สวัสดีค่ะ ขอรีวิวมหากาพย์ตั้งแต่ applications ที่ควรใช้ , ปากกา iPad ที่เคยใช้มาทั้งหมด, รวมถึงคำถามที่ว่าใช้ iPad หรือ iPand mini ดีกว่ากัน
*ต้องขออภัยล่วงหน้านะคะที่ไม่มีรีวิวสำหรับอุปกรณ์ android ไม่เคยมีประสบการณ์ใช้จริงๆ ค่ะ*
Application:
1. Notability: อาจารย์พูดเร็วขนาดไหนไม่หวั่น จดไฟแลบ
ต้องขอออกตัวก่อนนะ ว่าไม่ได้เป็นคนเรียนเก่งเว่อร์แบบเข้าไปนั่งฟัง ออกมาจำได้หมดเลย เราจะเป็นสไตล์จดแหลก แล้วกลับไปสู้ต่อทีหลัง (ถ้าไม่มีแพลนไปกินหนม ดูหนัง ชอปปิ้ง etc.) จะให้มาเน้นเข้าใจทุกอย่างไม่ไหวค่ะ เนื้อหาเยอะจริง ถึงเข้าใจกลับไป ไม่มีอะไรอ่านก่อนสอบก็เจ๊งค่ะ แถมเราคิดว่าการที่เขียนไปด้วยฟังไปด้วยมันคือกาแฟดีๆนี่เอง (กินกาแฟก็หลับปะ?) ดังนั้นปัญหาจะมาเลยค่ะ ในมหาลัยบางวิชาจะไม่ได้แจกชีทเรียนก่อนก็จบเลย จดไม่ทัน พอจดไม่ทันก็เริ่มฟังไม่รู้เรื่อย ละก็ยิ่งจดไม่ทัน 555 พร่ำมาเยอะขนาดนี้ไม่ใช่อะไรค่ะ เราแก้ปัญหาทั้งหมดนี้เพราะใช้แอพนี้เลย
ตัวอย่าง short note ค่ะ(อันนี้เอามาโชว์ คุณภาพย่อมมากกว่ามาตรฐานจริงค่ะ ^^)
- แอพไม่ฟรี (มีแจกฟรีเป็นช่วงๆแต่รอนาน) แต่คิดว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มจริงๆ ค่ะ ยิ่งเวลาจะเปลี่ยนเครื่องนี้สบาย ไม่งั้นไฟล์หายหมด
- ใช้ถ่ายรูป slide ตอนเรียนเวิร์คมาก คือก่อนหน้านี้ลองมาหลายแอพ แต่แอพนี้เร็วสุดค่ะ อาจารย์จะเปลี่ยนเร็วแค่ไหนไม่กลัว แล้วที่ดีคือเอารูปมาจัดเรียงกัน 1 หน้าวางได้หลายรูป เวลากลับมาอ่านจะง่ายกว่าเปิดทีละslide มากๆ
- ระบบบันทึกเสียงขั้นเทพ เทพยังไง คือเรากดบันทึกเสียงไปและเขียนไปด้วย มาเปิดดูทีหลัง เส้นมันจะไปตามที่เขียนตามเสียงเลยค่ะ เวิร์คมากๆ เพื่อนๆที่ไม่ได้เข้าเรียนจะชอบมาขอเอาไปนั่งฟัง
ปล. ใครอยากได้แอพฟรีไว้เขียนดูก่อนแนะนำ OneNote ค่ะ ดีเหมือนกัน
2. GoodReader: textbook หนาขนาดไหนก็สู้ค่ะ
อันนี้แนะนำสำหรับคนที่ต้องอ่าน text เล่มหนาๆ จะดีกว่า notability เพราะ เปิดหาเนื้อหาเร็วกว่า ระบบ highlight เร็ว แต่ว่าการจดเป็นตัวหนังสือเขียนลงไปจะไม่คล่องเท่า notability โดยส่วนตัวมีทั้งสองแอพ ไว้ใช้งานคนละอย่าง
3. Dropbox: sync/backup กระจาย อ่านหนังสือได้ทุกที่(พูดไปงั้น ไม่เคยจะอ่าน)
อันนี้จริงๆ ถ้าคนชอบอ่านหลายๆเครื่อง ก็ดีค่ะ แต่เอาเข้าจริงที่ใช้หลักๆก็คือ backup ข้อมูลจาก notability ลงไว้กันเหนียว และเอาไว้ส่งไฟล์ให้เพื่อนที่มาขอค่ะ
Stylus ปากกาไอแพด
ต้องบอกว่าเคยใช้มาหลายตัวมากค่ะ ใช้มาหมดทุกยี่ห้อ ไปเที่ยวประเทศไหนก็ชอบซื้อมาลอง สำหรับคนขี้เกียจอ่านขอสรุปตามยี่ห้อที่แนะนำที่สุดขึ้นก่อนค่ะ
1. WRITERTOY: ตัวนี้ต้องบอกว่าภูมิใจมากค่ะที่หามาใช้ได้เป็นแบรนด์คนไทยที่มีขายแต่ทางonline รู้จักมาจากเพื่อนที่คณะอีกทีหนึ่ง คนที่คณะจะใช้กันเยอะมาก ซื้อมาจากเว็บเค้าโดยตรง
http://www.writertoy.com ตอนแรกเห็นของเพื่อนก็ดูคล้ายๆ กับ stylus ทั่วไปแต่พอเอามาเขียนเท่านั้นแหละค่ะ ลื่นปรื้ดๆ
ข้อดี คือเปลี่ยนหัวได้หลายแบบ หัวทนมาก มีหัวสำรองซื้อได้ ตอนซื้อก็ซื้อตุนไว้ซะเยอะเลยค่ะ แต่เอาจริง ทำปากกาหายก่อนTT ต้องซื้อด้ามมาใหม่
หัวมีหลายแบบทั้งแบบผ้าเล็ก ผ้าใหญ่ และ จาน
โดยส่วนตัวฃอบใช้แบบผ้าเพราะทนกว่า ถ้าคนยังไม่เคยใช้แรกๆจะไม่ค่อยชินเพราะหัวใหญ่ค่ะ ต้องใช้เวลาฝึกนิดนึงจะคล่องมาก แนะนำว่าเวลาเขียนต้องใช้นิ้วๆซูม หรือใช้ mode zoom ในแอพต่างๆ ลายมือห่วยยังไงก็สวยค่ะ
2. iwhatever: อันนี้คือสไตลัสในตำนานค่ะ ใช้ตั้งแต่ตอนยังเอ๊าะๆ เป็น hand made ของนิสิตทำค่ะ ใช้ดีมาก ออกแนวๆ เหมือน writertoy แต่จะชาวบ้านกว่าค่ะ รู้สึกว่าคนขายจะเลิกทำไปแล้ว เสียดายๆ
3. สไตลัสจากญี่ปุ่น: อันนี้ไปซื้อมาจากแถว akihabara ค่ะ หน้าตาแปลกดี ราคาน่าจะประมาณ 600 บาท เป็นสไตลัสเหลี่ยมๆ มีแม่เหล็ก หัวผ้าเขียนใช้ได้เลย แต่ว่าพอเขียนจริง นานๆ แล้วสู้ไม่ไหวค่ะ เมื่อยมาก ตอนนี้เลยเอาไว้แปะประดับตู้เย็นไป ^^
4. สไตลัสตลาดนัด: มาดูแบบถูกๆ กันบ้างค่ะ อันนี้ซื้อมาจาก ร้านแผงลอย น่าจะซัก 100 บาท ตอนแรกใช้ก็โอเคเลยค่ะเขียนได้เรื่อยๆ ตามราคา แต่หัวยางจะสึกค่อนข้างเร็ว หลังๆ เริ่มเหนียวทำเป็นรอยยางๆ ก็เลยเลิกใช้ไป
5. Adonit dash: อันนี้สั่งมาจาก online shop ของอเมริกาตอนพึ่งออกใหม่เลยค่ะ สนใจมาก เพราะดูใช้ง่ายกว่าพวก Bluetooth ทั่วไป ตัวนี้คือ กดเปิดปุ๊บ ก็ใช้เลย ข้อเสียคือจะไม่มีกดแรงกดเบา หรือ วางมือแบบBluetooth ทั่วไป แนะนำสำหรับคนชอบหัวเล็กๆ งบหนาๆ ตอนนั้นซื้อมารวมส่งประมาณ 2800 บาท ละก็ถ้าเอาจดเลกเชอร์ระวังเรื่องเสียงนะคะ หัวมันจะแข็ง แล้วเสียงดังแบบเอาพลาสติกมากระแทกกันน่ะค่ะ เอาเข้าจริงพอชินแบบผ้าแล้วจะเขียนดีกว่าหัวเล็กๆ ค่ะ เลยไม่ค่อยอยากแนะนำ
ตอนนี้เสียแล้วหลังจากทำตกไป 1 ครั้ง TT
Ipad vs. Ipad mini
ขอปิดท้ายด้วยประเด็นยอดฮิต ระหว่างพี่ใหญ่ กับน้องเล็ก ต้องบอกว่าใช้ได้ทั้งคู่ ที่คณะก็มีคนใช้ทั้งสองอัน ส่วนตัวชอบ ipad air มากกว่าเพราะมีพื้นที่จดง่ายกว่า ipad mini
ยิ่งเวลาอ่าน text แล้วหลับจะหนุนสบายกว่า เอ้ยยย มองง่ายกว่าเพราะ text ส่วนมากจะเป็นไฟล์ pdf มา เพิ่มลดขนาด font ไม่ได้ค่ะ ถ้าอ่านแบบไม่ต้องซูมจะง่ายกว่ามาก
ขอขอบคุณ application notability ผู้สนับสนุนให้รีวิวนี้เกิดขึ้นได้ค่ะ
[Advertorial]
วิธีเอาตัวรอดในมหาลัยด้วย ipad และ stylus pen 1 ด้าม
*ต้องขออภัยล่วงหน้านะคะที่ไม่มีรีวิวสำหรับอุปกรณ์ android ไม่เคยมีประสบการณ์ใช้จริงๆ ค่ะ*
Application:
1. Notability: อาจารย์พูดเร็วขนาดไหนไม่หวั่น จดไฟแลบ
ต้องขอออกตัวก่อนนะ ว่าไม่ได้เป็นคนเรียนเก่งเว่อร์แบบเข้าไปนั่งฟัง ออกมาจำได้หมดเลย เราจะเป็นสไตล์จดแหลก แล้วกลับไปสู้ต่อทีหลัง (ถ้าไม่มีแพลนไปกินหนม ดูหนัง ชอปปิ้ง etc.) จะให้มาเน้นเข้าใจทุกอย่างไม่ไหวค่ะ เนื้อหาเยอะจริง ถึงเข้าใจกลับไป ไม่มีอะไรอ่านก่อนสอบก็เจ๊งค่ะ แถมเราคิดว่าการที่เขียนไปด้วยฟังไปด้วยมันคือกาแฟดีๆนี่เอง (กินกาแฟก็หลับปะ?) ดังนั้นปัญหาจะมาเลยค่ะ ในมหาลัยบางวิชาจะไม่ได้แจกชีทเรียนก่อนก็จบเลย จดไม่ทัน พอจดไม่ทันก็เริ่มฟังไม่รู้เรื่อย ละก็ยิ่งจดไม่ทัน 555 พร่ำมาเยอะขนาดนี้ไม่ใช่อะไรค่ะ เราแก้ปัญหาทั้งหมดนี้เพราะใช้แอพนี้เลย
ตัวอย่าง short note ค่ะ(อันนี้เอามาโชว์ คุณภาพย่อมมากกว่ามาตรฐานจริงค่ะ ^^)
- แอพไม่ฟรี (มีแจกฟรีเป็นช่วงๆแต่รอนาน) แต่คิดว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มจริงๆ ค่ะ ยิ่งเวลาจะเปลี่ยนเครื่องนี้สบาย ไม่งั้นไฟล์หายหมด
- ใช้ถ่ายรูป slide ตอนเรียนเวิร์คมาก คือก่อนหน้านี้ลองมาหลายแอพ แต่แอพนี้เร็วสุดค่ะ อาจารย์จะเปลี่ยนเร็วแค่ไหนไม่กลัว แล้วที่ดีคือเอารูปมาจัดเรียงกัน 1 หน้าวางได้หลายรูป เวลากลับมาอ่านจะง่ายกว่าเปิดทีละslide มากๆ
- ระบบบันทึกเสียงขั้นเทพ เทพยังไง คือเรากดบันทึกเสียงไปและเขียนไปด้วย มาเปิดดูทีหลัง เส้นมันจะไปตามที่เขียนตามเสียงเลยค่ะ เวิร์คมากๆ เพื่อนๆที่ไม่ได้เข้าเรียนจะชอบมาขอเอาไปนั่งฟัง
ปล. ใครอยากได้แอพฟรีไว้เขียนดูก่อนแนะนำ OneNote ค่ะ ดีเหมือนกัน
2. GoodReader: textbook หนาขนาดไหนก็สู้ค่ะ
อันนี้แนะนำสำหรับคนที่ต้องอ่าน text เล่มหนาๆ จะดีกว่า notability เพราะ เปิดหาเนื้อหาเร็วกว่า ระบบ highlight เร็ว แต่ว่าการจดเป็นตัวหนังสือเขียนลงไปจะไม่คล่องเท่า notability โดยส่วนตัวมีทั้งสองแอพ ไว้ใช้งานคนละอย่าง
3. Dropbox: sync/backup กระจาย อ่านหนังสือได้ทุกที่(พูดไปงั้น ไม่เคยจะอ่าน)
อันนี้จริงๆ ถ้าคนชอบอ่านหลายๆเครื่อง ก็ดีค่ะ แต่เอาเข้าจริงที่ใช้หลักๆก็คือ backup ข้อมูลจาก notability ลงไว้กันเหนียว และเอาไว้ส่งไฟล์ให้เพื่อนที่มาขอค่ะ
Stylus ปากกาไอแพด
ต้องบอกว่าเคยใช้มาหลายตัวมากค่ะ ใช้มาหมดทุกยี่ห้อ ไปเที่ยวประเทศไหนก็ชอบซื้อมาลอง สำหรับคนขี้เกียจอ่านขอสรุปตามยี่ห้อที่แนะนำที่สุดขึ้นก่อนค่ะ
1. WRITERTOY: ตัวนี้ต้องบอกว่าภูมิใจมากค่ะที่หามาใช้ได้เป็นแบรนด์คนไทยที่มีขายแต่ทางonline รู้จักมาจากเพื่อนที่คณะอีกทีหนึ่ง คนที่คณะจะใช้กันเยอะมาก ซื้อมาจากเว็บเค้าโดยตรง http://www.writertoy.com ตอนแรกเห็นของเพื่อนก็ดูคล้ายๆ กับ stylus ทั่วไปแต่พอเอามาเขียนเท่านั้นแหละค่ะ ลื่นปรื้ดๆ
ข้อดี คือเปลี่ยนหัวได้หลายแบบ หัวทนมาก มีหัวสำรองซื้อได้ ตอนซื้อก็ซื้อตุนไว้ซะเยอะเลยค่ะ แต่เอาจริง ทำปากกาหายก่อนTT ต้องซื้อด้ามมาใหม่
หัวมีหลายแบบทั้งแบบผ้าเล็ก ผ้าใหญ่ และ จาน
โดยส่วนตัวฃอบใช้แบบผ้าเพราะทนกว่า ถ้าคนยังไม่เคยใช้แรกๆจะไม่ค่อยชินเพราะหัวใหญ่ค่ะ ต้องใช้เวลาฝึกนิดนึงจะคล่องมาก แนะนำว่าเวลาเขียนต้องใช้นิ้วๆซูม หรือใช้ mode zoom ในแอพต่างๆ ลายมือห่วยยังไงก็สวยค่ะ
2. iwhatever: อันนี้คือสไตลัสในตำนานค่ะ ใช้ตั้งแต่ตอนยังเอ๊าะๆ เป็น hand made ของนิสิตทำค่ะ ใช้ดีมาก ออกแนวๆ เหมือน writertoy แต่จะชาวบ้านกว่าค่ะ รู้สึกว่าคนขายจะเลิกทำไปแล้ว เสียดายๆ
3. สไตลัสจากญี่ปุ่น: อันนี้ไปซื้อมาจากแถว akihabara ค่ะ หน้าตาแปลกดี ราคาน่าจะประมาณ 600 บาท เป็นสไตลัสเหลี่ยมๆ มีแม่เหล็ก หัวผ้าเขียนใช้ได้เลย แต่ว่าพอเขียนจริง นานๆ แล้วสู้ไม่ไหวค่ะ เมื่อยมาก ตอนนี้เลยเอาไว้แปะประดับตู้เย็นไป ^^
4. สไตลัสตลาดนัด: มาดูแบบถูกๆ กันบ้างค่ะ อันนี้ซื้อมาจาก ร้านแผงลอย น่าจะซัก 100 บาท ตอนแรกใช้ก็โอเคเลยค่ะเขียนได้เรื่อยๆ ตามราคา แต่หัวยางจะสึกค่อนข้างเร็ว หลังๆ เริ่มเหนียวทำเป็นรอยยางๆ ก็เลยเลิกใช้ไป
5. Adonit dash: อันนี้สั่งมาจาก online shop ของอเมริกาตอนพึ่งออกใหม่เลยค่ะ สนใจมาก เพราะดูใช้ง่ายกว่าพวก Bluetooth ทั่วไป ตัวนี้คือ กดเปิดปุ๊บ ก็ใช้เลย ข้อเสียคือจะไม่มีกดแรงกดเบา หรือ วางมือแบบBluetooth ทั่วไป แนะนำสำหรับคนชอบหัวเล็กๆ งบหนาๆ ตอนนั้นซื้อมารวมส่งประมาณ 2800 บาท ละก็ถ้าเอาจดเลกเชอร์ระวังเรื่องเสียงนะคะ หัวมันจะแข็ง แล้วเสียงดังแบบเอาพลาสติกมากระแทกกันน่ะค่ะ เอาเข้าจริงพอชินแบบผ้าแล้วจะเขียนดีกว่าหัวเล็กๆ ค่ะ เลยไม่ค่อยอยากแนะนำ
ตอนนี้เสียแล้วหลังจากทำตกไป 1 ครั้ง TT
Ipad vs. Ipad mini
ขอปิดท้ายด้วยประเด็นยอดฮิต ระหว่างพี่ใหญ่ กับน้องเล็ก ต้องบอกว่าใช้ได้ทั้งคู่ ที่คณะก็มีคนใช้ทั้งสองอัน ส่วนตัวชอบ ipad air มากกว่าเพราะมีพื้นที่จดง่ายกว่า ipad mini
ยิ่งเวลาอ่าน text แล้วหลับจะหนุนสบายกว่า เอ้ยยย มองง่ายกว่าเพราะ text ส่วนมากจะเป็นไฟล์ pdf มา เพิ่มลดขนาด font ไม่ได้ค่ะ ถ้าอ่านแบบไม่ต้องซูมจะง่ายกว่ามาก
ขอขอบคุณ application notability ผู้สนับสนุนให้รีวิวนี้เกิดขึ้นได้ค่ะ
[Advertorial]