพระปฏาจาราเถรีได้เป็นกำลังในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
พระปฏาจาราเถรีมีคุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ดังนี้
1. เป็นผู้มีความตั้งใจจริง นิสัยตั้งใจจริง ต้องทำตามที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จนี้ ได้มีมาตั้งแต่พระปฏาจาราเถรียังเป็นเด็กสาว แต่เนื่องจากยังขาดประสบการณ์และขาดวิจารณญาณ จึงทำให้ผิดพลาดในชีวิต โดยสังเกตได้ว่า นางตั้งใจจะแต่งงานกับขายคนที่ตนรัก ไม่ต้องการแต่งงานกับคนที่บิดามารดาเลือกให้ ก็ต้องทำให้ได้
แต่เมื่อได้บวชเป็นนางภิกษุณีแล้ว นางได้สานต่อความตั้งใจนั้นในทางที่ถูกต้อง นั่นคือความตั้งใจศึกษาพระวินัยปิฎกให้เชี่ยวชาญ ก็ไม่ลดละความพยายาม นางได้ใช้วิริยะอุตสาหะเป็นอย่างมาก จนกระทั่งสำเร็จตามปรารถนา ได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้า ให้เป็นผู้เลิศกว่านางภิกษุณีรูปอื่นในด้านผู้ทรงพระวินัย
2. เป็นผู้แนะแนวชีวิตที่ดี ชีวิตของนางปฏาจาราเถรี เป็นชีวิตที่มากด้วยประสบการณ์ ได้ผ่านมาทั้งความสุข ความสมหวัง และความทุกข์ ความผิดหวังอย่างสาหัสจนเกือบกลายเป็นคนบ้าเสียสติถาวร
เมื่อนางได้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตแห่งชีวิต เข้ามาสู่ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนาแล้ว ประสบการณ์เหล่านั้นกลับเป็นประโยชน์แก่นางและคนอื่น คือสตรีอื่นๆที่มีปัญหาชีวิต พากันมาขอคำแนะนำ นางได้ให้คำแนะนำที่ดี และช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาเหล่านั้น จนdระทั่งได้รับยกย่องว่า “เป็นครูยิ่งใหญ่” ของพวกเขา
ต่อมาบิดามารดาได้จัดเตรียมหาชายหนุ่มในชนชั้นเดียวกันมาแต่งงานด้วย นางจึงได้นัดแนะให้ชายคนใช้พาหนี แล้วไปสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยในชนบทอันทุรกันดารแห่งหนึ่ง ชีวิตเริ่มแรกของนางปฏาจารามีความสุขมาก เพราะได้อยู่ใกล้ชิดกับชายคนรัก
เวลาผ่านไปไม่นาน นางปฏาจาราตั้งครรภ์ ครั้นถึงเวลาใกล้คลอด นางมีความกังวลใจ เพราะไม่มีบิดามารดาและญาติอยู่ใกล้ชิด นางจึงขอร้องให้สามีพากลับไปหาบิดามารดา สามีปฏิเสธคำขอร้อง เพราะกลัวเกรงบิดามารดาของนางจะเอาโทษ
นางจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพียงลำพัง นางได้คลอดบุตรคนแรกในระหว่างทาง เมื่อสามีตามไปพบ เขาได้ชี้แจงเหตุผลต่างๆ จนพานางกลับบ้านสำเร็จ
เวลาต่อมา นางได้ตั้งครรภ์อีกเป็นครั้งที่สอง และได้ขอร้องสามีเหมือนครั้งก่อน แต่สามีปฏิเสธคำขอร้องเช่นนั้นอีก นางจึงพาบุตรน้อยผู้กำลังหัดเดินหนีออกจากบ้าน
ในระหว่างทางนางปวดท้องอย่างรุนแรง เพราะกำลังจะคลอดบุตร ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก สามีตามไปพบนางดิ้นทุรนทุรายอยู่ท่ามกลางสายฝน จึงไปตัดไม้เพื่อนำมาทำที่กำบังฝนชั่วคราว แต่เขาถูกงูพิษกัดถึงแก่ความตาย
นางปฏาจาราคลอดบุตรด้วยความยากลำบาก แล้วนางอุ้มทารกและจูงบุตรน้อยตามไปพบศพของสามี จึงมีความเศร้าโศกเสียใจมาก นางตัดสินใจจะพาบุตรไปหาบิดามารดาในเมือง
เมื่อนางมาถึงลำธารใหญ่ที่น้ำกำลังไหลเชี่ยว นางไม่อาจจะพาบุตรข้ามน้ำพร้อมกันได้ จึงให้บุตรคนโตยืนรอที่ฝั่งข้างหนึ่ง แล้วอุ้มทารกแรกเกิดเดินข้ามน้ำไปอีกฝั่งหนึ่ง แลtวางทารกน้อยไว้ที่อันเหมาะสม
ขณะเดินข้ามน้ำมาถึงกลางน้ำ เพื่อรับบุตรคนโต นางเห็นเหยี่ยวตัวหนึ่งกำลังบินโฉบลงเพื่อจิกทารก เพราะมันเข้าใจว่าเป็นก้อนเนื้อ นางจึงยกมือขึ้นไล่เหยี่ยว แต่ไม่อาจช่วยชีวิตทารกน้อยได้ เพราะเหยี่ยวมองไม่เห็นอาการของนางที่ขับไล่ จึงเฉี่ยวทารกน้อยของนางไป
บุตรคนโตมองเห็นนางยกมือขึ้นทั้งสองข้าง ก็เข้าใจว่ามารดาเรียกตน จึงก้าวลงสู่แม่น้ำอันเชี่ยวและถูกน้ำพัดพาหายไป
นางปฏาจาราได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในเวลาใกล้กัน แต่นางยังตั้งสติได้ นางเดินร้องไห้เข้าไปสู่เมืองสาวัตถี และได้ทราบข่าวจากชาวเมืองคนหนึ่งในระหว่างทางว่า ลมและฝนได้พัดเรือนบิดามารดาของนางพังทลาย และเจ้าของบ้านก็ตายไปด้วย
ครั้นเมื่อนางทราบช่าวเช่นนี้ ก็ไม่อาจตั้งสติได้ นางสลัดผ้านุ่งทิ้ง แล้ววิ่งบ่นเพ้อด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่า เข้าไปวัดพระเชตวันมหาวิหาร ขณะที่พระพุทธเจ้ากำลังทรงแสดงธรรมอยู่ท่ามกลางบริษัท ประชาชนเห็นนางแล้วร้องบอกกันว่าคนบ้าๆ อย่าให้เข้ามา
พระพุทธองค์ตรัสว่าปล่อยให้นางเข้ามาเถิด แล้วตรัสเรียกเตือนสติ นางกลับได้สติ เกิดความละอายนั่งลง ใครคนหนึ่งในที่ประชุมนั้นโยนผ้าให้นางนุ่งห่ม พระองค์ทรงแสดงธรรมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดกับนางโดยย่อว่า ปิยชนมีบุตร เป็นต้น ไม่สามารถข้องกับคนที่ตายแล้วได้ ผู้รักษาศีลแล้วพึงชำระทางไปพระนิพพาน
นางฟังพระธรรมเทศนา อันแสดงถึงความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่ง พิจารณาไปตามพระธรรมเทศนานั้นแล้วได้บรรลุโสดาปัตติผล และทูลขออุปสมบท พระองค์จึงทรงอนุญาตให้นางบวชในสำนักนางภิกษุณี
ต่อมานางภิกษุณีปฏาจาราได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธองค์ว่า คนที่ไม่เห็นความเสื่อมสิ้นไปในเบญจขันธ์ แม้มีชีวิตอยู่ร้อยปี ก็ไม่ประเสริฐเท่าคนที่มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว แต่มองเห็นความเสื่อมสิ้นไปในเบญจขันธ์ เมื่อจบพระธรรมเทศนา นางภิกษุณีปฏาจาราก็ได้บรรลุพระอรหัตผล
พระปฏาจาราเถรีมีความชำนาญในพระวินัยมาก จนได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายผู้ทรงพระวินัย และพระปฏาจาราเถรีได้เป็นกำลังในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
พระปฏาจาราเถรีมีคุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ดังนี้
1. เป็นผู้มีความตั้งใจจริง นิสัยตั้งใจจริง ต้องทำตามที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จนี้ ได้มีมาตั้งแต่พระปฏาจาราเถรียังเป็นเด็กสาว แต่เนื่องจากยังขาดประสบการณ์และขาดวิจารณญาณ จึงทำให้ผิดพลาดในชีวิต โดยสังเกตได้ว่า นางตั้งใจจะแต่งงานกับขายคนที่ตนรัก ไม่ต้องการแต่งงานกับคนที่บิดามารดาเลือกให้ ก็ต้องทำให้ได้
แต่เมื่อได้บวชเป็นนางภิกษุณีแล้ว นางได้สานต่อความตั้งใจนั้นในทางที่ถูกต้อง นั่นคือความตั้งใจศึกษาพระวินัยปิฎกให้เชี่ยวชาญ ก็ไม่ลดละความพยายาม นางได้ใช้วิริยะอุตสาหะเป็นอย่างมาก จนกระทั่งสำเร็จตามปรารถนา ได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้า ให้เป็นผู้เลิศกว่านางภิกษุณีรูปอื่นในด้านผู้ทรงพระวินัย
2. เป็นผู้แนะแนวชีวิตที่ดี ชีวิตของนางปฏาจาราเถรี เป็นชีวิตที่มากด้วยประสบการณ์ ได้ผ่านมาทั้งความสุข ความสมหวัง และความทุกข์ ความผิดหวังอย่างสาหัสจนเกือบกลายเป็นคนบ้าเสียสติถาวร
เมื่อนางได้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตแห่งชีวิต เข้ามาสู่ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนาแล้ว ประสบการณ์เหล่านั้นกลับเป็นประโยชน์แก่นางและคนอื่น คือสตรีอื่นๆที่มีปัญหาชีวิต พากันมาขอคำแนะนำ นางได้ให้คำแนะนำที่ดี และช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาเหล่านั้น จนdระทั่งได้รับยกย่องว่า “เป็นครูยิ่งใหญ่” ของพวกเขา
ความคิดเห็นที่ 10
คนฆ่าตัวตายส่วนใหญ่เป็นโรคซึมเศร้าค่ะ
ต้องได้รับการรักษา ไม่เกี่ยวกับเข้มแข็งหรือไม่เข้มแข็งอะไร
เผื่อจะเข้าใจผู้ป่วยมากขึ้น
http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=812
ต้องได้รับการรักษา ไม่เกี่ยวกับเข้มแข็งหรือไม่เข้มแข็งอะไร
เผื่อจะเข้าใจผู้ป่วยมากขึ้น
http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=812
แสดงความคิดเห็น
ฆ่าตัวตาย.....
เราท้อง ตกงาน ไม่มีเงิน สามีทิ้ง มีคดีความ ไม่แน่อาทิตย์หน้าอาจจะติดคุก คลอดลูก เลี้ยงลูกในคุกก็ได้
เราป่วยด้วย ชีวิตเรามืด8ด้าน มีแสงสว่างเล็ก คือพ่อกับแม่ และลูกๆ ที่ทำให้อยู่ได้
เราอยากบวชเนกขัมมะยังทำไม่ได้เลย เพราะเราท้อง
เราดวงตกมา7ปีแล้ว เข้าๆออกๆ โรงพยาบาล โรงพัก ศาล โดนหลอก โดนแทงข้างหลังประจำ
จนเราคิดว่า เราไม่ไหวแล้ว
เจ้ากรรมนายเวร หรือใครก็ตามเหอะ อยากทำอะไรเราก็ทำเลย เอาให้พอใจ เรายอมก้มหน้าก้มตาชดใช้กรรม
เพราะ เราก็ไม่รู้จะทำยังงัยกับชีวิตให้มันดีขึ้นแล้ว
แต่เราไม่ขอฆ่าตัวตายหรอก มันง่ายไป
เราจะสู้
เราเชื่อเรื่องดวง เรื่องโชคชะตา เป็นเหมือนไกด์นำทาง
เราชอบมาวิ่งดูฟรีห้องพรหม เวลาเราทุกข์ใจมากๆ เพราะเราไม่มีเงิน
แต่เรามีความสุข ที่อย่างน้อยเราก็ได้รู้ ว่าเราจะมีชะตาชีวิตที่ดีๆกับเค้าบ้าง
ใครจะว่าเราไร้สาระงมงาย เราก็ไม่สนใจหรอก ความสุขของเรา
เราเชื่อเรื่องศาสนา เพราะเวลาเราสวดมนต์ สมาธิ ภาวนา เราได้พักสมอง ไม่ต้องคิด ไม่ต้องร้องไห้ ไม่ต้องเจ็บปวด จากอาการทางจิตใจ และร่างกาย ได้พักบ้าง
เราถือศีล5ทุกวัน เราก็ไม่มีความคิด และวาจา และการกระทำที่ทำร้ายตัวเอง และผู้อื่น
ที่เราโพสบ่อยๆ ไม่ได้เรียกร้องความสนใจ หรือซ้ำเติมความเจ็บปวดของตัวเอง
แต่เราอยากให้คนที่กำลังบ่นกับชีวิตแย่ๆของตัวเอง หรือ อยากฆ่าตัวเอง
เราอยากให้คุณเห็นคุณค่าของชีวิต อดทนอีกสักหน่อย
เราเชื่อ ไม่มีใครทุกข์ตลอดไปหรอก มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่อทุกข์
แต่ที่คุณทุกข์ เพราะคุณทำตัวเอง ไม่ปล่อยวาง ไม่หาทางออกให้ตัวเอง
สุขน้อย สุขมากก็คือความสุข
ดูชีวิตเราสิ เรายังไม่ฆ่าตัวตายเลย
หมาขี้เรื้อมันยังไม่ฆ่าตัวตายเลย อายหมามันนะ
ขอให้ทุกคนที่มีความทุกข์ หรือกำลังคิด หรือกำลังฆ่าตัวตาย หรือคนที่เข้ามาให้กำลังใจเรา
ประสบแต่สิ่งดี ปราศจากความทุกข์ค่ะ
บุญรักษานะค่ะ