ผมก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง มีสิทธิพลเเมืองเหมือนท่าน"กลุ่มสตรีศรีสยาม"
ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน ท่านทูตอเมริกา ในการให้สัมภาษณ์ กรณี
ที่ท่านได้ส่งสัญญาน ติติงเรื่องสิทธิมนุษยชนคนไทย ที่ usa มองว่า รบ. เขา
มีความเป็นกังวลยิ่ง เรื่องสิทธิ์ที่ประชาชนคนไทยโดนละเมิด นัยหนึ่ง
ก็คือจะออกมา ทวงสิทธิแทนประชาชนคนไทย ที่เขาเห็นว่าไม่สามารถ
แสดงออกได้อย่างตรงไปตรงมา แม้จะแสดงโดยสุจริตไม่ไปละเมิดใครก็ตาม
การออกมาส่งสัญญา แบบนี้คงไม่ใช่ กรีนเดวี่ส์ที่สามารถใช้ดูลยพินิจของตัวเอง
เพียงอย่างเดียวว่าจะทำ จะพูด หรือให้ความเห็นอะไรก็ได้ เพราะการให้สัมภาษณ์
การออกมาให้ข่าว แต่ละอย่างในฐานะนักการทูต นั่นคือการแสดงท่าที ของประเทศหรือ รบ.นั้น ๆ
ที่ทูตของประเทศนั้นสังกัดอยู่
การต่อต้าน เห็นด้วย หรือไม่เห็นกับท่าทีของ usa ผ่านทูตเดลวี่ส์ นั้นต้องใช้กระบวนการทางการทูต
หรือผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องเท่านั้น การที่พลเรือนของประเทศนั้น ๆ ออกมาต่อต้าน หรือแสดงความไม่เห็น
เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แต่ก็ต้องพึงระวังยิ่ง เกี่ยวกับผลกระทบการเมืองระหว่างประเทศที่จะตามมา
หรือถุกมองว่า รัฐ นั้น ๆใช้มวลชนกดดัน ประเทศที่นักการทูตให้ข่าว
ยิ่งเป็นประเทศมหาอำนาจ อย่าง usa แล้วด้วยเราจะมีสถานะอะไร ที่จะไปยื่นเป็นข้อต่อรองกับเขาว่า
เราไม่พอใจเราก็สามารถทำได้ โดยไม่ได้มองความสัมพันธ์อันละเอียดอ่อนด้านการเมืองระหว่างประเทศ
ทั้ง usa เป็นคู่ค้าด้านเศรษฐกิจสำคัญยิ่งของไทย หากเกิดเขาหมั่นไส้ ไม่พอใจเราขึ้นมา คนที่ลำบาก
ก็คือ รบ ที่ต้องทำมาค้าขายกับเขา หรือหากเขาแซงชั่นเรา ในเรื่อง ต่าง ๆ เข้ามาจริง ๆ ไม่ใช่เฉพาะประเทศเท่านั้น
ที่เดือดร้อน แต่เป็นประชาชนคนไทยทุกคน ที่ต้องรับผลกระทบแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
ลองถามคนไทยที่เขามีสิทธิพลเมืองเหมือนท่าน ๆ บ้างไหมว่า พวกเขาสนับสนุน หรือ
เห็นด้วยกับการกระทำของพวกท่านขนาดใหน พวกเขาก็เป็นคนไทย และรักประเทศชาติไม่ต่างจากพวกท่านหรอก
แต่พวกเขาไม่ออกมาสร้างภาระ หรือสร้างผลกระทบที่ประเทศชาติอาจต้องแบกรับ เหมือนพวกท่าน ๆ
ที่เอาความสะใจเป็นที่ตั้ง โดยไม่ยอมมองหายนะที่จะตามมาเยือน ลองให้เขาเลือกไหมครับว่า
ระหว่างไล่ทูตเดวี่ส์ กลับประเทศ กับไล่ คนที่ทำร้ายประเทศไม่กี่คนแล้วอ้างประเทศบังหน้า
พวกเขาจะไล่ใคร ..ถ้ารู้คำตอบแล้ว ท่านจะหนาว....????
++++ ไม่รู้กาละเทศะ คนที่จะทำงานลำบากคือ รบ. ++++
ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน ท่านทูตอเมริกา ในการให้สัมภาษณ์ กรณี
ที่ท่านได้ส่งสัญญาน ติติงเรื่องสิทธิมนุษยชนคนไทย ที่ usa มองว่า รบ. เขา
มีความเป็นกังวลยิ่ง เรื่องสิทธิ์ที่ประชาชนคนไทยโดนละเมิด นัยหนึ่ง
ก็คือจะออกมา ทวงสิทธิแทนประชาชนคนไทย ที่เขาเห็นว่าไม่สามารถ
แสดงออกได้อย่างตรงไปตรงมา แม้จะแสดงโดยสุจริตไม่ไปละเมิดใครก็ตาม
การออกมาส่งสัญญา แบบนี้คงไม่ใช่ กรีนเดวี่ส์ที่สามารถใช้ดูลยพินิจของตัวเอง
เพียงอย่างเดียวว่าจะทำ จะพูด หรือให้ความเห็นอะไรก็ได้ เพราะการให้สัมภาษณ์
การออกมาให้ข่าว แต่ละอย่างในฐานะนักการทูต นั่นคือการแสดงท่าที ของประเทศหรือ รบ.นั้น ๆ
ที่ทูตของประเทศนั้นสังกัดอยู่
การต่อต้าน เห็นด้วย หรือไม่เห็นกับท่าทีของ usa ผ่านทูตเดลวี่ส์ นั้นต้องใช้กระบวนการทางการทูต
หรือผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องเท่านั้น การที่พลเรือนของประเทศนั้น ๆ ออกมาต่อต้าน หรือแสดงความไม่เห็น
เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แต่ก็ต้องพึงระวังยิ่ง เกี่ยวกับผลกระทบการเมืองระหว่างประเทศที่จะตามมา
หรือถุกมองว่า รัฐ นั้น ๆใช้มวลชนกดดัน ประเทศที่นักการทูตให้ข่าว
ยิ่งเป็นประเทศมหาอำนาจ อย่าง usa แล้วด้วยเราจะมีสถานะอะไร ที่จะไปยื่นเป็นข้อต่อรองกับเขาว่า
เราไม่พอใจเราก็สามารถทำได้ โดยไม่ได้มองความสัมพันธ์อันละเอียดอ่อนด้านการเมืองระหว่างประเทศ
ทั้ง usa เป็นคู่ค้าด้านเศรษฐกิจสำคัญยิ่งของไทย หากเกิดเขาหมั่นไส้ ไม่พอใจเราขึ้นมา คนที่ลำบาก
ก็คือ รบ ที่ต้องทำมาค้าขายกับเขา หรือหากเขาแซงชั่นเรา ในเรื่อง ต่าง ๆ เข้ามาจริง ๆ ไม่ใช่เฉพาะประเทศเท่านั้น
ที่เดือดร้อน แต่เป็นประชาชนคนไทยทุกคน ที่ต้องรับผลกระทบแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
ลองถามคนไทยที่เขามีสิทธิพลเมืองเหมือนท่าน ๆ บ้างไหมว่า พวกเขาสนับสนุน หรือ
เห็นด้วยกับการกระทำของพวกท่านขนาดใหน พวกเขาก็เป็นคนไทย และรักประเทศชาติไม่ต่างจากพวกท่านหรอก
แต่พวกเขาไม่ออกมาสร้างภาระ หรือสร้างผลกระทบที่ประเทศชาติอาจต้องแบกรับ เหมือนพวกท่าน ๆ
ที่เอาความสะใจเป็นที่ตั้ง โดยไม่ยอมมองหายนะที่จะตามมาเยือน ลองให้เขาเลือกไหมครับว่า
ระหว่างไล่ทูตเดวี่ส์ กลับประเทศ กับไล่ คนที่ทำร้ายประเทศไม่กี่คนแล้วอ้างประเทศบังหน้า
พวกเขาจะไล่ใคร ..ถ้ารู้คำตอบแล้ว ท่านจะหนาว....????