21/5/16  อุทัยธานี-จังหวัดนี้อยากลองไปมานานละ  หลังจากลองหาข้อมูลที่ท่องเที่ยว  หาที่พักก็พร้อมเดินทาง  เริ่มออกเดินทางตอนสิบโมงเช้าโดยใช้เส้นทางสายเอเชีย  ขับรถมุ่งไปเรื่อยๆชิวๆรถไม่ติดอะไร  ขับเอื่อยๆมาเรื่อยๆ  สงสัยจะเอื่อยเกินไปจะบ่ายโมงละก็ยังไม่ถึงสักที  หิวละ  เลยแวะหาอะไรกิน  มีคนแนะนำให้กินร้านปลาครัวท่าน้ำอ้อย  ขับไปเจอ 2 สาขา ตามทางมาจะเจอสาขา 2 ก่อน  เป็นห้องแอร์ด้วยนะ แต่ไม่อ่ะเรามันเด็กติสอยากได้บรรยากาศริมน้ำมากกว่า  ขับจากสาขา 2 มาไม่นานขับตาม GPS มาเรื่อยๆ  ก็มาเจอกับสาขา 1 ติดแม่น้ำเจ้าพระยา  แหมๆ  นั่งติดแม่น้ำยามอากาศร้อนๆแบบนี้  มันคิดผิดชัดๆ  ลมร้อนผ่าวๆพุ่งเข้าหน้า  ไม่น่าเลย  อาหารที่สั่งมีข้าวผัดกุ้งจานเล็ก  ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน  ทอดมันปลากราย  แกงส้มผักรวม (มีปลาด้วยนะ) อาหารที่นี่จะเน้นปลาเป็นหลัก  มีปลาให้เลือกมากมายหลากหลาย  รสชาติมีตั้งแต่ธรรมดาถึงอร่อย  อย่างฉู่ฉี่กับทอดมันนี่ยกให้อร่อยเลย  ส่วนข้าวผัดจะธรรมดา  แกงส้มก็รสแบบไม่เคยกินมาก่อน  แต่ก็กินได้นะ  อาหารที่นี่ให้เยอะ ถูก  และออกไวมาก  หิวๆมานี่แทบไม่ต้องรอ  สั่งปุ๊บไม่ถึง 5 นาทีก็ออกเลย ดี๊ดี  พนักงานในร้านก็บริการดีให้ 4 ดาวเลยร้านนี้  แถมในร้านก็มีขนม+ของฝากขายด้วยนะ สนนมื้อนี้ไปแค่ 460 บาทเท่านั้น

ขับต่อมาอีกเรื่อยๆก็ถึงที่พักในเวลาบ่าย 2  ที่พักในครั้งนี้ใช้บริการบ้านสะแกกรังรีสอร์ท  โทรมาจองกับที่พักเลย  จองเป็นแบบห้องพักห้องละ 550 บาท  รวมอาหารเช้า  ขับตาม GPS จะพาทะลุตรอก ซอก ซอย  เอาซะงงไปเลย  แต่ก็มาถึงจนได้  บ้านสะแกกรังเป็นรีสอร์ทเล็กๆ มีพื้นที่ไม่มาก   มีที่จอดรถ  รีสอร์ทนี้ถือว่าเล็กแต่เพรียบพร้อม  ห้องที่นี่ถือว่าใหญ่ดี  ดูดี  ดูใหม่  ดูสะอาด  มีแอร์ ทีวี ตู้เย็น Wifi ราวตากผ้า และระเบียงส่วนตัว  มันดีอ่ะ  ชอบมากตรงราวตากผ้ากับระเบียงเนี่ยแหละ  คุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆ  ห้องน้ำนี่สวยงามกว้างใหญ่  ตกแต่งแบบปูนเปลือย  แต่ข้อเสียคือประตูห้องน้ำเสียงดังมากและห้องน้ำไม่แยกโซนชักโครกกับโซนอาบน้ำ  อาบน้ำทีชักโครกเปียกไปหมดเลย  ที่นี่มีแบบเป็นหลังด้วยนะ  ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวสุดๆก็จองแบบเป็นหลังได้

พักผ่อนแป๊บๆสักบ่าย 3 ก็ออกจากที่พักเพื่อมุ่งหน้าสู่วัดเขาสะแกกรัง  ไม่ไกลจากที่พักเท่าไหร่นัก  ก่อนไปขอแวะซื้อน้ำจากร้าน PorPun (ป.ปั้น) เป็นร้านกาแฟเล็กๆหน้าปากซอยที่พัก  ในที่พักจะไม่มีอาหารขายแต่สามารถสั่งอาหารได้จากร้านนี้นั้นเอง  คงเป็นพันธมิตรกัน  ภายในร้านก็ตกแตงได้น่ารัก  ร้านเล็กจริงๆ  ลองชาเขียวนมแก้วละ 40 บาท  อืม....อร่อยจริงๆ  ชงได้ดี รสดีงาม สดชื่น  ดูดแป๊บเดียว  หมดละ  ว้า..แก้วมันเล็กไปมั๊ยเนี่ย  

จากที่พักขับมาไม่ถึง 15 นาทีก็จะถึงวัด  วัดนี้มีชื่อในเรื่องของบันได้ที่สูงและยาวมาก  ตั้ง 449 ขั้นแนะ  อากาศร้อนๆแบบนี้วัยรุ่นอย่างเราไม่พลาดที่จะไม่เดิน  ขับอ้อมไปทางด้านหลังวัดจะมีทางรถขึ้นเขา  ขึ้นไปสูงเชียว  ทางขึ้นจะเห็นต้นไม้รายล้อม  เป็นภาพที่เขียวสบายตามาก  รู้สึกได้จากอาการหูอื้อที่มาเป็นระยะๆ  มองไปเห็นวิวงดงาม  ใครอยากชมวิวอุทัยธานีสามารถมากชมได้จากวัดนี้เลย  มองเห็นรอบจังหวัดเลย  สวยงามตามท้องเรื่อง  มองลงไปยังขั้นบันได  คิดถูกแล้วจริงๆที่ไม่เดินขึ้นมา  คงได้เป็นลมตั้งแต่ยังไม่ถึง 100 ขั้นแน่นอน  ชมวิวเสร็จก็เดินสายทำบุญไหว้พระ  ที่มีจุดให้ไหว้พระมากมาย  เลือกทำบุญได้แล้วแต่ศรัทธาเลย   ชอบที่วัดนี้มีร้านขายน้ำเยอะมาก  มันเหมาะกับประเทศไทยมากๆ  ใครกินน้ำมาแล้ว  รับรองต้องกินอีก  ใครขึ้นมาแล้วไม่ซื้อน้ำกินได้แม้แต่ขวดเดียวถือว่าเก่งมาก  ข้างบนวัดมันร้อนจริงๆ  ไม่รู้ร้อนเพราะอากาศหรือร้อนเพราะอยู่วัดกันแน่นะสิ

ตกเย็นๆสัก 5 โมง  รอให้แดดไม่ค่อยแรงแต่ยังพอมีแดดให้ถ่ายรูปสวยๆบ้าง  ก็ออกมาเดินเล่มชมวิวสักหน่อย  จุดชมวิวที่พลาดไม่ได้เลยคือวิวแม่น้ำชุมชนบ้านสะแกกกรัง  ที่นี่จะมีสะพานสีม่วงยาวๆ  วิวสวยงาม  ข้ามสะพานไปจะเป็นวัดอุโบสถสถาราม  แม่น้ำตอนนี้เรียกได้ว่าน้ำหายไปเยอะ  น่าใจหายวาบจริงๆ  ที่นี่ตึกรามบ้านช่องก็เป็นสีม่วงซะส่วนใหญ่  สอบถามคนพื้นที่ได้ความว่าเพราะที่นี่มีบ้านของพระเทพอยู่ด้วย  เหมือนมีคนถวายให้แก่พระเทพ  จริง/เท็จแค่ไหนไม่รู้เหมือนกัน  ผิด/ถูกก็อย่าว่ากันเน้อ  แต่สีม่วงก็สวยดีนะ  

ชมวิวกันพอละ  กลับมาเดินแหล่งสุดชิคของเมืองอุทัย  ใครมาก็ต้องไม่พลาดเดิน  ถนนตรอกโรงยา  ถนนนี้เปิดเฉพาะวันเสาร์เท่านั้น  เวลาประมาณ 15.30-20.00น.  อย่าแปลกใจทำไมปิดไว  ที่อุทัยธานี3ทุ่มก็เงียบไปทั้งจังหวัดแล้ว  ถนนตรอกโรงยานี้เอาตรงๆก็ไม่ค่อยต่างอะไรกับตลาดนัดที่ กทม. นัก  ของขายก็เหมือนๆกัน  แต่ที่ต่างคือบรรยากาศของที่นี่จะเป็นบ้านเรือนโบราณ  ภายในบ้านเราสามารถเข้าไปขอถ่ายรุปได้ด้วย  แถมมีคนคอยเปิดเพลงให้คนเดินเล่นได้ฟังกัน ถนนเส้นนี้ไม่ยาวนัก  เดินไม่นานก็สุดทาง  คนก็ไม่แน่นจนเกินไป  ของกินเล่นเพียบ  ราคาของที่นีก็ไม่ต่างอะไรกับที่ กทม. ถ้ามาเดินหน้าหนาวถ้าจะดี  พอมาเดินหน้าร้อนนี่ไม่ได้อะไรนอกจากซื้อน้ำกิน  ซื้อแต่น้ำ  ซื้อแล้วซื้ออีก  เอาจนอิ่มน้ำไปเลย

มื้อเย็นวันนี้มากินที่วิเชียรหมูกะทะ  ร้านหมูกะทะเล็กๆที่อุทัยธานี   ราคาไม่แพง  บุฟเฟ่หมูกะทะ 119 บาทไม่รวมเครื่องดื่ม  ถ้ารวมก็ 159 บาท  ของก็ไม่ค่อยมีอะไร  ของน้อย  ดูไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่  แต่ก็กิน  ก็มื้อนี่ฟรีนี่หน่า  (ทำไมฟรีนะหรอ  ไม่บอกหรอก  อิอิ)  ชิ้นเนื้ออะไรก็ไม่ค่อยน่ากิน  รู้สึกว่าของทอดอร่อยกว่าของปิ้งย่างอีก  แต่ชอบที่บริการดี  เตาที่นี่ไฟแรงสูงมาก  และมีพนักงานคอยเปลี่ยนเตาให้อยู่ตลอดเวลา

22/5/16  อรุณสวัสดิ์อุทัยธานี  ลืมตาปุ๊บท้องหิวปั๊บ  มาดูซิว่าอาหารเช้าที่นี่จะเป็นอะไร  ด้วยราคาห้องที่ไม่แพงเลยไม่ได้คาดหวังมาก  อาหารเช้าที่นี่จะมีขนมปังปิ้ง(ไม่อั้น)  กาแฟโอวันติน(ไม่อั้น)  กล้วย(ไม่อั้น)  และข้าวต้มหมูคนละ 1 ถ้วย แค่นี้ก็โอเคนะ  อิ่มอยู่  ข้าวต้มก็รสชาติใช้ได้  อร่อย  ถึงแม้หมูจะน้อยไปหน่อย  แต่ก็ไม่เป็นไร  กินแป้งกันไปแล้วกัน  

Check-Out จากที่พักแวะตลาดกันเพื่อหาของฝากกันสักหน่อย  แน่นอนว่าต้องมาลองร้านขนมปังสังขยาที่เล่าลือว่าอร่อยมากจากร้านไพพรรณ  ร้านจะอยู่ตรงข้ามธนาคารกรุงไทย  หาไม่ยาก เป็นร้านเล็กๆดูขลัง  ร้านนี้จะกินต้องจองล่วงหน้านะ  ดีนะที่จองไว้แล้วเมื่อวาน  วันนี้เลยมารับได้เลย  ขายไม่แพงกล่องละ 80 บาท มี 10 ลูก นอกจากสังขยาก็จะมีขนมอื่นๆให้เลือกซื้อได้ด้วยแต่มันดูไม่ค่อยเหมือนของฝาก  แต่เป็นขนมกินเองมากกว่า  แต่จะเอาไปเป็นของฝากก็ได้เหมือนกันนะ  ท่าทางก็น่าอร่อย  

นอกจากร้านนี้แล้วยังมีอีกที่จะแนะนำคือร้านฉัตรอุทัย  ร้านจะอยู่ตรงข้ามกับร้าน KFC  ร้านนี้ก็มีขนมปังสังขยาเหมือนกันนะ  กล่องละ 75 บาทมี 10 ลูก  ที่นี่ราคาจะถูกกว่า  และภายในร้านฉัตรอุทัยจะมีของฝากมากมายให้เลือก  ร้านใหญ่กว่าร้านไพพรรณ  หาง่ายกว่า  สังขยาที่นี่ไม่ต้องจอง  ซื้อได้เลย