หลักฐานชิ้นสำคัญที่ "ศาลอาญา" ตัดสินให้ "หมายจับ" แก่พระธัมมชโย
เป็นเช็ค 800 ล้าน สั่งจ่าย "ตรง" จาก "สหกรณ์คลองจั่น" ถึง..พระธัมมชโย มิใช่เช็คส่วนตัวของ "ศุภชัย ศรีศุภอักษร" ก่อนจะมีการโอนต่อไปยังบุคคลที่สาม
หรือพูดง่ายๆ ว่า
ศุภชัยเอาเงินสหกรณ์มาถวายธัมมชโยๆ ก็รับไว้ แถมยังมีการจ่ายไปยังบุคคลอื่นๆ อีกด้วย
จะอ้างว่ารู้หรือไม่รู้ ก็ต้องนำตัวมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิจารณาจากพฤติกรรม (มิใช่จากคำพูด)
ซึ่งจะผิดหรือถูกก็ยังไม่มีใครรู้ เพราะศาลยังไม่ได้ตัดสิน
และตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสิน ผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหา ก็ยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ เรื่องนี้ก็รู้กันทั่วไป
แต่ธัมมชโยและบริวารกลับตีกลองร้องป่าว อ้างว่า "หลวงพ่อบริสุทธิ์" เพราะไม่ได้รับเงินเองบ้าง เพราะรับมาแล้วสร้างวัดบ้าง เพราะบวชมานานบ้าง ช่วยเหลือวัดในสามจังหวัดภาคใต้บ้าง ฯลฯ สารพัดอ้าง
งวดเข้าไปทุกขณะแล้ว สำหรับคดีการฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่อยู่ในมือการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งปัจจุบัน
รวบรวมพยานหลักฐาน และตรวจสอบเส้นทางการเงินไปได้เกือบเสร็จสิ้นแล้ว
แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ตัวละครสำคัญที่เข้าไปเกี่ยวโยงในคดีนี้ และได้รับการจับตาจากสาธารณชนอย่างมากคือ "พระเทพญาณมหามุนี" หรือพระไชยบูลย์ สุทธิผล (พระธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในฐานะผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร
กระทั่ง ศาลอาญา ได้อนุมัติหมายจับพระธัมมชโย ตามการร้องขอของดีเอสไอแล้ว หลังร้องขอไปถึงสองครั้ง แต่ครั้งแรกได้รับการปฏิเสธ โดยดีเอสไอขีดเส้นให้พระธัมมชโยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 26 พ.ค. 2559 แต่
หากไม่เข้ามาพบในวันดังกล่าว ดีเอสไอ ยืนยันว่า จะมีการเข้าไปจับกุมภายในวัด และคัดค้านการประกันตัวอย่างแน่นอน
ท่ามกลางกระแสต่อต้านจาก "ลูกศิษย์" วัดพระธรรมกายอย่างล้มหลาม แม้แต่การรายงานข่าวของสื่อมวลชน เมื่อถูกนำไปโพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ พบว่า มีบรรดาลูกศิษย์ลูกหาเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมาก
ล่าสุด ฝ่ายวัดพระธรรมกายยังไม่ยอมแพ้ โดยพระนพดล สิริวโส แห่งวัดพระธรรมกาย เตรียมเชิญชวน "ผู้มีจิตศรัทธา" ร่วมลงชื่อในหน้าเว็บไซต์ของทำเนียบขาวให้ได้ 1 แสนรายชื่อ เพื่อให้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา "บารัค โอบามา" ช่วยเหลือ !
อ้างโยงไปถึงเรื่องการเมือง ทั้งที่กรณีนี้ถูกตรวจสอบจากกรณีของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ยักยอกเงินของสหกรณ์ฯโอนให้เครือข่ายต่างๆ กว่าหมื่นล้านบาท และปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการโอนเงินให้กับพระธัมมชโย และวัดธรรมกาย ด้วยอย่างไร ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปให้สาธารณชนรับทราบอีกครั้ง ดังนี้
ภายหลังมีการตรวจสอบคดียักยอกทรัพย์สินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกว่าหมื่นล้านบาทเกิดขึ้น
มีสองหน่วยงานรัฐเข้าไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ได้แก่ ดีเอสไอ เข้าไปตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีอาญากับบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินที่นายศุภชัยกระจายให้กับเครือข่ายต่างๆ
โดยดีเอสไอ ตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. 2552-15 ก.พ. 2554 พระธัมมชโย วัดพระธรรมกาย รวมถึงเครือข่ายวัดพระธรรมกาย รับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น รวม 21 ครั้ง เป็นเงิน 1,205,160,000 บาท
โดยไม่มีมูลหนี้กับสหกรณ์ฯ
ส่งผลให้ดีเอสไอ พิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ดังกล่าวของพระธัมมชโยกับพวก อาจมีส่วนเป็นผู้สนับสนุนนายศุภชัยและเครือข่าย ในการยักยอกทรัพย์ของสหกรณ์ฯ หรือสนับสนุนให้ลักทรัพย์นายจ้าง หรือรับของโจร รวมถึงมีความผิดฐานฟอกเงิน และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตได้
จึงแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายเรียกให้เข้ามาชี้แจงกับดีเอสไอในทันที แต่พระธัมมชโยก็ไม่ดำเนินการตามนั้น โดยส่งทนายมาแทนพร้อมอ้างว่า "อาพาธ" เนื่องจากเท้าซ้ายมีอาการบวม พร้อมโชว์ภาพให้ดีเอสไอดู แต่น่าสังเกตว่า ภาพดังกล่าวไม่เห็นหน้าของพระธัมมชโยแต่อย่างใด
ขณะที่ ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า นายศุภชัย สั่งจ่ายเช็คของสหกรณ์ฯ โอนเข้าบัญชีโดยตรงของพระธัมมชโยกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งตรงนี้ยังไม่รวมที่ดินโดยมีผู้รับบริจาค 3 ส่วน คือ วัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย และพระปลัดวิจารณ์ (พระวัดพระธรรมกาย) ด้วย
ปปง. พบอีกว่า หลังจากนำเช็คเข้าบัญชีเรียบร้อย
พระธัมมชโยได้สั่งจ่ายเช็คเข้ามูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ส่วนเช็คที่เหลือที่ฝากเข้าบัญชีวัดพระธรรมกาย ได้นำไปใช้ก่อสร้างอาคารที่ตั้งอยู่บนที่ธรณีสงฆ์ ขณะที่เช็คที่เข้าบัญชีเงินฝากของพระธัมมชโยอยู่ระหว่างที่ ปปง. ดำเนินคดีทางแพ่ง ส่วนเช็คที่เข้าบัญชีพระปลัดวิจารณ์นั้น มีการปิดบัญชีไปแล้ว ไม่สามารถติดตามเส้นทางเงินต่อไปได้ เพราะถูกถอนเป็นเงินสด
ไม่ว่าข้อเท็จจริงของดีเอสไอ และ ปปง. จะเป็นอย่างไร ?
แต่มีหลักฐาน ‘เชิงประจักษ์’ เป็นเช็คที่ถูกสั่งจ่ายจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ลงนามโดยศุภชัย ให้วัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย (พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ขณะนั้น) โดยตรงอย่างน้อย 4 ใบ รวมวงเงินกว่า 316,780,000 บาท
ดังนั้นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังวันที่ 26 พ.ค. 2559 (วันที่ดีเอสไอขีดเส้นให้พระธัมมชโยเข้ารับทราบข้อกล่าวหา) อาจเกิดขึ้นได้ 3 ประการ ดังนี้
หนึ่ง พระธัมมชโย เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหากับดีเอสไอที่ สำนักงานดีเอสไอ พร้อมกับชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่างๆ โดยดีเอสไอยืนยันว่า ถ้าดำเนินการตามแนวทางนี้ จะไม่คัดค้านการประกันตัวต่อศาล
สอง พระธัมมชโย ไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา แต่อ้างว่า ‘อาพาธ’ อย่างที่เคยอ้างมาตลอด ซึ่งดีเอสไอจำเป็นต้องดำเนินการตามหมายจับ คือ เข้าไปวัดพระธรรมกาย เพื่อดำเนินคดีกับพระธัมมชโย และส่งตัวให้ศาล พร้อมกับคัดค้านการประกันตัวต่อศาล
สาม พระธัมมชโย อาจเดินทางหลบหนีไปลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ซึ่งต้องไม่ลืมว่าในต่างประเทศมีวัดที่เป็นเครือข่ายวัดพระธรรมกายอยู่หลายแห่ง ?
แต่ท้ายสุดจะออกมาในรูปแบบไหน ต้องติดตามกันต่อไปอย่ากระพริบตา !
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา : 21 พฤษภาคม 2559
ขอบคุณ
http://www.alittlebuddha.com/
ย้อนรอยคดีสหกรณ์ : จะอ้างว่ารู้หรือไม่รู้ ก็ต้องนำตัวมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิจารณาจากพฤติกรรม (มิใช่จากคำพูด)
หรือพูดง่ายๆ ว่า ศุภชัยเอาเงินสหกรณ์มาถวายธัมมชโยๆ ก็รับไว้ แถมยังมีการจ่ายไปยังบุคคลอื่นๆ อีกด้วย
จะอ้างว่ารู้หรือไม่รู้ ก็ต้องนำตัวมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิจารณาจากพฤติกรรม (มิใช่จากคำพูด)
ซึ่งจะผิดหรือถูกก็ยังไม่มีใครรู้ เพราะศาลยังไม่ได้ตัดสิน
และตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสิน ผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหา ก็ยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ เรื่องนี้ก็รู้กันทั่วไป
แต่ธัมมชโยและบริวารกลับตีกลองร้องป่าว อ้างว่า "หลวงพ่อบริสุทธิ์" เพราะไม่ได้รับเงินเองบ้าง เพราะรับมาแล้วสร้างวัดบ้าง เพราะบวชมานานบ้าง ช่วยเหลือวัดในสามจังหวัดภาคใต้บ้าง ฯลฯ สารพัดอ้าง
งวดเข้าไปทุกขณะแล้ว สำหรับคดีการฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่อยู่ในมือการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งปัจจุบันรวบรวมพยานหลักฐาน และตรวจสอบเส้นทางการเงินไปได้เกือบเสร็จสิ้นแล้ว
แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ตัวละครสำคัญที่เข้าไปเกี่ยวโยงในคดีนี้ และได้รับการจับตาจากสาธารณชนอย่างมากคือ "พระเทพญาณมหามุนี" หรือพระไชยบูลย์ สุทธิผล (พระธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในฐานะผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร
กระทั่ง ศาลอาญา ได้อนุมัติหมายจับพระธัมมชโย ตามการร้องขอของดีเอสไอแล้ว หลังร้องขอไปถึงสองครั้ง แต่ครั้งแรกได้รับการปฏิเสธ โดยดีเอสไอขีดเส้นให้พระธัมมชโยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 26 พ.ค. 2559 แต่หากไม่เข้ามาพบในวันดังกล่าว ดีเอสไอ ยืนยันว่า จะมีการเข้าไปจับกุมภายในวัด และคัดค้านการประกันตัวอย่างแน่นอน
ท่ามกลางกระแสต่อต้านจาก "ลูกศิษย์" วัดพระธรรมกายอย่างล้มหลาม แม้แต่การรายงานข่าวของสื่อมวลชน เมื่อถูกนำไปโพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ พบว่า มีบรรดาลูกศิษย์ลูกหาเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมาก
ล่าสุด ฝ่ายวัดพระธรรมกายยังไม่ยอมแพ้ โดยพระนพดล สิริวโส แห่งวัดพระธรรมกาย เตรียมเชิญชวน "ผู้มีจิตศรัทธา" ร่วมลงชื่อในหน้าเว็บไซต์ของทำเนียบขาวให้ได้ 1 แสนรายชื่อ เพื่อให้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา "บารัค โอบามา" ช่วยเหลือ !
อ้างโยงไปถึงเรื่องการเมือง ทั้งที่กรณีนี้ถูกตรวจสอบจากกรณีของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ยักยอกเงินของสหกรณ์ฯโอนให้เครือข่ายต่างๆ กว่าหมื่นล้านบาท และปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการโอนเงินให้กับพระธัมมชโย และวัดธรรมกาย ด้วยอย่างไร ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปให้สาธารณชนรับทราบอีกครั้ง ดังนี้
ภายหลังมีการตรวจสอบคดียักยอกทรัพย์สินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกว่าหมื่นล้านบาทเกิดขึ้น มีสองหน่วยงานรัฐเข้าไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ได้แก่ ดีเอสไอ เข้าไปตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีอาญากับบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินที่นายศุภชัยกระจายให้กับเครือข่ายต่างๆ
โดยดีเอสไอ ตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. 2552-15 ก.พ. 2554 พระธัมมชโย วัดพระธรรมกาย รวมถึงเครือข่ายวัดพระธรรมกาย รับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น รวม 21 ครั้ง เป็นเงิน 1,205,160,000 บาท โดยไม่มีมูลหนี้กับสหกรณ์ฯ
ส่งผลให้ดีเอสไอ พิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ดังกล่าวของพระธัมมชโยกับพวก อาจมีส่วนเป็นผู้สนับสนุนนายศุภชัยและเครือข่าย ในการยักยอกทรัพย์ของสหกรณ์ฯ หรือสนับสนุนให้ลักทรัพย์นายจ้าง หรือรับของโจร รวมถึงมีความผิดฐานฟอกเงิน และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตได้
จึงแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายเรียกให้เข้ามาชี้แจงกับดีเอสไอในทันที แต่พระธัมมชโยก็ไม่ดำเนินการตามนั้น โดยส่งทนายมาแทนพร้อมอ้างว่า "อาพาธ" เนื่องจากเท้าซ้ายมีอาการบวม พร้อมโชว์ภาพให้ดีเอสไอดู แต่น่าสังเกตว่า ภาพดังกล่าวไม่เห็นหน้าของพระธัมมชโยแต่อย่างใด
ขณะที่ ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า นายศุภชัย สั่งจ่ายเช็คของสหกรณ์ฯ โอนเข้าบัญชีโดยตรงของพระธัมมชโยกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งตรงนี้ยังไม่รวมที่ดินโดยมีผู้รับบริจาค 3 ส่วน คือ วัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย และพระปลัดวิจารณ์ (พระวัดพระธรรมกาย) ด้วย
ปปง. พบอีกว่า หลังจากนำเช็คเข้าบัญชีเรียบร้อยพระธัมมชโยได้สั่งจ่ายเช็คเข้ามูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ส่วนเช็คที่เหลือที่ฝากเข้าบัญชีวัดพระธรรมกาย ได้นำไปใช้ก่อสร้างอาคารที่ตั้งอยู่บนที่ธรณีสงฆ์ ขณะที่เช็คที่เข้าบัญชีเงินฝากของพระธัมมชโยอยู่ระหว่างที่ ปปง. ดำเนินคดีทางแพ่ง ส่วนเช็คที่เข้าบัญชีพระปลัดวิจารณ์นั้น มีการปิดบัญชีไปแล้ว ไม่สามารถติดตามเส้นทางเงินต่อไปได้ เพราะถูกถอนเป็นเงินสด
ไม่ว่าข้อเท็จจริงของดีเอสไอ และ ปปง. จะเป็นอย่างไร ?
แต่มีหลักฐาน ‘เชิงประจักษ์’ เป็นเช็คที่ถูกสั่งจ่ายจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ลงนามโดยศุภชัย ให้วัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย (พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ขณะนั้น) โดยตรงอย่างน้อย 4 ใบ รวมวงเงินกว่า 316,780,000 บาท
ดังนั้นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังวันที่ 26 พ.ค. 2559 (วันที่ดีเอสไอขีดเส้นให้พระธัมมชโยเข้ารับทราบข้อกล่าวหา) อาจเกิดขึ้นได้ 3 ประการ ดังนี้
หนึ่ง พระธัมมชโย เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหากับดีเอสไอที่ สำนักงานดีเอสไอ พร้อมกับชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่างๆ โดยดีเอสไอยืนยันว่า ถ้าดำเนินการตามแนวทางนี้ จะไม่คัดค้านการประกันตัวต่อศาล
สอง พระธัมมชโย ไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา แต่อ้างว่า ‘อาพาธ’ อย่างที่เคยอ้างมาตลอด ซึ่งดีเอสไอจำเป็นต้องดำเนินการตามหมายจับ คือ เข้าไปวัดพระธรรมกาย เพื่อดำเนินคดีกับพระธัมมชโย และส่งตัวให้ศาล พร้อมกับคัดค้านการประกันตัวต่อศาล
สาม พระธัมมชโย อาจเดินทางหลบหนีไปลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ซึ่งต้องไม่ลืมว่าในต่างประเทศมีวัดที่เป็นเครือข่ายวัดพระธรรมกายอยู่หลายแห่ง ?
แต่ท้ายสุดจะออกมาในรูปแบบไหน ต้องติดตามกันต่อไปอย่ากระพริบตา !
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา : 21 พฤษภาคม 2559
ขอบคุณ http://www.alittlebuddha.com/