เป็นบ้าแล้วค่ะ บ้าจริงๆ เครียดมากอยากรักษา

คือตอนเด็กเราเป็นคนที่ย่าตามใจมาก เลี้ยงแบบตามใจอยากได้อะไรก็ซื้อให้ พ่อแม่เราแล้วก็แยกทางตามประสาวัยรุ่น แม่ก็หายสาบสูญยี่สิบกว่าปีไม่เคยโผล่มา ส่วนพ่อก็มีครอบครัวใหม่เกิดมาเจอแค่สองครั้งเองไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดู ปู่ย่าเป็นคนเลี้ยง ซึ่งอาๆทุกคนก็ต่างหมั่นไส้เราเพราะย่าเราค่อนข้างมีฐานะ เราอยากกินอะไรได้อะไรได้กินทุกอย่าง เขาเลี้ยงเราเหมือนลูกคนเล็ก ต่างจากลูกๆของพวกเขา ที่พวกเขาเองไม่มีปัญญาหาของดีๆให้ลูกตัวเอง
อาทุกคนเกลียดเรา อิจฉาเรา กลัวเราได้สมบัติทุกอย่างจากย่า เลยปลูกปมในใจที่แสนเจ็บปวดให้กับเรา ที่เราจำได้เด่นๆก็คือเราอยากหวีผมให้น้องลูกของอาแต่เราไม่รู้ด้วยความเดียงสาของเด็ก เราไม่รู้ว่าหวีนั้นเป็นหวีสอย เราเอามาสอยผมให้น้องเราผมแหว่งเลยค่ะ น้องร้องไห้ อาเขามาเห็น ตบหน้าเราไปหนึ่งที ค่ะ ตบหน้าเด็กอายุ หก ขวบ ดูแรงไหมค่ะ ค่ะ จากนั้นอาจะตีเราย่ามาห้าม หลังจากนั้นอาก็หลอกเราออกมาของนอก แล้วตบเราเอารองเท้าตบปากตบหน้า จนเลือกออกปาก เลือกออกหู ทำคนเดียวนะคะ แหน่ะ เราว่ามีหลายคนไม่เชื่อนะ ฮ่าๆๆๆ จนอาอีกคนมาเห็น เราดีใจนึกว่าจะมาช่วยเพาะอาคนนี้ดีกับเรามาตลอด กลับบอกอาอีกคนว่า ลากไปทำที่อื่นตรงนี้คนเยอะ พอเอาเราตีเราจนสาสมแก่ใจก็พาเราไปล้างหน้า แล้วขู่ว่าถ้าบอกใครกูเอาตายแน่ จากวันนั้นมันก็แอบยิก แอบตีเราเลื่อยๆ ทั้ง มัดมือ มัดเท้าเราปล่อยมดให้กัด ให้ไปยืนกลางแดด จับเราแก้ผ้า เราโตขึ้นมาได้หน่อย ประมาณ 12 13 อาชายก็ชอบมากอดเราบ้าง หอมเราบ้าง เราเกลียดพวกมันมากค่ะ และเราก็เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายมาจนโต เราอายุ ยี่สิบแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่มีใครกล้ากับเราแล้ว เพราะใครเขามารังแกเรา เราอาละวาดบ้านพัง ทุบข้าวของกระจายเอา มีดไล่แท่ง จนมันต้องไปแจ้งความ แล้วตอนนี้พีคสุดๆแต่ละคนแทบจะคลานเข่ามาขอยืมเงินเรา ลูกๆมันหรือน้องเราก็ไม่มีใครได้ดีสักคนมีผัวก็เจอผัวซ้อมบ้าง หนีตามชายบ้าง ชกตีกับคนอื่นจนเข้าโรงบาล พ่อแม่น้ำตาเช็ดหัวเข่า   ฮ่าๆ ต่อๆ ใครก็ช่างที่เข้ามาในชีวิตเรา เราไม่เคยจริงใจกับใครเลย เราชอบพูดคนเดียว ชอบอยู่คนเดียว แต่เราแสแสร้งทำตัวเป็นคนปกติ คนร่าเริงต่อหน้าคนอื่นได้นะคะ ได้เนียน จนเราเองและคนอื่นเชื่อสนิท จนเราคิดว่าเรา เป็นโรคหลอกตัวเอง และเราก็ชอบดูถูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะ พูดเองในใจพูดไปขอโทษได้ คุยกับปู่ย่าหรือผู้มีพระคุณครูบาอาจารย์ที่ดีๆ แต่ในใจเราทั้งด่า ทั้งดูถูก ทั้งสมเพชเขา แล้วก็ขอโทษในใจ จนเราคิดว่าเราเป็นโรคจากจิตอีกโรค ก็คือโรคย้ำคิดย้ำทำ แล้วเวลาเห็นคนอื่นได้ดี เราไม่อิจฉานะคะ แค่เราต้องได้ต้องมีอย่างเขา ต้องเลิศกว่าเขา แล้วเราก็ต้องทำตัวให้เป็นเขา ตามสืบ ตามเช็คข้อมูลของคนๆนั้น ทั้งวันไม่หลับไม่นอน จนเราไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเราเป็นคนอย่างไงกันแน่ แล้วเคยเป็นกันไหมค่ะคนปกติทั้งหลาย นั่งพูดคนเดียวสร้างเรื่องราวขึ้นมาเองบ้าง ดูจากหนังบ้าง ทั้งร้องไห้ ทั้งหัวเราะ พูดคนเดียว สร้างเรื่องขึ้นมาทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วแต่เรานั่งไทม์แมคซีนย้อนเวลากลับไปคิดกลับไปต่อเติมเรื่องแล้วก็พูดออกมา หัวเราะออกมา ถ้ามีคนเยอะๆเราก็กระซิบเอา โลกอนาคตไม่ต้องพูดถึง ดูหนังจบคิดว่าตัวเองเป็นนางเอก เลียนแบบนางเอก ก็พูดก็ทำอย่างที่นางเองทำ ทั้งเสียใจโดนข่มขืนนอนร้องไห้เองบ้าง ดูวอลเล่ย์บอลเสร็จก็คิดว่าตัวเองไปนักวอลเล่ย์บอลทำท่ากระโดดตบบ้าง ไบโพล่าร์เราก็เข้าข่ายค่ะ เราเป็นบ้าแล้วใช่ไหมคะ เราต้องเริ่มรักษาตัวเองไง เราคิดเสมอค่ะ ที่เรามีความสุขอยู่ในโรคของเราแบบนี้ โลกที่มีแต่ตัวเองเกิดจากการที่เรากลัวผู้คน อยู่กับผู้คนแล้วเราไม่มีความสุขค่ะ เรากลัวจนเกลียด และเหตุผลที่ทำให้เราเกลียดสังคม เราคิดว่าเกิดจากอาชั่วๆของเราพวกนั้นที่มันสร้างบาดแผลในใจให้เรา และอาจจะเป็นที่ดีเอ็นเอด้วยละมั่ง เพราะจากที่เล่า หลายคนก็คงจะพอรู้ว่าอาเราก็ไม่มีใครปกติ คนปกติที่ไหนจะทำกำพร้าพ่อแม่ได้ลง เรารู้ตัวค่ะว่าเราไม่ได้ปกติ เราจึงอยากหาวิธีแก้หรือวิธีรักษาเพื่อไม่ให้อาการแปลกๆแบบนี้ส่งผลต่อชิวิตประจำวัน คนใกล้ตัว เพื่อนร่วมงาน และอนาคตของเรา
ขอบคุณนะคะ สำหรับคนที่อ่านจบ แล้วเข้าใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่