นอกจากความสนุกสุดฟิน จิ้นจิกหมอน ที่ละครดีๆ ของ"คุณแอน ทองประสม" เรื่องนี้ มอบให้กับคนดูแล้ว ละครผัวเมียน้ำดีอย่าง
"เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ" ยังให้แง่คิดสอนใจเกี่ยวกับชีวิตคู่ ซึ่งผัวเมียทั่วประเทศ และคนที่คิดจะก้าวเข้าสู่ชีวิตคู่ควรเรียนรู้เอาไว้
1#ห่วงใยสุขภาพคนรัก เผื่อแผ่ไปถึงคนในครอบครัว
หมอวรรษน่ารักโฮกก็ตรงนี้แหละบอกเลย จุดนี้แหละที่คนดู ดูแล้วจิ้นอยากมีแฟนเป็นหมอให้รู้แล้วรู้รอด มิเสียแรงที่เกิดเป็นหมอ เพราะนอกเวลางาน หมอยังขยันดูแลสุขภาพนุศและคนในครอบครัวให้กินดีเฮลตี้ ดูแลสุขภาพ ฯลฯ สังเกตสิ หมอมักจะอาศัยช่วงเวลาอาหารเช้าตอนทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา เลคเชอร์เบาๆ เกี่ยวกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการดูแลสุขภาพ แถมหมอยังเป็นพ่อศรีเรือน ตื่นแต่ไก่โห่ลงมาเข้าครัว ปรุงอาหารถูกหลักโภชนาการ อาหารหลักห้าหมู่ ให้ทุกคนกินเป็นอาหารเช้า ชั้นเดาว่าก่อนหน้านี้อิแม่ครัวคงปรุงรสเค็มปี๋จนหมอกลืนไม่ลง (สงสัยเหลือเกินว่าหมอตื่นตั้งแต่ตีสี่หรือเปล่า)
แต่อย่างไรก็ตาม ข้อนี้ไม่นับฉากตรวจสุขภาพนุศภายในมุ้ง กขค. บนเกาะยามเช้าวันนั้นนะจ๊ะ นั่นมันเป็นอุบายของหมอที่อยากแต๊ะอั๋งเมียต่างหาก (ชั้นจะบอกเพื่ออะไร? เค้ารู้ทันกันทั้งประเทศ)
2#รู้จักขอโทษเลยโกรธไม่ลง
ทั้งนุศและหมอเป็นอะไรที่ได้ใจมาก เมื่อทำผิดและรู้ตัวว่าผิดก็ไม่ลังเลที่จะขอโทษ ถึงบางทีจะต้องใช้เวลาทบทวนตัวเองและเอาชนะทิฎฐิมานะกันสักหน่อย อันนี้ชั้นว่ามันเป็นมารยาทพื้นฐานอันดีในการอยู่ร่วมกันของทุกๆ คนเลยล่ะ
3#ไม่โกรธไม่งอนกันข้ามวัน ข้อคิดนี้ได้จากตอนที่หมอวิ่งตามมาง้อนุศที่กำลังเข้าใจผิดอยู่งัย เราว่ามันเป็นข้อคิดที่ดีโพดๆ แม้จะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมพอมันออกมาจากปากหมอวรรษเท่านั้นแหละ ชั้นรู้สึกเหมือนหมอกำลังพูดอยู่กับชั้นเลยอ่ะ หึหึหึ แต่หมอคะ จับได้คาหูคาตาขนาดนั้น ถึงคราวนี้จะรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ถ้าขืนโง่ตกหลุมพรางยัยโสมอีก ชั้นจะไม่ให้อภัยหมอและจะหอบผ้าหอบผ่อนไปขออาศัยอยู่กับ #ทีมนุศ เป็นการถาวรแล้วนะคะ บอกก่อน
4#ใช้ความรักมัดใจ ไม่ใช่ด้วยเงิน
ชั้นคนนึงละที่ชอบนั่งเบ้ปาก เพลียฮาร์ตรัวๆ เวลาได้ยินยัยคุณหนูนุศเธอเอะอะทวงเงินๆ ทำตัวเป็นเจ้าหนี้หน้าเลือด แถมใช้น้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก ลอยหน้าลอยตา ดูถูกเหยียดหยามหมอสารพัด บุคลิกแบบนี้มันคือ “ฝันร้าย” ของผู้ชายชัดๆ อย่าว่าแต่คนเป็นเมียเลย ถึงเป็นคนทั่วไป ก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ต่อให้สวยรวยเริดยังงัย คนก็ยี้ ชั้นขอเดาว่า ตอนยัยนุศเหวี่ยงวีนงี่เงา คงแทบจะเดินตลาดไม่ได้เลยสินะ
แต่พอถึงช่วงที่เธอละวางเรื่องเงินๆ ทองๆ ได้ เพราะมองเข้าไปเห็นถึงก้นบึ้งหัวใจอันดีงามของหมอ วิธีพูดจาและการวางตัวของเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคนค่ะคู้น!!! จนชั้นงงว่าเธอเป็นไบโพล่าร์นิดๆ หรือเปล่ายะ เพราะนุศมาดใหม่ เธอดูน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน เห็นแล้วอยากจิ้มแก้ม แล้วกระซิบเบาๆ ว่า “น้อยๆ หน่อยย่ะ หล่อนจะน่ารักอะไรกันนักกันหนา โปรยเสน่ห์ใส่หมอของชั้นจนจะโงหัวไม่ขึ้นอยุ่แระนะ” พูดจาฉอเลาะอ่อนหวาน ยิ้มแย้มแจ่มใส แถมยังรู้จักเอาอกเอาใจหมออีกด้วยแน่ะ (ชั้นเดาว่า ก่อนยัยนุศจะตามมาง้อหมอที่เกาะ หล่อนต้องเทคคอร์สมัดใจผัวมาจากคุณย่าอังกาบเปียเดี่ยวเป็นแน่) มีนุศทั้งสองภาคให้ดูเป็นตัวอย่างคาจอแบบนี้ เลือกกันเอาเองว่าอยากเป็นแบบไหนในสายตาผู้ชายของเรา
5# “ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน” สุภาษิตนี้ยังคงเชื่อถือได้เสมอ เวลาจะตัดสินใจเลือกใครมาเป็นคู่ชีวิต จริงอยู่เรื่องความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ปรึกษาและรับฟังความคิดเห็นพ่อแม่สักนิดก็ดี ท่านเห็นโลกมามากกว่าเราและมีประสบการณ์ในการมีคู่ชีวิต ที่สำคัญ ท่านอยากเห็นลูกๆ มีความสุข เพราะความสุขของลูกคือความสุขของพ่อแม่ ถ้าลูกน้ำตาเช็ดหัวเข่า คนที่เศร้ากว่าเราก็คือพ่อแม่
6# “ให้ผัวเมียเค้าเคลียร์กัน” พ่อนุศกล่าว อันนี้เป็นข้อคิดที่ให้สติมากๆ เลยนะ สามีภรรยาเวลามีเรื่องผิดใจกัน อย่าเพิ่งไปฟังความจากคนอื่น ควรหันหน้ามาพูดคุยปรับความเข้ากันอย่างมีสติ และเหตุผล ถ้าเอา “คนนอก” เข้ามาวุ่นวาย อาจทำให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โต เพราะคนที่รู้ปัญหาและสาเหตุที่ดีที่สุดมันก็คือคู่ของเรา ที่กินด้วยกันนอนด้วยกันมา แล้วเราก็ไม่รู้ว่าคนนอกอาจมีอคติอะไรติดมาด้วยหรือเปล่า เข้าใจ๋
7#ตรงไปตรงมา กล้าบอกความรู้สึก ชั้นชื่นชมนุศมากๆ เลยเวลาหล่อนมีความกล้าเผยสิ่งที่เธออึดอัดกับหมอ ไม่ว่าที่เกาะตอนที่เธอล๊อคหมอจากด้านหลังด้วยพลังแขนอันแข็งแกร่ง เพื่อให้หมอฟังเธอสารภาพความในใจ เธอดูมุ่งมั่นจนชั้นขนลุก ดูไม่มีอะไรต้องเสีย พูดได้แมนมากๆ แถมพอหมอจะขัดจังหวะ เธอบอก “ฟังฉันพูดให้จบก่อนได้มั้ย” หมอถึงกับหุบปากฉับ เธอเท่ และสตรองสุดๆไปเลย
กับอีกตอนคือตอนที่เธอตัดพ้อต่อว่าหมอที่ใจดีกับยัยโสม ทำนองว่าตัดบัวยังเหลือใย ทำให้โสมตัดใจไม่ได้สักที เธอพูดได้เป๊ะๆ ตรงใจมาก ทุกถ้อยคำมันจริง มันตรง มันจี้เข้าไปที่จิตใจคนดูและหมอ ใครได้ฟังละก็ ต้องสงสารและเห็นใจเธอ ที่สำคัญนางพูดด้วยความอัดอั้น ตัดพ้อ แต่แฝงการขอความเห็นใจ ไม่ใช่ด้วยความก้าวร้าว นางจึงยิ่งได้พวกและทีมเพิ่มขึ้นจมจากซีนนี้
8#ไว้เนื้อเชื่อใจและไม่หูเบา อันนี้ไม่ต้องพูดอะไรมาก ชั้นนั่งดูเรื่องนี้ บางทีนึกว่าอยู่ซาฟารีเวิลด์ เพราะพวกบ่างมันเยอะซะจริง ไม่ว่าจะพวกคุณอาเจ้าปัญหาทั้งโขยงนั่น คุณอาชญาโรคจิต ยัยโสมประธานชมรมมโนถาวรและมุสาวาทาแห่งประเทศไทย ฯลฯ ทุกคนมาพร้อมคำแนะนำดีๆ ทั้งน้าน ถ้าสองคนนี้ไม่ทำใจให้หนักแน่นใช้สติและปัญญาไตร่ตรองและกลั่นกรองให้ดี ชั้นบอกเลยว่ามีสิทธิ์บ้านแตก (แล้วที่ชั้นพูดน่ะ มันจริงไหมล่ะ ฮือๆ) แหม ชั้นล่ะ อยากมุดจอเข้าไปเลคเชอร์ให้สองผัวเมียคู่นี้ฟังก่อนที่พวกเขาจะเดินไปป๊ะกับพวกบ่างเหล่านั้นซะจริงๆต้องขอบคุณที่โลกนี้ยังมี “มิ” ผู้ที่ดูจะฉลาดเฉลียว อ่านเกมได้เด็ดขาดฟาดเรียบ อยากรู้ว่า มิ. อ่านสามก๊กจบไปกี่รอบแล้ว
9#ไม่ก้าวก่ายเรื่องงานและสนับสนุนเกื้อหนุนกันตามสมควร ตอนหมอมารับนุศไปกินข้าว หมอไม่เหวี่ยงไม่วีนเลยเมื่อนุศเลท หมอรอด้วยความอดทนและก็ไปหาอะไรทำด้วยความเข้าใจ นุศก็น่ารักเสร็จธุระจากงานก็รีบมาหาหมอทันที
หรือตอนนุศฮันนีมูนกับหมอที่เกาะ แล้วเลขาฯ โทรมาบอกว่ามีเรื่องซีเรียสที่บริษัทรอนุศ กลับไปตัดสินใจ ชั้นอ่านออกนะว่านุศกะทำเบลอใส่ แต่พอหมอสังเกตเห็น หมอเข้าใจทันทีว่านุศเป็นกังวลเรื่องงาน หมอเลยชวนนุศกลับบ้านที่กรุงเทพฯ พร้อมประโยคเด็ด “ที่ไหนมีคุณที่นั่นก็เป็นบ้านของเรา” อร๊ายยยย… ยัยนุศงี้ระทวยเข่าอ่อนปวกเปียกไปเลยค่า
17 ข้อคิดครองเรือนที่หมอวรรษและเมีย "เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ" สอนคนดูทั่วประเทศ!
นอกจากความสนุกสุดฟิน จิ้นจิกหมอน ที่ละครดีๆ ของ"คุณแอน ทองประสม" เรื่องนี้ มอบให้กับคนดูแล้ว ละครผัวเมียน้ำดีอย่าง
"เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ" ยังให้แง่คิดสอนใจเกี่ยวกับชีวิตคู่ ซึ่งผัวเมียทั่วประเทศ และคนที่คิดจะก้าวเข้าสู่ชีวิตคู่ควรเรียนรู้เอาไว้
1#ห่วงใยสุขภาพคนรัก เผื่อแผ่ไปถึงคนในครอบครัว
หมอวรรษน่ารักโฮกก็ตรงนี้แหละบอกเลย จุดนี้แหละที่คนดู ดูแล้วจิ้นอยากมีแฟนเป็นหมอให้รู้แล้วรู้รอด มิเสียแรงที่เกิดเป็นหมอ เพราะนอกเวลางาน หมอยังขยันดูแลสุขภาพนุศและคนในครอบครัวให้กินดีเฮลตี้ ดูแลสุขภาพ ฯลฯ สังเกตสิ หมอมักจะอาศัยช่วงเวลาอาหารเช้าตอนทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา เลคเชอร์เบาๆ เกี่ยวกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการดูแลสุขภาพ แถมหมอยังเป็นพ่อศรีเรือน ตื่นแต่ไก่โห่ลงมาเข้าครัว ปรุงอาหารถูกหลักโภชนาการ อาหารหลักห้าหมู่ ให้ทุกคนกินเป็นอาหารเช้า ชั้นเดาว่าก่อนหน้านี้อิแม่ครัวคงปรุงรสเค็มปี๋จนหมอกลืนไม่ลง (สงสัยเหลือเกินว่าหมอตื่นตั้งแต่ตีสี่หรือเปล่า)
แต่อย่างไรก็ตาม ข้อนี้ไม่นับฉากตรวจสุขภาพนุศภายในมุ้ง กขค. บนเกาะยามเช้าวันนั้นนะจ๊ะ นั่นมันเป็นอุบายของหมอที่อยากแต๊ะอั๋งเมียต่างหาก (ชั้นจะบอกเพื่ออะไร? เค้ารู้ทันกันทั้งประเทศ)
2#รู้จักขอโทษเลยโกรธไม่ลง
ทั้งนุศและหมอเป็นอะไรที่ได้ใจมาก เมื่อทำผิดและรู้ตัวว่าผิดก็ไม่ลังเลที่จะขอโทษ ถึงบางทีจะต้องใช้เวลาทบทวนตัวเองและเอาชนะทิฎฐิมานะกันสักหน่อย อันนี้ชั้นว่ามันเป็นมารยาทพื้นฐานอันดีในการอยู่ร่วมกันของทุกๆ คนเลยล่ะ
3#ไม่โกรธไม่งอนกันข้ามวัน ข้อคิดนี้ได้จากตอนที่หมอวิ่งตามมาง้อนุศที่กำลังเข้าใจผิดอยู่งัย เราว่ามันเป็นข้อคิดที่ดีโพดๆ แม้จะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมพอมันออกมาจากปากหมอวรรษเท่านั้นแหละ ชั้นรู้สึกเหมือนหมอกำลังพูดอยู่กับชั้นเลยอ่ะ หึหึหึ แต่หมอคะ จับได้คาหูคาตาขนาดนั้น ถึงคราวนี้จะรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ถ้าขืนโง่ตกหลุมพรางยัยโสมอีก ชั้นจะไม่ให้อภัยหมอและจะหอบผ้าหอบผ่อนไปขออาศัยอยู่กับ #ทีมนุศ เป็นการถาวรแล้วนะคะ บอกก่อน
4#ใช้ความรักมัดใจ ไม่ใช่ด้วยเงิน
ชั้นคนนึงละที่ชอบนั่งเบ้ปาก เพลียฮาร์ตรัวๆ เวลาได้ยินยัยคุณหนูนุศเธอเอะอะทวงเงินๆ ทำตัวเป็นเจ้าหนี้หน้าเลือด แถมใช้น้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก ลอยหน้าลอยตา ดูถูกเหยียดหยามหมอสารพัด บุคลิกแบบนี้มันคือ “ฝันร้าย” ของผู้ชายชัดๆ อย่าว่าแต่คนเป็นเมียเลย ถึงเป็นคนทั่วไป ก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ต่อให้สวยรวยเริดยังงัย คนก็ยี้ ชั้นขอเดาว่า ตอนยัยนุศเหวี่ยงวีนงี่เงา คงแทบจะเดินตลาดไม่ได้เลยสินะ
แต่พอถึงช่วงที่เธอละวางเรื่องเงินๆ ทองๆ ได้ เพราะมองเข้าไปเห็นถึงก้นบึ้งหัวใจอันดีงามของหมอ วิธีพูดจาและการวางตัวของเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคนค่ะคู้น!!! จนชั้นงงว่าเธอเป็นไบโพล่าร์นิดๆ หรือเปล่ายะ เพราะนุศมาดใหม่ เธอดูน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน เห็นแล้วอยากจิ้มแก้ม แล้วกระซิบเบาๆ ว่า “น้อยๆ หน่อยย่ะ หล่อนจะน่ารักอะไรกันนักกันหนา โปรยเสน่ห์ใส่หมอของชั้นจนจะโงหัวไม่ขึ้นอยุ่แระนะ” พูดจาฉอเลาะอ่อนหวาน ยิ้มแย้มแจ่มใส แถมยังรู้จักเอาอกเอาใจหมออีกด้วยแน่ะ (ชั้นเดาว่า ก่อนยัยนุศจะตามมาง้อหมอที่เกาะ หล่อนต้องเทคคอร์สมัดใจผัวมาจากคุณย่าอังกาบเปียเดี่ยวเป็นแน่) มีนุศทั้งสองภาคให้ดูเป็นตัวอย่างคาจอแบบนี้ เลือกกันเอาเองว่าอยากเป็นแบบไหนในสายตาผู้ชายของเรา
5# “ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน” สุภาษิตนี้ยังคงเชื่อถือได้เสมอ เวลาจะตัดสินใจเลือกใครมาเป็นคู่ชีวิต จริงอยู่เรื่องความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ปรึกษาและรับฟังความคิดเห็นพ่อแม่สักนิดก็ดี ท่านเห็นโลกมามากกว่าเราและมีประสบการณ์ในการมีคู่ชีวิต ที่สำคัญ ท่านอยากเห็นลูกๆ มีความสุข เพราะความสุขของลูกคือความสุขของพ่อแม่ ถ้าลูกน้ำตาเช็ดหัวเข่า คนที่เศร้ากว่าเราก็คือพ่อแม่
6# “ให้ผัวเมียเค้าเคลียร์กัน” พ่อนุศกล่าว อันนี้เป็นข้อคิดที่ให้สติมากๆ เลยนะ สามีภรรยาเวลามีเรื่องผิดใจกัน อย่าเพิ่งไปฟังความจากคนอื่น ควรหันหน้ามาพูดคุยปรับความเข้ากันอย่างมีสติ และเหตุผล ถ้าเอา “คนนอก” เข้ามาวุ่นวาย อาจทำให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โต เพราะคนที่รู้ปัญหาและสาเหตุที่ดีที่สุดมันก็คือคู่ของเรา ที่กินด้วยกันนอนด้วยกันมา แล้วเราก็ไม่รู้ว่าคนนอกอาจมีอคติอะไรติดมาด้วยหรือเปล่า เข้าใจ๋
7#ตรงไปตรงมา กล้าบอกความรู้สึก ชั้นชื่นชมนุศมากๆ เลยเวลาหล่อนมีความกล้าเผยสิ่งที่เธออึดอัดกับหมอ ไม่ว่าที่เกาะตอนที่เธอล๊อคหมอจากด้านหลังด้วยพลังแขนอันแข็งแกร่ง เพื่อให้หมอฟังเธอสารภาพความในใจ เธอดูมุ่งมั่นจนชั้นขนลุก ดูไม่มีอะไรต้องเสีย พูดได้แมนมากๆ แถมพอหมอจะขัดจังหวะ เธอบอก “ฟังฉันพูดให้จบก่อนได้มั้ย” หมอถึงกับหุบปากฉับ เธอเท่ และสตรองสุดๆไปเลย
กับอีกตอนคือตอนที่เธอตัดพ้อต่อว่าหมอที่ใจดีกับยัยโสม ทำนองว่าตัดบัวยังเหลือใย ทำให้โสมตัดใจไม่ได้สักที เธอพูดได้เป๊ะๆ ตรงใจมาก ทุกถ้อยคำมันจริง มันตรง มันจี้เข้าไปที่จิตใจคนดูและหมอ ใครได้ฟังละก็ ต้องสงสารและเห็นใจเธอ ที่สำคัญนางพูดด้วยความอัดอั้น ตัดพ้อ แต่แฝงการขอความเห็นใจ ไม่ใช่ด้วยความก้าวร้าว นางจึงยิ่งได้พวกและทีมเพิ่มขึ้นจมจากซีนนี้
8#ไว้เนื้อเชื่อใจและไม่หูเบา อันนี้ไม่ต้องพูดอะไรมาก ชั้นนั่งดูเรื่องนี้ บางทีนึกว่าอยู่ซาฟารีเวิลด์ เพราะพวกบ่างมันเยอะซะจริง ไม่ว่าจะพวกคุณอาเจ้าปัญหาทั้งโขยงนั่น คุณอาชญาโรคจิต ยัยโสมประธานชมรมมโนถาวรและมุสาวาทาแห่งประเทศไทย ฯลฯ ทุกคนมาพร้อมคำแนะนำดีๆ ทั้งน้าน ถ้าสองคนนี้ไม่ทำใจให้หนักแน่นใช้สติและปัญญาไตร่ตรองและกลั่นกรองให้ดี ชั้นบอกเลยว่ามีสิทธิ์บ้านแตก (แล้วที่ชั้นพูดน่ะ มันจริงไหมล่ะ ฮือๆ) แหม ชั้นล่ะ อยากมุดจอเข้าไปเลคเชอร์ให้สองผัวเมียคู่นี้ฟังก่อนที่พวกเขาจะเดินไปป๊ะกับพวกบ่างเหล่านั้นซะจริงๆต้องขอบคุณที่โลกนี้ยังมี “มิ” ผู้ที่ดูจะฉลาดเฉลียว อ่านเกมได้เด็ดขาดฟาดเรียบ อยากรู้ว่า มิ. อ่านสามก๊กจบไปกี่รอบแล้ว
9#ไม่ก้าวก่ายเรื่องงานและสนับสนุนเกื้อหนุนกันตามสมควร ตอนหมอมารับนุศไปกินข้าว หมอไม่เหวี่ยงไม่วีนเลยเมื่อนุศเลท หมอรอด้วยความอดทนและก็ไปหาอะไรทำด้วยความเข้าใจ นุศก็น่ารักเสร็จธุระจากงานก็รีบมาหาหมอทันที
หรือตอนนุศฮันนีมูนกับหมอที่เกาะ แล้วเลขาฯ โทรมาบอกว่ามีเรื่องซีเรียสที่บริษัทรอนุศ กลับไปตัดสินใจ ชั้นอ่านออกนะว่านุศกะทำเบลอใส่ แต่พอหมอสังเกตเห็น หมอเข้าใจทันทีว่านุศเป็นกังวลเรื่องงาน หมอเลยชวนนุศกลับบ้านที่กรุงเทพฯ พร้อมประโยคเด็ด “ที่ไหนมีคุณที่นั่นก็เป็นบ้านของเรา” อร๊ายยยย… ยัยนุศงี้ระทวยเข่าอ่อนปวกเปียกไปเลยค่า