วันดับสูญ...ต้นแบบ

กระทู้สนทนา
วันดับสูญ...

...ต้นแบบ

ความอึดอัดใจของสมชายทับทวีมากขึ้น ด๊อกเตอร์โทมัสที่กำลังสาธยายถึงห้องและอุปกรณ์ต่างๆ ในยานอย่างภาคภูมิใจไม่ได้สังเกตอากัปกิริยาที่แปลกไปของคู่สนทนาเลย

ความคับข้อง คลางแคลงใจที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ในที่สุดชายหนุ่มก็ไม่สามารถเก็บมันเอาไว้ได้อีกต่อไป

“ด๊อกเตอร์โทมัสครับ”

น้ำเสียงนั้นแข็งกร้าวจนชายชราจับบางอย่างในความรู้สึกได้อย่างชัดเจน เขาหยุดพูดและหันกลับไปมองยังชายหนุ่ม แววตาประหวั่นเกิดขึ้นเพียงชั่วเสี้ยววินาทีก่อนที่ชายชราจะเก็บมันเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน

“ผมขอไม่อ้อมค้อมก็แล้วกัน คุณกำลังปิดบังอะไรผมอยู่กันแน่ ด๊อกเตอร์โทมัส”

ใบหน้าชายชราที่ก่อนหน้านี้ยังคงปรากฏรอยยิ้มให้เห็นกลับเรียบเฉยลงในบัดดล น้ำเสียงที่เอ่ยถามของสมชายนั้นหนักแน่น แววตาขึงขังจริงจัง ชายชรากำลังอ่านความคิด พิจารณา ใคร่ครวญ และประเมินสถานการณ์ในขณะนี้อย่างสุดกำลัง

“คุณหมายถึงอะไรหรือครับ ด๊อกเตอร์สมชาย”

ชายชราลองถามหยั่งเชิง แต่ชายหนุ่มไม่สนใจเกมอ่านใจที่คู่สนทนาเริ่มเปิดกระดาน เขาจ้องกลับด้วยแววตาแข็งกร้าวขึ้นไปอีก

“ทำไมคุณถึงเลือกผม”

สมชายเน้นทุกคำพูดให้ได้ยินอย่างชัดเจนที่สุด ชายชรานิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะถอนหายใจและปรับท่าทางให้ดูผ่อนคลายที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ถ้าเป็นเรื่องนี้ล่ะก็ ผมคิดว่าผมเคยบอกคุณไปแล้วนะด๊อกเตอร์ เราเลือกคุณเพราะคุณเป็นผู้คิดค้นทฤษฏีการดับสูญของโลก เราเตรียมการได้ทันท่วงทีจากผลงานของคุณ ซึ่งนั่นก็ทำให้ทางเราเห็นความสามารถของคุณที่จะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต”

“อย่างนั้นหรือครับ คุณคิดแบบนั้นจริงๆ หรือ”

สมชายแสดงท่าทางยิ้มเยาะในคำตอบที่ได้รับ ช่างเป็นคำตอบมาตรฐานที่เขาไม่อาจรับได้

“แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่ นั้นไม่ใช่เหตุผลจริงๆ ของคุณหรอกครับ”

“เอาล่ะ ด๊อกเตอร์สมชาย ผมเองก็ไม่อยากเล่นเกมทายใจกับคุณแล้ว คุณต้องการคำตอบแบบไหนกันแน่”

ชายชราตัดบทพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ สีหน้าที่พยายามปรับให้ผ่อนคลายลงไปก่อนหน้านี้กลับตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงราบเรียบจนไม่คิดว่าก่อนหน้านี้เขายังพูดจาด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะอยู่เลย

สมชายหลับตาลง ไม่มีใครอ่านออกว่าเขากำลังรวบรวมความคิด รวบรวมสติ รวบรวมความกล้า หรือกำลังชั่งใจกันแน่

“ความเป็นจริงก็คือองค์กรแห่งนี้ไม่จำเป็นต้องมีผมก็ได้”

ในที่สุดชายหนุ่มก็พูดออกมา

“หลังจากที่คุณเริ่มรู้ตัวและเตรียมการเมื่อห้าปีก่อน คุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีผมอีกแล้ว”

ถึงนั่นจะน่าเจ็บใจ แต่มันก็คือความจริง เพราะนอกจากผลงานวิจัยเรื่องวันดับสูญของโลกแล้ว เขาเองแทบจะไม่เคยมีผลงานที่ถึงขนาดสั่นคลอนโลกได้อีกเลย

“ตั้งแต่ที่คุณพาผมเหยียบเข้ามาในโลกของคุณ ผมก็เข้าใจถ่องแท้ว่าองค์กรของคุณมีการเตรียมการทุกอย่างไว้ได้อย่างไร้ที่ติ ตั้งแต่เรื่องการเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ การสร้างโลกใหม่ การโคลนนิ่ง การรวบรวมนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการจากหลากหลายสาขา แล้วก็ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ไม่เคยเห็นในโลกนี้”

สมชายผายมือไปยังเทคโนโลยีล้ำสมัยรอบตัว แต่ชายชราไม่ได้มองตามไป เขากลับจ้องเพียงดวงตาของชายหนุ่ม พยายามไม่ยอมรับว่าความหวั่นวิตกกำลังคุกคามอยู่ในใจ ทั้งๆ ที่ขณะนี้ชายชราคิดว่าเขารู้ความคิดของชายหนุ่มแล้ว เขารู้แล้วว่าคู่สนทนาต้องการจะบอกอะไร

“ด้วยเครือข่ายองค์กรของคุณที่สามารถทำอะไรได้มากมายขนาดนี้ภายในระยะเวลาแค่ห้าปี ทั้งการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน การสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง จนหาความผิดพลาดแทบไม่ได้แบบนี้”

สมชายหลับตาและถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะกล่าวสรุปรวบรัดตัดความเสียงหนักแน่น

“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ที่พวกคุณจะหาผมไม่พบอย่างที่คุณเคยพูดไว้ นอกเสียจากว่าคุณไม่คิดจะหาตัวผมตั้งแต่ทีแรก และหากเป็นเช่นนั้นแล้ว คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่ ด๊อกเตอร์โทมัส”

ชายชราถึงกับแทบหยุดหายใจ หัวใจเต้นหนักหน่วงขึ้นเมื่อเจอกับคำถามนี้ เขาเลือกจะก้มหน้าแทนการสบตาแบบเดิม อาจจะเพราะไม่เคยถูกใครต้อนจนต้องจนมุมแบบนี้

เรื่องราวต่างๆ ปรากฏขึ้นในสมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชายชราพยายามหาทางออกจากเหตุการณ์ช่วงใดช่วงหนึ่งในห้วงความทรงจำ แต่เขาทำไม่สำเร็จ ไม่มีทางออกอื่นใดอยู่ในนั้น เขาเงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่มคู่สนทนาอีกครั้งอย่างยอมจำนน

อาจจะถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องได้รู้ความจริง ชายชราคิด ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนราวกับเมื่อสักครู่เขาได้ใช้พลังงานไปมากมายมหาศาล

“เชิญตามผมมาครับ เราจะไปที่หอบังคับการกัน และที่นั่นคุณจะได้รู้ทุกคำตอบที่คุณต้องการ”

น้ำเสียงนั้นไม่มั่นคงอย่างที่เคยเป็น ชายชราหันหลังกลับและเดินนำหน้าไป หากในเวลานั้นถ้าสมชายมองใบหน้าของชายชราได้ทัน เขาจะพบว่านี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่พวกเขาได้พบกันที่ความกังวลและหวั่นไหวฉายออกมาทางสีหน้าและแววตาของชายชราอย่างชัดเจน

ที่ห้องทำงานส่วนตัวในหอบังคับการ ชายชรานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์โดยมีชายหนุ่มยืนอยู่ด้านหลัง หลังจากที่กดแป้นพิมพ์อยู่ครู่หนึ่งภาพบางอย่างก็ปรากฏขึ้นบนจอขนาดใหญ่ที่ผนัง

ชายชราถอนหายใจอีกครั้ง

“คุณรู้มั้ยครับด๊อกเตอร์สมชาย ทำไมเราถึงได้มั่นใจในเทคโนโลยีโคลนนิ่งของเรามากถึงขนาดนี้”

ชายหนุ่มไม่ตอบและไม่คิดจะหาคำตอบใดๆ อีกแล้ว เขาเพียงต้องการฟังคำตอบที่สมเหตุสมผลที่สุดที่จะตอบคำถามเขาได้เท่านั้น

บนจอขนาดใหญ่เป็นภาพนักวิทยาศาสตร์ในวัยหนุ่มสองคน เขาทั้งคู่ดูจะเป็นคู่หูที่รู้ใจ ดูก็รู้ว่าต้องเป็นเพื่อนที่รักกันมาก

ดูเพียงครู่เดียวก็รู้ว่านักวิทยาศาสตร์หนุ่มหนึ่งในนั้นคือด๊อกเตอร์โทมัส เขาส่งยิ้มให้กล้องอย่างอารมณ์ดีและกอดคอชายหนุ่มอีกคนกำลังหันหน้าให้กับโต๊ะทำงาน

สมชายใจเต้นแรงขึ้น

“ก่อนที่คุณจะเสนอผลงานวันดับสูญของโลกนานแสนนาน องค์กรแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตอนนั้น ผมและชายที่คุณกำลังเห็นบนจอเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญหลักของที่นี่ พวกเราแบ่งการทำงานของที่นี่ออกเป็นส่วนย่อยๆ หนึ่งทีมงานต่อหนึ่งผลงานวิจัย”

ชายชรารู้สึกเหมือนกำลังถูกบังคับให้พูดในสิ่งที่ไม่อยากพูด เหมือนเด็กที่ถูกบังคับให้ยอมรับว่าผิด ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยอ่อนมากขนาดนี้มานานแล้ว

“ผมรับผิดชอบด้านอวกาศรวมถึงการบินอวกาศ และคนที่คุณเห็น เขาเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของผม และเขาเองก็รับผิดชอบด้านเทคโนโลยีโคลนนิ่ง”

สายตาจ้องเขม็งแต่ภาพในหน้าจอ แม้เขาจะพยายามตั้งใจฟังสิ่งที่ชายชราพูด แต่ก็รู้สึกเหมือนเสียงของด๊อกเตอร์โทมัสเพียงผ่านเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ใจของเขาเต้นรัวขึ้นไปอีก

“เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับอัจฉริยะคนหนึ่งในวงการ แต่ความบ้างานของเขาก็เกินกว่าระดับคนปกติด้วยเช่นกัน เขาจริงจังกับทุกเรื่อง ไม่เคยหย่อนให้กับอะไร หากมีอะไรที่จะทำให้งานสำเร็จเร็วขึ้นแม้เพียงวันเดียวเขาก็จะทำ และเขาจะไม่ยอมรามือหากงานที่สนใจยังไม่สำเร็จ”

ชายชรายังคงพยายามเล่าเรื่องจากภาพนั้นต่อไป หากแต่ใจของชายหนุ่มผู้กำลังรับฟังเรื่องราวกลับลอยหายไปไกลกว่าเหตุการณ์ตรงหน้ามากแล้ว

“และด้วยลักษณะนิสัยเช่นนั้นก็ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพ เขาเริ่มป่วย และอาการป่วยก็ยิ่งทรุดหนักลงเรื่อยๆ แต่ทั้งๆ อย่างนั้น ทั้งๆ ที่ผมพยายามห้ามและขอให้เขาพักผ่อนไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุด ไม่ยอมแม้แต่จะละสายตาออกจากงานของเขา วันแล้ววันเล่าที่ผมเห็นเขาทรุดโทรมลงต่อหน้าต่อตา แม้เขาจะแสดงให้เห็นว่าตัวของเขายังสบายดี แต่ผมรู้ดีว่าเขากำลังเจ็บปวดแสนสาหัส”

ชายชรากดแป้นพิมพ์ ภาพบนหน้าจอเปลี่ยนให้เห็นถึงสภาพร่างกายของชายที่เป็นเพื่อนรักของด๊อกเตอร์โทมัสที่ผิดไปจากภาพก่อนหน้านี้ราวกับคนละคน เขานอนอยู่บนเตียง ร่างกายซูบผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก

“เขาสิ้นใจหลังจากที่โครงการของเขาประสบความสำเร็จเพียงสามวันเท่านั้น แต่ทว่าก่อนสิ้นใจเขาก็ขอให้ผมทำสิ่งหนึ่งให้กับเขา”

ชายชราหลับตา เงยหน้าขึ้นมองเพดานที่ว่างเปล่า

“ยังมีเรื่องราวอีกมากมายบนโลกใบนี้ที่เขายังไม่รู้ ยังมีอีกหลายสิ่งที่เขาอยากเห็นและทำให้มันเป็นจริง เขาไม่อยากหยุดเพียงแค่นี้ ไม่อยากทิ้งทุกอย่างเพียงเพราะโรคร้าย นั่นเป็นคำพูดของเขา เขาขอให้ผมใช้เทคโนโลยีที่เขาคิดค้นขึ้นจนสำเร็จทำการโคลนนิ่งตัวของเขาเองขึ้นมาใหม่”

แม้มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากเหี่ยวย่น แต่ในน้ำเสียงกลับฟังดูเงียบเหงาอย่างน่าประหลาด

“ผมทำตามคำขอร้องก่อนสิ้นลมของเขา หากแต่ผมคิดว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้น ไม่เคยมีสักครั้งที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนคนปกติทั่วไป หากเขายังอยู่ที่นี่กับพวกเรา วงจรชีวิตแบบเดิมและจุดจบแบบเดิมก็จะกลับมาเยือนเขาอีกในไม่ช้า ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจส่งเพื่อนเก่าในร่างใหม่ให้กับครอบครัวปกติที่มีความพร้อมแต่ไม่สามารถมีลูกได้เพื่อให้เขาได้ใช้ชีวิตใหม่ที่มีความสุขจริงๆ เสียที”

ชายชราเอื้อมมือกดแป้นพิมพ์อีกครั้ง ภาพบนหน้าจอค่อยๆ ทยอยสับเปลี่ยนไปทีละภาพ

ภาพเด็กทารกตัวน้อยที่ถือกำเนิดจากเทคโนโลยีนอนหลับตาพริ้มอยู่ในตู้อบ ภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังอุ้มทารกที่ได้รับมาด้วยความยินดี ภาพเด็กชายหัดเดินท่ามกลางรอยยิ้มของผู้เป็นพ่อแม่ ภาพเด็กชายร้องไห้โยเยในวัยอนุบาล

ต่อจากนั้นเป็นภาพที่เด็กชายเริ่มเติบใหญ่ขึ้นตามวัยและวันเวลาที่หมุนผ่าน

ใจของสมชายบีบรัด เต้นแรงจนเจ็บหน้าอก เขามองพัฒนาการของเด็กน้อยอย่างตกตะลึง สมองเริ่มมึนงงเหมือนกับว่าเขากำลังหลุดลอยไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง

“ใช่แล้วครับ ด๊อกเตอร์สมชาย นี่คือสิ่งที่คุณอยากรู้ คำตอบนั้นคือ เด็กคนนั้นคือคุณ คุณคือต้นแบบโคลนนิ่งที่สมบูรณ์แบบคนแรกของเรา”

แม้ไม่ต้องการ แต่เหตุการณ์ทั้งหมดบังคับให้ชายชราต้องพูดความจริงออกไป

“เราจับตาดูคุณอยู่จนกระทั่งคุณมีอายุครบสิบแปดปี เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะมีความสุขในชีวิตแบบคนธรรมดา และคุณกับผมก็คงจะไม่รู้จักกันตลอดกาล ถ้าหากหลังจากนั้นสิบสี่ปี ผลงานวิจัยของคุณไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกมา”

แม้จะคาดการณ์ไปถึงสถานการณ์เลวร้ายต่างๆ ไว้แล้ว แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้นั้นเหนือคาดหมายจนเกินไป

นี่มันเกิดอะไรขึ้น คำถามเดิมวนเวียนซ้ำๆ ในหัวสมอง

“ผมลังเลที่จะเลือกคุณเป็นหนึ่งในผู้อพยพ คุณควรจะได้รู้ความจริงและทำงานหนักดังเช่นเมื่อก่อน หรืออาจจะดีกว่าหากผมปล่อยให้คุณดับสูญไปพร้อมๆ กับโลกโดยที่ไม่ต้องรับรู้เรื่องอะไรเลย ผมถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนวินาทีสุดท้ายก่อนตัดสินใจเดินทางไปพบคุณ”

ชายชราหยุดพูดหน่อยหนึ่งราวกับกำลังรวบรวมสติที่หลุดหายไปก่อนหน้านี้ให้กลับมาอยู่กับตัว

“คุณอยู่บนโลกใบนี้ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง คุณไม่ใช่เขาหรือแม้กระทั่งตัวแทนของเขา เราเลือกคุณจากความสามารถและความเป็นอัจฉริยะในตัวคุณ ความสามารถทางวิชาการและจริยธรรมของคุณเป็นสิ่งที่เราต้องการ นี่คือความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย”

“และในตอนนี้ ผมจะเคารพการตัดสินใจของคุณ หลังจากที่ได้รู้ทุกอย่างแล้ว คุณจะเดินทางไปและสร้างโลกใหม่พร้อมๆ กับเรา หรือจะละทิ้งอนาคตทุกอย่างและดับสูญไปพร้อมกับโลกใบนี้ นั่นอยู่ที่คุณเลือก”

รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก สมองว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยเป็น สายตาชายหนุ่มเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย นั่นเป็นความจริงที่เขาไม่ควรจะได้รับรู้มันเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่