ในบรรดาภาพยนตร์ไทยที่ปรากฏออกสู่สาธารณชน ก็มีบุคคลอีกจำนวนหนึ่งที่มีใจรักในเสียงเพลงเป็นทุนอยู่แล้ว แต่ก็มีความอยากรู้อยากลองในเบื้องหลังการทำหนังดูบ้าง ซึ่งถ้าเรานับนิ้วได้ก็คงมีจำนวนไม่มากนักที่นักร้องนักดนตรีผันตัวเองมาทำหน้าที่กำกับภาพยนตร์ โดยเฉพาะคนลูกทุ่ง ที่หาได้น้อยนักในสมัยนี้
จากความล้มเหลวทางรายได้ของภาพยนตร์เรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ที่รวมนักแสดงและนักร้องจากเวทีประกวดต่างๆ มาประชันฝีมือกัน และมาถึงเรื่อง "เทริด" หนังแนวอนุรักษ์ศิลปะพื้นบ้านทางภาคใต้ ที่ฉายในช่วงปีนี้ ทำให้เราต้องทบทวนกันดูว่าต่อไปคนลูกทุ่งหน้าไหนที่จับที่จับทางให้ตรงใจหรือตรึงใจคนดูหนังได้ดีขึ้นกว่าที่เป็น โดยไม่อยากเห็นอาถรรพ์แห่งความคาดหวังว่าหนังที่คนลูกทุ่งทำส่วนใหญ่จะเจ๊ง หรือไม่เป็นที่ยอมรับ ถึงขั้นดูถูกดูแคลน
แต่อย่างน้อยก็ได้บันทึกเป็นประวัติศาสตร์แห่งวงการภาพยนตร์ว่า คนลูกทุ่งก็มีสิทธิ์เหมือนกัน มีสิทธิ์ที่จะรู้ มีสิทธิ์ที่จะคิด มีสิทธิ์ที่จะทำ จนสำเร็จได้อย่างไม่เกรงฟ้าดิน
ยกตัวอย่างเช่นในอดีต เรามีคีตกวีแห่งแดนอีสานอย่างครู "พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา" ที่สร้างหนังเรื่องเด่นๆ อย่าง มนต์รักแม่น้ำมูล, มนต์รักลำน้ำพอง และ ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ในช่วงทศวรรษ 2520 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนังที่มีบทเพลงมากมายมาประกอบกัน และเป็นเรื่องราวท้องถิ่นตามถนัดของเขา ถือว่าเป็นนักแต่งเพลงลูกทุ่งคนแรกๆ ที่มากำกับภาพยนตร์ ซึ่งเขาเรียนรู้ด้วยครูพักลักจำ จนได้เป็นศิลปินแห่งชาติในปี 2557 และเสียชีวิตลงในเวลาไม่นาน
ถ้าเอาเฉพาะนักร้องลูกทุ่ง คนแรกๆ ที่ทำหนังแล้วประสบผลสำเร็จ ก็เห็นจะเป็น "พนม นพพร" ที่สวมบทบาทเป็นผู้สร้างและผู้กำกับภาพยนตร์ โดยมีผลงานเด่นอย่างเรื่อง คมนักเลง, คุณพ่อขอโทษ, หมามุ่ย, จับกัง, พูดด้วยปืน ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่แนวลูกทุ่งตามถนัดเลย เรียกว่าเป็นบทพิสูจน์ที่ท้าทายของเขาและเป็นการหลีกความจำเจของวงการหนังไทยเลยก็ว่าได้
จนมาถึงล่าสุดคือ "เอกชัย ศรีวิชัย" ที่สั่งสมประสบการณ์ทางศิลปะท้องถิ่นมาทั้งชีวิต อีกทั้งผ่านการแสดงภาพยนตร์มาไม่น้อย หลังจากเลิกทัวร์คอนเสิร์ตศรีวิชัยโชว์ ก็ได้สร้างหนังเรื่องแรก(ที่ชื่ออ่านยาก)ว่า "เทริด" (อ่านว่า เซิด) ที่รับหน้าที่ทั้งกำกับและแสดงอีกด้วย เรียกว่าเป็นหนังไทยอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจับตามอง และถูกจัดให้เป็นหนังแห่งการเรียนรู้ของเยาวชนอีกเรื่องหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่เมื่อหนังเข้าโรงไปทั่วประเทศ รายได้ก็เป็นไป...ฉันนั้น
ก็หวังว่าต่อๆ ไป เราอาจได้เห็นศิลปินนักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลงในวงการลูกทุ่งอีกหลายๆ ท่าน มาแต่งตัวทำหนังกับเค้าบ้าง แต่ผลที่ออกมาจะสำเร็จมากน้อยเพียงใด จะได้รางวัลสักตัวหรือไม่...ใจเราเท่านั้นที่เป็นแรงกำลัง และเชื่อว่าวงการลูกทุ่งคงครึกครื้นกว่าที่เป็นแน่ สวัสดี.
ย้อนดู...คนลูกทุ่ง กำกับหนังไทย
จากความล้มเหลวทางรายได้ของภาพยนตร์เรื่อง "ลูกทุ่งซิกเนเจอร์" ที่รวมนักแสดงและนักร้องจากเวทีประกวดต่างๆ มาประชันฝีมือกัน และมาถึงเรื่อง "เทริด" หนังแนวอนุรักษ์ศิลปะพื้นบ้านทางภาคใต้ ที่ฉายในช่วงปีนี้ ทำให้เราต้องทบทวนกันดูว่าต่อไปคนลูกทุ่งหน้าไหนที่จับที่จับทางให้ตรงใจหรือตรึงใจคนดูหนังได้ดีขึ้นกว่าที่เป็น โดยไม่อยากเห็นอาถรรพ์แห่งความคาดหวังว่าหนังที่คนลูกทุ่งทำส่วนใหญ่จะเจ๊ง หรือไม่เป็นที่ยอมรับ ถึงขั้นดูถูกดูแคลน
แต่อย่างน้อยก็ได้บันทึกเป็นประวัติศาสตร์แห่งวงการภาพยนตร์ว่า คนลูกทุ่งก็มีสิทธิ์เหมือนกัน มีสิทธิ์ที่จะรู้ มีสิทธิ์ที่จะคิด มีสิทธิ์ที่จะทำ จนสำเร็จได้อย่างไม่เกรงฟ้าดิน
ยกตัวอย่างเช่นในอดีต เรามีคีตกวีแห่งแดนอีสานอย่างครู "พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา" ที่สร้างหนังเรื่องเด่นๆ อย่าง มนต์รักแม่น้ำมูล, มนต์รักลำน้ำพอง และ ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ในช่วงทศวรรษ 2520 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนังที่มีบทเพลงมากมายมาประกอบกัน และเป็นเรื่องราวท้องถิ่นตามถนัดของเขา ถือว่าเป็นนักแต่งเพลงลูกทุ่งคนแรกๆ ที่มากำกับภาพยนตร์ ซึ่งเขาเรียนรู้ด้วยครูพักลักจำ จนได้เป็นศิลปินแห่งชาติในปี 2557 และเสียชีวิตลงในเวลาไม่นาน
ถ้าเอาเฉพาะนักร้องลูกทุ่ง คนแรกๆ ที่ทำหนังแล้วประสบผลสำเร็จ ก็เห็นจะเป็น "พนม นพพร" ที่สวมบทบาทเป็นผู้สร้างและผู้กำกับภาพยนตร์ โดยมีผลงานเด่นอย่างเรื่อง คมนักเลง, คุณพ่อขอโทษ, หมามุ่ย, จับกัง, พูดด้วยปืน ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่แนวลูกทุ่งตามถนัดเลย เรียกว่าเป็นบทพิสูจน์ที่ท้าทายของเขาและเป็นการหลีกความจำเจของวงการหนังไทยเลยก็ว่าได้
จนมาถึงล่าสุดคือ "เอกชัย ศรีวิชัย" ที่สั่งสมประสบการณ์ทางศิลปะท้องถิ่นมาทั้งชีวิต อีกทั้งผ่านการแสดงภาพยนตร์มาไม่น้อย หลังจากเลิกทัวร์คอนเสิร์ตศรีวิชัยโชว์ ก็ได้สร้างหนังเรื่องแรก(ที่ชื่ออ่านยาก)ว่า "เทริด" (อ่านว่า เซิด) ที่รับหน้าที่ทั้งกำกับและแสดงอีกด้วย เรียกว่าเป็นหนังไทยอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจับตามอง และถูกจัดให้เป็นหนังแห่งการเรียนรู้ของเยาวชนอีกเรื่องหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่เมื่อหนังเข้าโรงไปทั่วประเทศ รายได้ก็เป็นไป...ฉันนั้น
ก็หวังว่าต่อๆ ไป เราอาจได้เห็นศิลปินนักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลงในวงการลูกทุ่งอีกหลายๆ ท่าน มาแต่งตัวทำหนังกับเค้าบ้าง แต่ผลที่ออกมาจะสำเร็จมากน้อยเพียงใด จะได้รางวัลสักตัวหรือไม่...ใจเราเท่านั้นที่เป็นแรงกำลัง และเชื่อว่าวงการลูกทุ่งคงครึกครื้นกว่าที่เป็นแน่ สวัสดี.