คำชี้แจงกรณีขายซาก ฮ. ชินุค 6 เครื่องของ ทบ.ไทย

กระทู้สนทนา
ทบ.ระบุ ยังมิได้ทำสัญญาขายซาก ฮ.ล.๔๗ ให้กับผู้ประกอบการใดๆ ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการประกวดราคาขาย

จากการที่มีสื่อมวลชนบางสำนักได้เสนอข่าวการขายซากเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ ๔๗ ของกองทัพบก จำนวน ๖ ลำ โดยระบุว่ามีตัวแทนบริษัทของสหรัฐฯ ยื่นร้องเรียนต่อ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้ตรวจสอบและขอความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าวนั้น

กองทัพบกขอเรียนข้อเท็จจริงต่อเรื่องดังกล่าวใน ๓ ประเด็น ดังนี้

ประเด็นที่ ๑ การดำเนินการของกองทัพบกต่อการขายซาก ฮ.ล.๔๗
กองทัพบกมีความประสงค์ที่จะขายขายซากเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ ๔๗ จำนวน ๖ ลำ พร้อมชิ้นส่วนเครื่องมือซ่อมบำรุงและบริภัณฑ์ภาคพื้น โดยมอบให้กรมการขนส่งทหารบกดำเนินการให้เป็นไปตามกฎระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ โดยกรมการขนส่งทหารบก ได้ดำเนินการตามขั้นตอน ด้วยการแต่ตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลางและคณะกรรมการประกวดราคา โดยคณะกรรมการได้กำหนดราคากลางการประมูลขายครั้งที่ ๑ ไว้ที่วงเงิน ๖๐๐ ล้านบาท โดยใช้ราคาสูงสุดที่เป็นราคาสืบจากผู้ประกอบการทั่วไป แต่ผลการประมูลในครั้งแรก เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ มีผู้เสนอราคารายเดียวในวงเงิน ๔๒๐ ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลางตามที่คณะกรรมการกำหนดไว้ ทางกรมการขนส่งทหารบกจึงพิจารณาให้ยกเลิกการประกวดราคาขาย และแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลาง และคณะกรรมการประกวดราคาชุดที่ ๒ โดยเชิญผู้สังเกตการณ์จากหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักงบประมาณ กองทัพอากาศ และหน่วยงานในกองทัพบก ร่วมสังเกตการณ์การจัดทำราคากลาง และการประกวดราคา โดยได้กำหนดราคากลางการประมูลขายในครั้งที่ ๒ ไว้ที่วงเงิน ๔๒๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นราคากลางจากแหล่งข้อมูลที่อ้างอิงได้ และเป็นราคาจากผลการประมูลครั้งแรก แต่การประมูลในครั้งที่ ๒ เมื่อ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙ มีผู้มายื่นซองประมูลเพียงรายเดียว และไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกกำหนดไว้ได้ คณะกรรมการจึงยกเลิกการประกวดราคาขาย
ดังนั้นในขณะนี้ กองทัพบกจึงยังมิได้มีการตกลงหรือทำสัญญาขายซากเฮลิคอปเตอร์ให้กับผู้ประกอบการใดๆ ทั้งสิ้น โดยยังคงอยู่ในกระบวนการประกวดราคาขายตามระเบียบของทางราชการ

ประเด็นที่ ๒ กองทัพบกดำเนินการขายซากเฮลิคอปเตอร์ ตามระเบียบของ
ทางราชการ มิได้เป็นไปตามการกล่าวอ้างจากตัวแทนบริษัทของสหรัฐอเมริกา ว่าไม่ได้รับความสะดวกจากทางราชการ
ในการเข้ารวมประกวดราคาขาย
จากการที่ตัวแทน บริษัท ไทย แอร์โรสแปซ อินดัสทรีส์ จำกัด (จ.ส.ต.พงษ์ศักดิ์ คงคามาศ ปัจจุบันไม่ได้รับราชการทหารแล้ว) ระบุว่าทางบริษัทฯ ได้เคยมีหนังสือแสดงเจตจำนงขอซื้อเฮลิคอปเตอร์ในราคา ๖๐๐ ล้านบาท ก่อนที่ทางราชการจะจัดการประกวดราคา ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดข้อจำกัดกับทางบริษัททำให้ไม่สามารถเข้าร่วมการประกวดราคาในครั้งที่ ๑ และ ๒ ได้ เพราะเกรงจะผิดต่อกฎหมายการสมยอมราคากันนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า การที่บริษัทมายื่นหนังสือต่อทางราชการแสดงเจตจำนงขอซื้อโดยตรง โดยไม่ผ่านกระบวนการแข่งขันการขายทอดตลาด เป็นการปฏิบัติที่ผิดระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการพัสดุ ทางราชการไม่สามารถนำมาดำเนินการใดๆได้ เป็นเพียงหนังสือที่ทางราชการรับทราบว่ามีผู้สนใจซื้อเท่านั้น ซึ่งบริษัทจะต้องเข้าสู่กระบวนการประกวดราคาขายตามที่ทางราชการกำหนดขึ้น จึงจะเป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่พัสดุได้ให้คำแนะนำแล้วว่า บริษัทสามารถเข้าร่วมประมูลได้ ดังนั้นการที่บริษัทไม่เข้าร่วมประมูลน่าจะเป็นเพราะความไม่พร้อมของผู้ประกอบการเอง ไม่เกี่ยวข้องกับทางราชการ

ประเด็นที่ ๓ การที่กรมการขนส่งทหารบกปลดกำลังพล ซึ่งกระทำผิดจากการขาดหนีราชการในเวลาประจำการนั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการขายซากเฮลิคอปเตอร์ตามที่ผู้แทนบริษัทกล่าวอ้าง
จากการที่มีความพยายามที่จะเชื่อมโยงให้เข้าใจผิดว่า การที่บริษัท ไทย แอร์โรสแปซ อินดัสทรีส์ จำกัด ไม่เข้าร่วมในการประกวดราคา เป็นสาเหตุทำให้ จ.ส.อ.ธนลภย์ คงคามาศ สังกัด กรมการขนส่งทหารบก ซึ่งเป็นบุตรชายของผู้แทนบริษัทฯ ถูกปลดออกจากราชการ นั้น ขอเรียนว่ากรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์คนละเรื่องและไม่มีความเกี่ยวโยงกัน การพิจารณาปลดกำลังพล หน่วยทหารจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ตั้งแต่เมื่อกำลังพลกระทำความผิด มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและเสนอบทลงโทษตามระเบียบของทางราชการจนถึงขั้นตอนการเสนอปลดและถอดยศ สำหรับกรณี จ.ส.อ.ธนลภย์ฯ หน่วยต้นสังกัดได้ดำเนินการตามขั้นตอนมาตั้งแต่
ปี ๒๕๕๗ โดยกำลังพลดังกล่าวมีพฤติกรรมขาดหนีราชการหลายครั้งมาอย่างต่อเนื่อง และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา หน่วยได้พิจารณาลงโทษ ลงทัณฑ์ ขัง จำขัง ตามขั้นตอนของการพิจารณาโทษมาตามลำดับ โดยล่าสุด เมื่อ ๑ มี.ค.๕๙ กรมการขนส่งทหารบกจึงได้มีคำสั่งให้ปลดออกจากราชการฐานหนีราชการในเวลาประจำการ เป็นนายสิบกองหนุนไม่มีเบี้ยหวัด ตั้งแต่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ และต่อมาได้มีการรายงานขอถอดยศทหารตามระเบียบของกระทรวงกลาโหม เมื่อ ๑ เมษายน ๒๕๕๙
หากพิจารณาตามขั้นตอนที่ได้กล่าวมา จะเห็นได้ว่าหน่วยต้นสังกัดได้ดำเนินการตามระเบียบของทางราชการ อย่างครบถ้วน มิได้มีการกระทำใดๆ ที่เกินกว่าขอบเขตหรือกลั่นแกล้งให้เกิดความเสียหายต่อกำลังพล และเรื่องดังกล่าวก็ไม่ได้มีความเกี่ยวโยงกับการขายซากเฮลิคอปเตอร์แต่อย่างใด
กองทัพบกขอเรียนยืนยันว่า การดำเนินการขายซากเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ ๔๗ ในครั้งนี้ เป็นการบริหารจัดการยุทโธปกรณ์ที่ปลดประจำการแล้วให้มีมูลค่าและก่อให้เกิดประโยชน์กับทางราชการ ในการจัดประมูลกองทัพบก ได้เปิดโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน ให้ผู้สนใจเข้าร่วม และดำเนินการอย่างยุติธรรม โปร่งใส เพื่อให้ได้ราคาประมูลที่เหมาะสมที่สุดกับสภาพยุทโธปกรณ์ โดยยึดประโยชน์ของทางราชการเป็นหลัก

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง
๒๔ พฤษภาคม ๕๙
http://www.aavnc.com/

เครดิต เฟซบุ๊ค พัทธนันท์ สงชัย

อ่านข้อมูลตรงนี้กันก่อนครับ

edit เปลี่ยนเครดิตต้นทางข่าวครับ พอดีตอนแรกได้ข้อมูลมาจากหน้าเฟซพี่เขา พี่เขาบอกต้นทางต่อเลยมาแก้ไข
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่