สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
พอจะมีเวลาแล้ว ขออนุญาตกลับมาตอบข้อ 1 ครับ
ต้องเข้าใจก่อนว่าหนังสไตล์ญี่ปุ่นจะเล่าเรื่องสลับไปๆมาๆ
เอาหละ ก่อนจะเข้าคำถามแรก เรานึกย้อนไปก่อน
"การตายโดยไม่ยินยอมพร้อมใจ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่พึงประสงค์" อาจกล่าวเช่นนี้ก็ได้ครับ พระเอกยังไม่อยากตาย ในใจเขายังมีห่วงอยู่นั่นคือ แมว หนัง อดีตของตน และครอบครัว
เมื่อเขามีชีวิตต่อไปในแต่ละวันโดยแลกกับ "บางสิ่งบนโลกนี้ต้องถูกลบออกไป" สิ่งต่างๆบนโลกนี้มีเยอะมาก เหมือนไม่ใช่สิ่งสำคัญต่อการดำรงชีวิต แต่ในความเป็นจริงสิ่งเหล่านั้นกลับก่อให้เกิดความผูกพันเชื่อมโยงกันเป็นสายใย เช่น โทรศัพท์ หากไม่มีโทรศัพท์ก็แค่ส่งจดหมาย
แต่มันกลับทำให้อดีตแฟนของพระเอกกลับกลายเป็นคนแปลกหน้าไป หรือภาพยนตร์ หากไม่มีสิ่งนี้ก็ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้รู้จักเพื่อนที่รักหนัง
พระเอกค่อยๆสูญเสียทุกสิ่งที่เคยเป็นความสุขของชีวิต และสุดท้าย เมื่อนึกถึงแมว แมวคือสิ่งที่ทำให้ครอบครัวเขาผูกพันกัน พ่อที่ดูเหมือนไม่เอาใจใส่ครอบครัว แต่ตอนไปเที่ยวกันแม่เอาแมวไปด้วย พ่อก็คอยเทียวหาที่พักให้ พ่อเป็นห่วงแม่อย่างมาก รวมถึงบทสนทนาระหว่างพระเอกกับแม่ ที่แม่เล่าให้ฟังว่า ตอนที่พระเอกเกิดมานั้นพ่อกล่าวว่า "ขอบคุณนะ ที่เกิดมา(บนโลกนี้) ให้"
สิ่งต่างๆที่พระเอกเคยยึดมั่นมันพังทลายทันที
ภาพของพ่อที่ไม่เอาอ่าว ไม่ใส่ใจครอบครัว ถูกแทนที่ด้วยความทรงจำในซอกหลืบเล็กๆในใจของพระเอกที่พยายามบอกตัวเองว่าะ่อไม่รักครอบครัว เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่ตีวเองหลงลืมไปได้แล้ว เขาก็พบว่า ...
จากคำถามข้อแรก หากเขายินยอมมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยแลกกับการลบแมวออกไปจากโลกนี้ นั่นเท่ากับว่าความทรงจำที่ดีอันสุดท้ายของเขา พ่อ แม่ ผักกาด และกะหล่ำ จะหายไปหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย
เมื่อการมีชีวิตอยู่ ไม่มีคุณค่าแก่การดำรงไว้ แล้วจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อสิ่งใด
พระเอกปลงได้แล้วก็เลยยอมรับความจริงว่า อย่าลบแมวออกไปเลย เขายอมตายมากกว่าจะลบความทรงจำที่แสนสุขของครอบครัวออกไป แม้ว่าตัวเองจะกลัวตายก็ตาม
ข้อต่อมา การมีปีศาจ หากพูดในแง่ของข้อคิด คติ ก็คือ เมื่อประสบปัญหาใดๆในชีวิต แต่ละคนย่อมนึกถึงทางเลี่ยง ทางหลบหลีกปัญหานั้น (ในกรณีนี้ก็คือการ ลบ สิ่งต่างๆออกไปจากโลกของตนเองเพื่อหลอกตัวเองไปวันๆ) ในขณะที่คนอื่นกลับเลือกที่จะ "ใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของตัวเองอย่างเต็มที่ อย่างมีความสุข และส่งมอบสิ่งที่เหลือไว้ให้คนที่ตนเองรักได้มีชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่าต่อไป" ข้อนี้พระเอกของเราได้มาจากตอนที่อ่านจดหมายคุณแม่นั่นเอง
สรุปข้อสาม สิ่งที่หนังต้องการสื่อ มันแล้วแต่มุมมอง ประสบการณ์ชีวิต ความรู้สึกนึกคิดของผู้ชมแต่ละคนที่แตกต่างกัน นี่คือจุดเด่น อัตลักษณ์ของภาพยนตร์ญี่ปุ่น
ในมุมมองของผม ถ้าหากเรากอดความทรงจำที่ไม่ดี เลือกทิ้งสิ่งดีๆไว้ แล้วมัวแต่หลีกลี้หนีปัญหา สุดท้ายย่อมตายอย่างเปล่าเปลี่ยว
แต่หากเราใช้ชีวิตให้มีคุณค่า มองความทรงจำที่ดีของตน มอบความสุขให้แก่คนที่เรารัก ย่อมมีความสุขมากกว่า
และจะไม่ต้องทุกข์ต่อคำถามที่ว่า "และถ้าหากผมตายไป จะมีใครบางคนเศร้าโศกเสียใจให้ผมไหมนะ" อีกต่อไป
ต้องเข้าใจก่อนว่าหนังสไตล์ญี่ปุ่นจะเล่าเรื่องสลับไปๆมาๆ
เอาหละ ก่อนจะเข้าคำถามแรก เรานึกย้อนไปก่อน
"การตายโดยไม่ยินยอมพร้อมใจ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่พึงประสงค์" อาจกล่าวเช่นนี้ก็ได้ครับ พระเอกยังไม่อยากตาย ในใจเขายังมีห่วงอยู่นั่นคือ แมว หนัง อดีตของตน และครอบครัว
เมื่อเขามีชีวิตต่อไปในแต่ละวันโดยแลกกับ "บางสิ่งบนโลกนี้ต้องถูกลบออกไป" สิ่งต่างๆบนโลกนี้มีเยอะมาก เหมือนไม่ใช่สิ่งสำคัญต่อการดำรงชีวิต แต่ในความเป็นจริงสิ่งเหล่านั้นกลับก่อให้เกิดความผูกพันเชื่อมโยงกันเป็นสายใย เช่น โทรศัพท์ หากไม่มีโทรศัพท์ก็แค่ส่งจดหมาย
แต่มันกลับทำให้อดีตแฟนของพระเอกกลับกลายเป็นคนแปลกหน้าไป หรือภาพยนตร์ หากไม่มีสิ่งนี้ก็ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้รู้จักเพื่อนที่รักหนัง
พระเอกค่อยๆสูญเสียทุกสิ่งที่เคยเป็นความสุขของชีวิต และสุดท้าย เมื่อนึกถึงแมว แมวคือสิ่งที่ทำให้ครอบครัวเขาผูกพันกัน พ่อที่ดูเหมือนไม่เอาใจใส่ครอบครัว แต่ตอนไปเที่ยวกันแม่เอาแมวไปด้วย พ่อก็คอยเทียวหาที่พักให้ พ่อเป็นห่วงแม่อย่างมาก รวมถึงบทสนทนาระหว่างพระเอกกับแม่ ที่แม่เล่าให้ฟังว่า ตอนที่พระเอกเกิดมานั้นพ่อกล่าวว่า "ขอบคุณนะ ที่เกิดมา(บนโลกนี้) ให้"
สิ่งต่างๆที่พระเอกเคยยึดมั่นมันพังทลายทันที
ภาพของพ่อที่ไม่เอาอ่าว ไม่ใส่ใจครอบครัว ถูกแทนที่ด้วยความทรงจำในซอกหลืบเล็กๆในใจของพระเอกที่พยายามบอกตัวเองว่าะ่อไม่รักครอบครัว เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่ตีวเองหลงลืมไปได้แล้ว เขาก็พบว่า ...
จากคำถามข้อแรก หากเขายินยอมมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยแลกกับการลบแมวออกไปจากโลกนี้ นั่นเท่ากับว่าความทรงจำที่ดีอันสุดท้ายของเขา พ่อ แม่ ผักกาด และกะหล่ำ จะหายไปหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย
เมื่อการมีชีวิตอยู่ ไม่มีคุณค่าแก่การดำรงไว้ แล้วจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อสิ่งใด
พระเอกปลงได้แล้วก็เลยยอมรับความจริงว่า อย่าลบแมวออกไปเลย เขายอมตายมากกว่าจะลบความทรงจำที่แสนสุขของครอบครัวออกไป แม้ว่าตัวเองจะกลัวตายก็ตาม
ข้อต่อมา การมีปีศาจ หากพูดในแง่ของข้อคิด คติ ก็คือ เมื่อประสบปัญหาใดๆในชีวิต แต่ละคนย่อมนึกถึงทางเลี่ยง ทางหลบหลีกปัญหานั้น (ในกรณีนี้ก็คือการ ลบ สิ่งต่างๆออกไปจากโลกของตนเองเพื่อหลอกตัวเองไปวันๆ) ในขณะที่คนอื่นกลับเลือกที่จะ "ใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของตัวเองอย่างเต็มที่ อย่างมีความสุข และส่งมอบสิ่งที่เหลือไว้ให้คนที่ตนเองรักได้มีชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่าต่อไป" ข้อนี้พระเอกของเราได้มาจากตอนที่อ่านจดหมายคุณแม่นั่นเอง
สรุปข้อสาม สิ่งที่หนังต้องการสื่อ มันแล้วแต่มุมมอง ประสบการณ์ชีวิต ความรู้สึกนึกคิดของผู้ชมแต่ละคนที่แตกต่างกัน นี่คือจุดเด่น อัตลักษณ์ของภาพยนตร์ญี่ปุ่น
ในมุมมองของผม ถ้าหากเรากอดความทรงจำที่ไม่ดี เลือกทิ้งสิ่งดีๆไว้ แล้วมัวแต่หลีกลี้หนีปัญหา สุดท้ายย่อมตายอย่างเปล่าเปลี่ยว
แต่หากเราใช้ชีวิตให้มีคุณค่า มองความทรงจำที่ดีของตน มอบความสุขให้แก่คนที่เรารัก ย่อมมีความสุขมากกว่า
และจะไม่ต้องทุกข์ต่อคำถามที่ว่า "และถ้าหากผมตายไป จะมีใครบางคนเศร้าโศกเสียใจให้ผมไหมนะ" อีกต่อไป
สมาชิกหมายเลข 2651319 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4079289 ซึ้ง, namtarnpeep ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3204808 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5035727 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4523724 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3637964 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1375134 ถูกใจ, Thaz ซึ้ง, สมาชิกหมายเลข 1474960 ถูกใจรวมถึงอีก 25 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 8
คีย์เวิร์ดเรื่องนี้ที่เฉลยมีอยู่ 3 จุดครับ
1. คำว่า If(ถ้า) ตรงชื่อขึ้นต้นของหนัง
2. ป้ายโปสเตอร์คำว่า Fight club ที่อยู่ข้างหลังของแฟนเก่าพระเอกที่นัดเจอกัน
3. ตอนที่แม่พระเอกบอกประมาณว่าว่า "ลูกจะชอบเป็นคนที่คิดลึกซึ้งซํ้าๆ และสุดท้ายจะได้คำตอบที่ดีและถูกต้องเสมอ"
คือหลังจากที่พระเอกรู้ว่าตัวเองอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ พระเอกก็เลยกลัวความตาย จิตตกไม่รู้ว่าอนาคตจะดำเนินชีวิตต่อไปแบบไหน
หลังจากนั้นหนังก็ดำเนินเรื่องที่เป็น "โลกจริงๆ ความทรงจำในอดีต และโลกจิตนาการ ที่พระเอกสมมุติขึ้นมาเพื่อหาคำตอบของชีวิตให้กับตัวเองครับ"
โดยที่ตัวพระเอกเองได้สมมุติว่าถ้าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตตัวเองและถ้าสามารถยื้อชีวิตต่อไปได้อีก 1 วันโดยแลกกับการลบบางสิ่งบางอย่างออกไปจากโลกนี้เค้าจะยอมไหม
ในตัวหนังพยายามสื่อว่าสิ่งที่พระเอกต้องการให้ลบทิ้งไปเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงณ์ชีวิต แต่แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้จิตสำนึกความทรงจำหรือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพระเอกครับ
โทรศัพท์เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เค้าได้พบกับนางเอกหรือแฟนเก่า
หนังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เค้าได้พบกับเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิต
เวลาหรือนาฬิกาเป็นสิ่งที่เค้าอยากลบทิ้งไปเพราะเป็นกรอบที่คอยขังพ่อของเค้า (ประเด็นนี้ผมเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับพ่อพระเอก)
แมว เป็นจุดเชื่อมโยงความสัมพันธ์ภายในครอบครัวและทำให้พระเอกพบกับคำตอบสุดท้ายของชีวิตครับ (ตอนที่คุยกับแม่อยู่ริมทะเล)
หลังจากที่คิดจนตกผลึกก็ทำให้พระเอกกล้าเผชิญหน้ากับความตายของตัวเองและพยายามใช้ชีวิตให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของตัวเองครับ เป็นช่วงที่หนังเล่าตอนท้ายเรื่องกลับมาโลกจริงๆ ทุกอย่าง ตอนที่พระเอกปั่นจักรยานไปหาแฟนเก่า ไปเจอเพื่อน ไปหาพ่อ(มั่ง)555
ปล. จริงๆ ผมยังสงสัยประเด็นที่หนังเล่นเรื่องเวลากับพ่อพระเอก อยากกลับไปดูอีกรอบนึง ฮาๆ
1. คำว่า If(ถ้า) ตรงชื่อขึ้นต้นของหนัง
2. ป้ายโปสเตอร์คำว่า Fight club ที่อยู่ข้างหลังของแฟนเก่าพระเอกที่นัดเจอกัน
3. ตอนที่แม่พระเอกบอกประมาณว่าว่า "ลูกจะชอบเป็นคนที่คิดลึกซึ้งซํ้าๆ และสุดท้ายจะได้คำตอบที่ดีและถูกต้องเสมอ"
คือหลังจากที่พระเอกรู้ว่าตัวเองอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ พระเอกก็เลยกลัวความตาย จิตตกไม่รู้ว่าอนาคตจะดำเนินชีวิตต่อไปแบบไหน
หลังจากนั้นหนังก็ดำเนินเรื่องที่เป็น "โลกจริงๆ ความทรงจำในอดีต และโลกจิตนาการ ที่พระเอกสมมุติขึ้นมาเพื่อหาคำตอบของชีวิตให้กับตัวเองครับ"
โดยที่ตัวพระเอกเองได้สมมุติว่าถ้าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตตัวเองและถ้าสามารถยื้อชีวิตต่อไปได้อีก 1 วันโดยแลกกับการลบบางสิ่งบางอย่างออกไปจากโลกนี้เค้าจะยอมไหม
ในตัวหนังพยายามสื่อว่าสิ่งที่พระเอกต้องการให้ลบทิ้งไปเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงณ์ชีวิต แต่แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้จิตสำนึกความทรงจำหรือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพระเอกครับ
โทรศัพท์เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เค้าได้พบกับนางเอกหรือแฟนเก่า
หนังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เค้าได้พบกับเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิต
เวลาหรือนาฬิกาเป็นสิ่งที่เค้าอยากลบทิ้งไปเพราะเป็นกรอบที่คอยขังพ่อของเค้า (ประเด็นนี้ผมเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับพ่อพระเอก)
แมว เป็นจุดเชื่อมโยงความสัมพันธ์ภายในครอบครัวและทำให้พระเอกพบกับคำตอบสุดท้ายของชีวิตครับ (ตอนที่คุยกับแม่อยู่ริมทะเล)
หลังจากที่คิดจนตกผลึกก็ทำให้พระเอกกล้าเผชิญหน้ากับความตายของตัวเองและพยายามใช้ชีวิตให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของตัวเองครับ เป็นช่วงที่หนังเล่าตอนท้ายเรื่องกลับมาโลกจริงๆ ทุกอย่าง ตอนที่พระเอกปั่นจักรยานไปหาแฟนเก่า ไปเจอเพื่อน ไปหาพ่อ(มั่ง)555
ปล. จริงๆ ผมยังสงสัยประเด็นที่หนังเล่นเรื่องเวลากับพ่อพระเอก อยากกลับไปดูอีกรอบนึง ฮาๆ
สมาชิกหมายเลข 4079289 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3204808 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5035727 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4523724 ถูกใจ, gunpen2010 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1375134 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1474960 ถูกใจ, ลุงสัน ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3506857 ถูกใจ, albertpotjes ถูกใจรวมถึงอีก 2 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
ไม่เข้าใจตอนจบของหนัง "ถ้าแมวตัวนั้นหายไปจากโลกนี้" ครับ (If cats disappear from the world) SPOILED
.
.
.
1. ตอนใกล้จบ ที่ชายหาด ที่พระเอกยืนมองตัวเอง แม่ และพ่อ (ในอดีต?)
แล้วพูดกับปีศาจ ประมาณว่า "ไม่ต้องทำให้แมวหายไปแล้วล่ะ.. จริงๆผมก็กลัวตายนะ.." อะไรประมาณนี้
ไม่เข้าใจตรงนี้ครับ คือพระเอกยอมปล่อยให้ตัวเองตาย ใช่มั้ยครับ?
แต่พระเอกก็พูดต่อมาว่า จริงๆแล้ว ปีศาจที่ว่า ก็คือตัวพระเอกเอง เป็นตัวพระเอกอีกด้านนึง ที่กลัวความตาย อะไรประมาณนี้
และทุกๆอย่างที่เคยหายไป ก็กลับคืนสู่สภาพเดิม
.. ตรงนี้ก็ไม่เข้าใจครับ อยากทราบว่า การที่มีนายปีศาจขึ้นมา และทำให้บางสิ่งหายไปนั้น สื่อถึงอะไรครับ
รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ลึกซึ้ง และล้ำลึกเหมือนกัน
แต่ก็พอจะเข้าใจว่า หนึ่งในสิ่งที่หนังต้องการสื่อ คือการร็คุณค่าของตัวเอง คุณค่าของการมีชีวิต และคุณค่าของคนที่เรารัก หรือรักเรา
2. พระเอกกับพ่อ ไม่ลงรอยกัน มีสาเหตุอะไรมั้ยครับ เหมือนจะอยู่กันคนละบ้าน และพ่อดูไม่ค่อยแสดงความรู้สึกเท่าไร
3. สรุปแล้ว พระเอกจะตายมั้ยครับ เห็นบอกกับแมวว่า วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน และออกไปกับแมว
4. สถานที่ในเรื่อง (ที่ไม่ใช่อาร์เจนติน่า) คือที่ไหนของญี่ปุ่นครับ เมืองติดทะเล มีรถราง ดูน่าสนใจดีครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบครับ