= การทุบหม้อข้าวของครอบครัวจุฑานุกาล =
.
________________
.
ต้องรักลูกเพียงใด ต้องเข้าใจลูกแค่ไหน ครอบครัวนี้จึงกล้าที่จะเสี่ยงกับอนาคตของลูกขนาดนี้ ผมกำลังหมายถึง ครอบครัว จุฑานุกาล ซึ่งทุ่มเทไปกับแรงศรัทธาของลูกสาวทั้งสองอย่างชนิดที่เรียกว่า ทุบหม้อข้าว ตัวเองแล้วไปตายเอาดาบหน้า
มีคนตั้งข้อสังเกตว่า สรีระร่างกายของคนไทยไม่เหมาะกับกีฬา กอล์ฟ มีคนถกเถียงกันถึงการวาดวงสวิง แต่เมื่อมีนักกอล์ฟลูกครึ่งไทยอย่าง ไทเกอร์ วู้ด ที่ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลก ข้อสังเกตเหล่านั้นจึงหมดไป บ้างยังบอกว่า ไทเกอร์ มีเลือดอเมริกันอยู่ในตัว เขาจึงสามารถก้าวขึ้นมาจุดนั้นได้ เถียงกันให้ตายยังไงมันก็เป็นแค่การตั้งข้อสังเกตที่ออกจะดูถูกชนชาติเราจนเกินไป
แต่มันใช้ไม่ได้กับครอบครัวนี้ ครอบครัวชาวไทย 100% ที่ศรัทธาในตัวลูกสาวอย่าง โม โมรียา จุฑานุกาล และ เม เอรียา จุฑานุกาล ถึงขนาดขายบ้านขายรถขายสมบัติแทบทุกชิ้นที่มีเพื่อผลักดันลูกสาวให้เป็นนักกอล์ฟอาชีพ ท่ามกลางกระแสเหยียดหยามในเชื้อชาติ พวกเขาไม่เคยฟังคำคนเหล่านั้น แต่กลับมองเหล่าโปรกอล์ฟฝีมือดีของไทยเราแล้วเอามาเพิ่มแรงศรัทธาให้ลูกสาวทั้งสอง คนไทยสามารถสู้ฝรั่งได้ นั่นคือศรัทธาของ สมบูรณ์ จุฑานุกาล ผู้เป็นพ่อและหัวหน้าครอบครัวที่ยอมแลกกิจการและความสุขสบายเพื่อตามความฝันของลูกสาวด้วยกัน
.
สมบูรณ์ คือนักธุรกิจตกแต่งภายในที่เจอเข้ากับวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เขาล้มและต้องใช้หนี้สิน 30 ล้านบาทในเวลาอันจำกัด เมื่อใช้หนี้สินจนหมด เขากับภรรยาอย่าง นฤมล ติวัฒนาสุข เริ่มจับธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง พออยู่พอกิน และมีโปรช็อปขายอุปกรณ์กอล์ฟเป็นอีกหนึ่งธุรกิจครอบครัว เหมือนจะสุขสบายดีจนวันหนึ่งเขาเอาไม้กอล์ฟให้ลูกสาวตัวน้อยทั้งคู่ไปเล่นไกลๆร้าน เพราะทั้งคู่ซุกซนมาก นั่นคือการจับไม้กอล์ฟจริงๆจังๆครั้งแรกของ โม และ เม
.
จากการหลอกล่อของพ่อเพื่อไม่ให้เกะกะหน้าร้าน โม และ เม เริ่มคุ้นเคยกับไม้กอล์ฟ และหลงรักมันเข้าอย่างจังราวกับว่าพวกเธอเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ แน่นอนว่าคุณพ่อของพวกเธอเห็นแวว แม้จะยังไม่เชื่อได้เต็มร้อยว่าลูกสาวจะเล่นกอล์ฟได้ เขาพร่ำสอนเรื่องกอล์ฟให้ลูกๆจนพวกเธอติดการเล่นกอล์ฟ ลมหายใจเข้าออกเธอมอบให้แด่กีฬาไฮโซชนิดนี้
.
ครอบครัว จุฑานุกาล ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก แค่เป็นชนชั้นกลางที่เคยล้มและกำลังจะฟื้นตัว แต่การได้เห็นลูกฝักใฝ่ในกีฬากอล์ฟ หลงรักกอล์ฟอย่างจริงจังทำให้ผู้เป็นพ่อเริ่มคิดที่จะสนับสนุนลูกสาวเป็นเรื่องเป็นราว โดยมีแค่คำว่าศรัทธา
.
คนเราไม่จำเป็นต้องเรียนดีเสมอไป โม และ เม ถูกอาจารย์ประจำชั้นเรียกผู้ปกครองไปพบเพราะพวกเธอไม่เคยทำงานทำการบ้านส่งอาจารย์เลย พ่ออธิบายให้อาจารย์ฟังว่า โม และ เม จะเป็นโปรกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่ของไทยในภายภาคหน้า อาจารย์จึงยอมอ่อนข้อและสนับสนุน แต่เพื่อไม่ให้การเรียนเสีย โม และ เม ถูกอนุญาติให้เรียนครึ่งวัน โดยที่อีกครึ่งวันนั้นพวกเธอต้องฝึกซ้อมกอล์ฟอย่างหนักโดยมีพ่อและโปรที่พ่อจ้างมาคอยฝึกสอน
.
เด็กผู้หญิง กับ ไม้กอล์ฟ เป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสมากหากจะก้าวขึ้นไปเป็นโปร มีแค่ความเก่งอย่างเดียวไม่ได้ กีฬาชนิดนี้ต้องมีเงินทุนเพื่อเดินทางไปแข่งขันในรายการต่างๆ ผู้เป็นพ่อมอบศรัทธาให้แก่ลูก โดยการตัดสินใจขายสมบัติแทบทุกสิ่งที่มีเพื่อส่งเสียให้ลูกได้ไปถึงฝั่งฝันแม้ว่ามันอาจจะยังมองไม่เห็นปลายทาง แต่เขารักลูกๆมาก
.
“ ผม บอกกับลูกว่าพ่อทุบหม้อข้าวตัวเองแล้ว เหลือแต่ข้างหน้าที่ลูกต้องฝ่าไปให้ได้ เขาก็รู้ว่าต้องเล่นให้ดีเพื่ออนาคต ครอบครัวเราจึงมาวางแผนสู้ไปด้วยกัน ”
.
สมบูรณ์ ผู้เป็นพ่อกล่าวไว้อย่างบ้าบิ่น ท่ามกลางเสียงคนรอบข้างที่คัดค้านแนวทางบ้าบิ่นของเขา เขายอมขายกิจการทุกอย่างเพื่อปั้นให้ลูกเป็นในสิ่งที่พวกเธอรัก ครอบครัว จุฑานุกาล ไปไหนไปกัน พ่อ แม่ และลูกสาวทั้งสอง กำลังแลกทุกอย่างกับความฝันลูก
.
เงินทุนประมาณ 20 ล้านที่ขายทรัพย์สมบัติมาได้นั้นถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่าที่สุด พวกเขาไม่ได้คิดว่าเล่นกอล์ฟแล้วต้องกินอยู่อย่างหรูหรา ทานอาหารในคลับเฮ้าส์ที่สนามกอล์ฟ แต่เลือกที่จะกินข้าวในโรงอาหารแคดดี้ 30 บาท และพวกเขาไม่เคยอายสายตาใคร
.
เมื่อหว่านเมล็ดพืชไปแล้ว ถึงคราวที่มันจะงอกเงยขึ้นมาตามที่ควรจะเป็น เม คว้าที่ 2 ในรายการ JuniorWorld ที่สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ จากนั้นก็คว้าแชมป์เด็กในรายการต่างๆรวมถึงลงแข่งในรายการใหญ่ๆเพื่อสั่งสมประสบการณ์จน สมาคมกอล์ฟเยาวชนแห่งสหรัฐอเมริกา (AJGA) มอบรางวัลนักกอล์ฟเยาวชนหญิงแห่งปีแก่ เม เอรียา ติดกัน 2 ปีซ้อนในปี 2011และ 2012 ในวงการกอล์ฟไทยต่างรู้จักครอบครัวบ้าบิ่นครอบครัวนี้ดี โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อ แล้วเสียงซุบซิบก็เริ่มจางหายไป แทนที่ด้วยเสียงชื่นชม
.
แต่หนทางสู่โปรนั้นมันยากเย็นนัก เงินทองก็ร่อยหรอลงทุกทีเพราะเงินรางวัลจากการชนะในระดับสมัครเล่นไม่อาจทดแทนเงินที่ลงทุนไปได้เลย และเนื่องจากเป็นมือระดับ Amateur ซึ่งไม่ใช่มือโปร สองพี่น้องจึงยังรับสปอนเซอร์ไม่ได้ นั่นคือช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่ทั้ง โม และ เม ต้องรีบเทิร์นโปรให้ได้เร็วที่สุดเพื่อพยุงบานะการเงินครอบครัว แต่ผู้เป็นพ่อย้ำเสมอว่าห้ามลูกสาวเครียด พ่อจัดการทุกอย่างได้สบายอยู่แล้ว ลูกตั้งใจทำมันให้ดีก็พอ
.
โม และ เม สลับกันได้แชมป์รายการต่างๆ และแล้วทั้งคู่ก็เข้าสู่ระดับโปรได้ และสิ่งที่ครอบครัวหว่านเมล็ดไว้ก็ออกผลออกดอกอีกครั้งจากการที่มีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน ทำให้ครอบครัวมีรายได้เข้ามาเพียงพอต่อการเป็นทุนรอนใช้เดินหน้าแข่งขันต่อไป บางคราวที่ เม สามารถทำผลงานได้ดีกว่า โม จึงรับหน้าที่เป็นแคดดี้ให้พี่สาว ภาพที่เห็นคือสองศรีพี่น้องชาวไทยในฐานะ โปร และ แคดดี้ ทำให้นานาชาติรู้จักกันดีในฐานะ Thai Sisters ฉายานี้เองที่เริ่มทำให้วงการกอล์ฟจดจำได้ว่าเธอคือ คนไทย
.
และเรื่องราวหลังจากนั้นคือการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ผู้เป็นพ่อได้แต่นั่งยิ้มร่าสบายใจมองดูความสำเร็จของลูกสาว โดยเฉพาะน้องเม ที่ในตอนนี้เพิ่งคว้าแชมป์แอลพีจีเอ ทัวร์ 2 รายการติดกัน ใช้ระยะเวลาห่างกันเพียง 2 สัปดาห์ โดยก่อนหน้านี้ เม เพิ่งได้แชมป์ โยโกฮาม่า ไทร์ แอลพีจีเอ คลาสสิก ที่รัฐอลาบามา สหรัฐฯ และล่าสุดเธอผงาดคว้าแชมป์ แอลพีจีเอ ทัวร์ รายการ คิงส์มิลล์ แชมเปี้ยนชิพ ที่สหรัฐอเมริกา
.
โดยในตอนนี้ น้องเม หรือเรียกได้เต็มปากว่า โปรเม เทิร์นโปรมาตั้งแต่ปี 2013 ทำเงินในรายการต่างๆทั้งสิ้นไปแล้วกว่า 1,170,347 ดอลล่าร์สหรัฐ ยังไม่รวมค่าสปอนเซอร์ต่างๆที่สนับสนุนเธอ
.
เธอทั้งคู่คือแรงศรัทธาของครอบครัว พวกเขาไปไหนไปกันเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่ไล่ตามความฝันอย่างแท้จริง ความฝันที่มีแรงศรัทธาของผู้เป็นพ่อ มีกำลังใจจากผู้เป็นแม่ที่คอยเคี่ยวเข็นวินัยของลูกทั้งสองโดยการควบคุมอาหาร จัดการตารางฝึกซ้อมและออกกำลังกาย และที่ขาดไม่ได้คือความสามัคคีและเชื่อใจกันของครอบครัวนี้ ก็สมแล้วที่พวกเขาจะได้ยิ้มเต็มแก้มเสียที
.
และนี่เองเป็นการตอกย้ำให้โลกรู้ว่า คนไทยเก่งๆก็มีนะครับ (แต่คนไทยด้วยกันไม่ค่อยรู้จัก)
.
ที่มา:
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1029954793756873&id=907958252623195&substory_index=0
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมว่า พ่อ และ แม่ ไทยทุกคนควรเอาแบบอย่าง ครอบครัวนี้ ต้องสนับสนุนลูกทุกวิถีทางให้เดินตามความฝัน อย่าดูถูกความสามารถลูกตัวเอง อย่าไปห่วงอนาคตลูกจนกลายเป็นกีดกันความฝันของเขา ผมเชื่อว่า ความฝันทุกคนสำเร็จได้ถ้าลงมือทำอย่างจริงจัง และ มุ่งมั่นกับมัน คุณไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์แบบเขา แต่ถ้าคุณมุ่งมั่นซะอย่างฝันของคุณก็สำเร็จ อาจไม่เลิศเลอเท่าเขาแต่ก็บรรลุเป้าหมาย ผมเสียดายเด็กหลายคนที่เลือกกีฬา แต่ พ่อ, แม่ และ ครอบครัวมัวแต่ห่วงอนาคตลูก กลัวลูกไม่มีกินอยู่นั่นแหละ ยัดเยียดให้ลูกให้เรียน ให้เรียน ตามที่ครอบครัวต้องการ จนกลายเป็นอาการ
"กั๊ก" จะเรียนก็ไม่เต็มที่ จะกีฬาก็ไม่ได้ต้องแบ่งไปเรียน กลายเป็นคว้าน้ำเหลวหมด
ดังนั้น พ่อ และ แม่ ควรเป็น
คนสนับสนุน ไม่ใช่ตัดสินอนาคตของลูก เขาจะเลือกเดินไปทางไหนถ้าไม่ผิดกฏหมายก็ปล่อยเขาไป เขามีความฝันจะเลี้ยงชีพด้วยจากกีฬา หรือการเรียน ก็สนับสนุนลูกเต็มที่ เรื่องเรียนมันจะเรียนตอนไหนก็ได้ครับ ถ้าเราอยากเรียน อย่าเห็นใบปริญญาเป็นสำคัญไปซะทุกอย่าง หรือ กลัวไม่ได้คุยเกทับกับเพื่อนบ้านและญาติพี่น้อง จนกลายเป็นบังคับให้ทำด้านที่ไม่ชอบ เรื่องกีฬาก็คุยเกทับได้ครับ เมื่อเขาประสบความสำเร็จ
เรื่องที่พ่อและแม่ไทยทุกคนควรเอาเป็นแบบอย่าง "การทุบหม้อข้าวของครอบครัวจุฑานุกาล"
.
________________
.
ต้องรักลูกเพียงใด ต้องเข้าใจลูกแค่ไหน ครอบครัวนี้จึงกล้าที่จะเสี่ยงกับอนาคตของลูกขนาดนี้ ผมกำลังหมายถึง ครอบครัว จุฑานุกาล ซึ่งทุ่มเทไปกับแรงศรัทธาของลูกสาวทั้งสองอย่างชนิดที่เรียกว่า ทุบหม้อข้าว ตัวเองแล้วไปตายเอาดาบหน้า
มีคนตั้งข้อสังเกตว่า สรีระร่างกายของคนไทยไม่เหมาะกับกีฬา กอล์ฟ มีคนถกเถียงกันถึงการวาดวงสวิง แต่เมื่อมีนักกอล์ฟลูกครึ่งไทยอย่าง ไทเกอร์ วู้ด ที่ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลก ข้อสังเกตเหล่านั้นจึงหมดไป บ้างยังบอกว่า ไทเกอร์ มีเลือดอเมริกันอยู่ในตัว เขาจึงสามารถก้าวขึ้นมาจุดนั้นได้ เถียงกันให้ตายยังไงมันก็เป็นแค่การตั้งข้อสังเกตที่ออกจะดูถูกชนชาติเราจนเกินไป
แต่มันใช้ไม่ได้กับครอบครัวนี้ ครอบครัวชาวไทย 100% ที่ศรัทธาในตัวลูกสาวอย่าง โม โมรียา จุฑานุกาล และ เม เอรียา จุฑานุกาล ถึงขนาดขายบ้านขายรถขายสมบัติแทบทุกชิ้นที่มีเพื่อผลักดันลูกสาวให้เป็นนักกอล์ฟอาชีพ ท่ามกลางกระแสเหยียดหยามในเชื้อชาติ พวกเขาไม่เคยฟังคำคนเหล่านั้น แต่กลับมองเหล่าโปรกอล์ฟฝีมือดีของไทยเราแล้วเอามาเพิ่มแรงศรัทธาให้ลูกสาวทั้งสอง คนไทยสามารถสู้ฝรั่งได้ นั่นคือศรัทธาของ สมบูรณ์ จุฑานุกาล ผู้เป็นพ่อและหัวหน้าครอบครัวที่ยอมแลกกิจการและความสุขสบายเพื่อตามความฝันของลูกสาวด้วยกัน
.
สมบูรณ์ คือนักธุรกิจตกแต่งภายในที่เจอเข้ากับวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เขาล้มและต้องใช้หนี้สิน 30 ล้านบาทในเวลาอันจำกัด เมื่อใช้หนี้สินจนหมด เขากับภรรยาอย่าง นฤมล ติวัฒนาสุข เริ่มจับธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง พออยู่พอกิน และมีโปรช็อปขายอุปกรณ์กอล์ฟเป็นอีกหนึ่งธุรกิจครอบครัว เหมือนจะสุขสบายดีจนวันหนึ่งเขาเอาไม้กอล์ฟให้ลูกสาวตัวน้อยทั้งคู่ไปเล่นไกลๆร้าน เพราะทั้งคู่ซุกซนมาก นั่นคือการจับไม้กอล์ฟจริงๆจังๆครั้งแรกของ โม และ เม
.
จากการหลอกล่อของพ่อเพื่อไม่ให้เกะกะหน้าร้าน โม และ เม เริ่มคุ้นเคยกับไม้กอล์ฟ และหลงรักมันเข้าอย่างจังราวกับว่าพวกเธอเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ แน่นอนว่าคุณพ่อของพวกเธอเห็นแวว แม้จะยังไม่เชื่อได้เต็มร้อยว่าลูกสาวจะเล่นกอล์ฟได้ เขาพร่ำสอนเรื่องกอล์ฟให้ลูกๆจนพวกเธอติดการเล่นกอล์ฟ ลมหายใจเข้าออกเธอมอบให้แด่กีฬาไฮโซชนิดนี้
.
ครอบครัว จุฑานุกาล ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก แค่เป็นชนชั้นกลางที่เคยล้มและกำลังจะฟื้นตัว แต่การได้เห็นลูกฝักใฝ่ในกีฬากอล์ฟ หลงรักกอล์ฟอย่างจริงจังทำให้ผู้เป็นพ่อเริ่มคิดที่จะสนับสนุนลูกสาวเป็นเรื่องเป็นราว โดยมีแค่คำว่าศรัทธา
.
คนเราไม่จำเป็นต้องเรียนดีเสมอไป โม และ เม ถูกอาจารย์ประจำชั้นเรียกผู้ปกครองไปพบเพราะพวกเธอไม่เคยทำงานทำการบ้านส่งอาจารย์เลย พ่ออธิบายให้อาจารย์ฟังว่า โม และ เม จะเป็นโปรกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่ของไทยในภายภาคหน้า อาจารย์จึงยอมอ่อนข้อและสนับสนุน แต่เพื่อไม่ให้การเรียนเสีย โม และ เม ถูกอนุญาติให้เรียนครึ่งวัน โดยที่อีกครึ่งวันนั้นพวกเธอต้องฝึกซ้อมกอล์ฟอย่างหนักโดยมีพ่อและโปรที่พ่อจ้างมาคอยฝึกสอน
.
เด็กผู้หญิง กับ ไม้กอล์ฟ เป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสมากหากจะก้าวขึ้นไปเป็นโปร มีแค่ความเก่งอย่างเดียวไม่ได้ กีฬาชนิดนี้ต้องมีเงินทุนเพื่อเดินทางไปแข่งขันในรายการต่างๆ ผู้เป็นพ่อมอบศรัทธาให้แก่ลูก โดยการตัดสินใจขายสมบัติแทบทุกสิ่งที่มีเพื่อส่งเสียให้ลูกได้ไปถึงฝั่งฝันแม้ว่ามันอาจจะยังมองไม่เห็นปลายทาง แต่เขารักลูกๆมาก
.
“ ผม บอกกับลูกว่าพ่อทุบหม้อข้าวตัวเองแล้ว เหลือแต่ข้างหน้าที่ลูกต้องฝ่าไปให้ได้ เขาก็รู้ว่าต้องเล่นให้ดีเพื่ออนาคต ครอบครัวเราจึงมาวางแผนสู้ไปด้วยกัน ”
.
สมบูรณ์ ผู้เป็นพ่อกล่าวไว้อย่างบ้าบิ่น ท่ามกลางเสียงคนรอบข้างที่คัดค้านแนวทางบ้าบิ่นของเขา เขายอมขายกิจการทุกอย่างเพื่อปั้นให้ลูกเป็นในสิ่งที่พวกเธอรัก ครอบครัว จุฑานุกาล ไปไหนไปกัน พ่อ แม่ และลูกสาวทั้งสอง กำลังแลกทุกอย่างกับความฝันลูก
.
เงินทุนประมาณ 20 ล้านที่ขายทรัพย์สมบัติมาได้นั้นถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่าที่สุด พวกเขาไม่ได้คิดว่าเล่นกอล์ฟแล้วต้องกินอยู่อย่างหรูหรา ทานอาหารในคลับเฮ้าส์ที่สนามกอล์ฟ แต่เลือกที่จะกินข้าวในโรงอาหารแคดดี้ 30 บาท และพวกเขาไม่เคยอายสายตาใคร
.
เมื่อหว่านเมล็ดพืชไปแล้ว ถึงคราวที่มันจะงอกเงยขึ้นมาตามที่ควรจะเป็น เม คว้าที่ 2 ในรายการ JuniorWorld ที่สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ จากนั้นก็คว้าแชมป์เด็กในรายการต่างๆรวมถึงลงแข่งในรายการใหญ่ๆเพื่อสั่งสมประสบการณ์จน สมาคมกอล์ฟเยาวชนแห่งสหรัฐอเมริกา (AJGA) มอบรางวัลนักกอล์ฟเยาวชนหญิงแห่งปีแก่ เม เอรียา ติดกัน 2 ปีซ้อนในปี 2011และ 2012 ในวงการกอล์ฟไทยต่างรู้จักครอบครัวบ้าบิ่นครอบครัวนี้ดี โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อ แล้วเสียงซุบซิบก็เริ่มจางหายไป แทนที่ด้วยเสียงชื่นชม
.
แต่หนทางสู่โปรนั้นมันยากเย็นนัก เงินทองก็ร่อยหรอลงทุกทีเพราะเงินรางวัลจากการชนะในระดับสมัครเล่นไม่อาจทดแทนเงินที่ลงทุนไปได้เลย และเนื่องจากเป็นมือระดับ Amateur ซึ่งไม่ใช่มือโปร สองพี่น้องจึงยังรับสปอนเซอร์ไม่ได้ นั่นคือช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่ทั้ง โม และ เม ต้องรีบเทิร์นโปรให้ได้เร็วที่สุดเพื่อพยุงบานะการเงินครอบครัว แต่ผู้เป็นพ่อย้ำเสมอว่าห้ามลูกสาวเครียด พ่อจัดการทุกอย่างได้สบายอยู่แล้ว ลูกตั้งใจทำมันให้ดีก็พอ
.
โม และ เม สลับกันได้แชมป์รายการต่างๆ และแล้วทั้งคู่ก็เข้าสู่ระดับโปรได้ และสิ่งที่ครอบครัวหว่านเมล็ดไว้ก็ออกผลออกดอกอีกครั้งจากการที่มีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน ทำให้ครอบครัวมีรายได้เข้ามาเพียงพอต่อการเป็นทุนรอนใช้เดินหน้าแข่งขันต่อไป บางคราวที่ เม สามารถทำผลงานได้ดีกว่า โม จึงรับหน้าที่เป็นแคดดี้ให้พี่สาว ภาพที่เห็นคือสองศรีพี่น้องชาวไทยในฐานะ โปร และ แคดดี้ ทำให้นานาชาติรู้จักกันดีในฐานะ Thai Sisters ฉายานี้เองที่เริ่มทำให้วงการกอล์ฟจดจำได้ว่าเธอคือ คนไทย
.
และเรื่องราวหลังจากนั้นคือการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ผู้เป็นพ่อได้แต่นั่งยิ้มร่าสบายใจมองดูความสำเร็จของลูกสาว โดยเฉพาะน้องเม ที่ในตอนนี้เพิ่งคว้าแชมป์แอลพีจีเอ ทัวร์ 2 รายการติดกัน ใช้ระยะเวลาห่างกันเพียง 2 สัปดาห์ โดยก่อนหน้านี้ เม เพิ่งได้แชมป์ โยโกฮาม่า ไทร์ แอลพีจีเอ คลาสสิก ที่รัฐอลาบามา สหรัฐฯ และล่าสุดเธอผงาดคว้าแชมป์ แอลพีจีเอ ทัวร์ รายการ คิงส์มิลล์ แชมเปี้ยนชิพ ที่สหรัฐอเมริกา
.
โดยในตอนนี้ น้องเม หรือเรียกได้เต็มปากว่า โปรเม เทิร์นโปรมาตั้งแต่ปี 2013 ทำเงินในรายการต่างๆทั้งสิ้นไปแล้วกว่า 1,170,347 ดอลล่าร์สหรัฐ ยังไม่รวมค่าสปอนเซอร์ต่างๆที่สนับสนุนเธอ
.
เธอทั้งคู่คือแรงศรัทธาของครอบครัว พวกเขาไปไหนไปกันเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่ไล่ตามความฝันอย่างแท้จริง ความฝันที่มีแรงศรัทธาของผู้เป็นพ่อ มีกำลังใจจากผู้เป็นแม่ที่คอยเคี่ยวเข็นวินัยของลูกทั้งสองโดยการควบคุมอาหาร จัดการตารางฝึกซ้อมและออกกำลังกาย และที่ขาดไม่ได้คือความสามัคคีและเชื่อใจกันของครอบครัวนี้ ก็สมแล้วที่พวกเขาจะได้ยิ้มเต็มแก้มเสียที
.
และนี่เองเป็นการตอกย้ำให้โลกรู้ว่า คนไทยเก่งๆก็มีนะครับ (แต่คนไทยด้วยกันไม่ค่อยรู้จัก)
.
ที่มา: https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1029954793756873&id=907958252623195&substory_index=0
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมว่า พ่อ และ แม่ ไทยทุกคนควรเอาแบบอย่าง ครอบครัวนี้ ต้องสนับสนุนลูกทุกวิถีทางให้เดินตามความฝัน อย่าดูถูกความสามารถลูกตัวเอง อย่าไปห่วงอนาคตลูกจนกลายเป็นกีดกันความฝันของเขา ผมเชื่อว่า ความฝันทุกคนสำเร็จได้ถ้าลงมือทำอย่างจริงจัง และ มุ่งมั่นกับมัน คุณไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์แบบเขา แต่ถ้าคุณมุ่งมั่นซะอย่างฝันของคุณก็สำเร็จ อาจไม่เลิศเลอเท่าเขาแต่ก็บรรลุเป้าหมาย ผมเสียดายเด็กหลายคนที่เลือกกีฬา แต่ พ่อ, แม่ และ ครอบครัวมัวแต่ห่วงอนาคตลูก กลัวลูกไม่มีกินอยู่นั่นแหละ ยัดเยียดให้ลูกให้เรียน ให้เรียน ตามที่ครอบครัวต้องการ จนกลายเป็นอาการ "กั๊ก" จะเรียนก็ไม่เต็มที่ จะกีฬาก็ไม่ได้ต้องแบ่งไปเรียน กลายเป็นคว้าน้ำเหลวหมด
ดังนั้น พ่อ และ แม่ ควรเป็น คนสนับสนุน ไม่ใช่ตัดสินอนาคตของลูก เขาจะเลือกเดินไปทางไหนถ้าไม่ผิดกฏหมายก็ปล่อยเขาไป เขามีความฝันจะเลี้ยงชีพด้วยจากกีฬา หรือการเรียน ก็สนับสนุนลูกเต็มที่ เรื่องเรียนมันจะเรียนตอนไหนก็ได้ครับ ถ้าเราอยากเรียน อย่าเห็นใบปริญญาเป็นสำคัญไปซะทุกอย่าง หรือ กลัวไม่ได้คุยเกทับกับเพื่อนบ้านและญาติพี่น้อง จนกลายเป็นบังคับให้ทำด้านที่ไม่ชอบ เรื่องกีฬาก็คุยเกทับได้ครับ เมื่อเขาประสบความสำเร็จ