สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ตั้งแต่เดือนเมษามาจนถึงพฤษภามีหยุดยาวติดต่อกันเยอะมากก ไปเที่ยวไหนกัน มาบ้างเอ่ย ส่วนเราการบ้านเยอะมากกกกค่ะ ใกล้สอบแล้วด้วย (กระซิกๆ) แต่ๆ ช่วงพักระหว่างทำการบ้านเราก็เล่นเน็ตไป เรื่อยเปื่อยจะหาของขวัญวันเกิดให้เพื่อนด้วยค่ะ แล้วได้พบเจอกับเว็บไซต์นึง
https://www.500trends.com
ความประทับใจแรกที่เข้าไปคือ เรียบหรู ดูสบายตา แถมภาพสินค้ายังใหญ่ และเก๋มาก พูดง่ายๆคือ ดู Minimal สุดๆ พอเลื่อนๆ ดูไป ก็พบว่า สินค้าดูหลากหลายดีค่ะ มีตั้งแต่ Gadget สำหรับมือถือ เช่นพวกที่ชาร์จแบตสำรอง (Power Bank) ลำโพงบลูทูธกันน้ำเหมาะสำหรับคนที่ชอบอาบน้ำไป ฟังเพลงไปมากก (อย่างเรา ฮ่าๆ) ไปจนถึงเครื่องประดับ Accessories พวกนาฬิกา แหวน แว่นตา รองเท้า กระเป๋า ฯลฯ ดูๆแล้วสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่เป็นที่นิยม หรือฮิตกันช่วงนี้ค่ะ อ่อ! และที่สำคัญคือ เค้ามีแอพพลิเคชั่น (Application) ที่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายบนมือถือ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนสมัยนี้ที่ใช้มือถือมากกว่า คอมพิวเตอร์อีกด้วยค่ะ
ฮั่นแหน่ พิมพ์มาถึงตรงนี้เริ่มสงสัย และสนใจกันบ้างแล้วใช่มั๊ยล่ะคะ วันนี้เราเลยจะมารีวิวการใช้งาน แอพนี้ให้ชมกันค่ะ โดยเราจะรีวิวด้วยความเป็นกลางนะคะ อันไหนที่ควรปรับปรุงก็จะเขียนไว้ค่ะ ทางแบรนด์จะได้นำไปพัฒนากันต่อไป อยากเห็นประเทศไทยมีเว็บ และแอพสำหรับช้อปปิ้งดีๆ ค่ะ ^^
สำหรับคนที่เพิ่งอ่านรีวิวเราครั้งแรก สามารถตามไปอ่านรีวิว Online Shooping ของเกาหลีกันก่อนได้ นะคะตามลิงก์ด้านล่างเลย~!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มาเรียนรู้ออนไลน์ช้อปปิ้งของเกาหลีกันเถอะ! ใช้ง่าย และของถูกเว่อออร์ Korean Online Shopping Websites & Duty Free http://ppantip.com/topic/34973252
Tip: สำหรับสายชม สายดู ไม่ชอบอ่านลายตา สามารถกดชมวิดีโอได้เลยค่ะ!~
สำหรับรีวิวนี้เราจะแบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกันนะคะ
1. ขั้นตอนการดาวโหลด และการใช้งาน
2. ขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้า
3. สรุปข้อดี ข้อควรปรับปรุงของแอพพลิเคชั่น
ขั้นตอนการดาวโหลด และการใช้งาน
แอพนี้สามารถดาวโหลดได้ทั้งจากมือถือ และแท็บเลตที่ใช้ระบบ iOS (Iphone, iPad) และระบบแอนดรอยด์ค่ะ ง่ายๆ ก็คือดาวโหลดเหมือนแอพพลิเคชั่นอื่นๆทั่วไปเลย หรือกดเข้าไปที่ลิงก์นี้ เพื่อดาวโหลดได้เลยค่ะ >>>
https://bnc.lt/7yfh/1kuHh8rrns เมื่อดาวโหลดเสร็จเรียบร้อยแล้ว กดเข้าไปที่แอพจะเจอหน้าแรกแบบนี้ค่ะ จะกด Create Profile (ปุ่มด้านล่างขวามือ) เพื่อสร้างประวัติของเราก็จะขึ้นหน้าจอที่ 2 ขึ้นมาค่ะ หรือจะกด Sign In (ปุ่มด้านล่างซ้ายมือ) ก็จะขึ้นหน้าจอที่ 3 ขึ้นมาให้ล็อคอินเข้าสู่ระบบค่ะ แต่เราชอบแบบง่ายๆ คือพอกดเข้าแอพแล้ว จะเห็นปุ่มใหญ่สีน้ำเงินเข้มที่คุ้นเคย 555 ก็คือล็อคอินโดยใช้ข้อมูลจาก Facebook เราได้เลย
ล็อคอินเรียบร้อยก็มาสนุกกันเลยจ้า เข้ามาปุ๊บที่ตกใจมากคือ รูปแบบการจัดวางของแอพคล้ายคลึงกับ Instagram มากกก ด้วยความรู้สึกคุ้นเคยนั้นเลยทำให้เดาไม่ยากว่าแต่ละปุ่มข้างล่างมีไว้ทำอะไรบ้างค่ะ หน้าแรกจะเป็นเมนู Trending ซึ่งแตกต่างจากอินสตาแกรมก็คือ เราไม่สามารถเลื่อนหน้าจอลงมาเรื่อยๆ เพื่อชมสินค้าในแบบแนวตั้งได้ค่ะ แต่จะเป็นการสัมผัส แล้วเลื่อนไปทางซ้าย หรือขวา (Swipe) แต่พอยท์ มันอยู่ที่ว่า ถ้
าเลื่อนไปทางขวา เปรียบเสมือนเรากดถูกใจสินค้านั้น ในทางกลับกัน ถ้าเลื่อนไปทางซ้าย จะเปรียบเสมือนว่าเราไม่ถูกใจสินค้านั้นค่ะ แล้วมันก็จะไม่ขึ้นมารบกวนสายตาเราอีก ฮ่าๆๆ เก๋สุดๆ
ข้อดีในส่วนของฟีเจอร์นี้ก็คือ เมื่อเจอสินค้าที่เราถูกใจ แต่ยังไม่พร้อมจะซื้อ หรือยังลังเล เพราะราคาอาจจะเกินงบที่เราคิดไว้ เราก็แค่กด Trends (เลื่อนปัดหน้าจอไปทางขวา) มาเก็บไว้ที่หน้า My Sales ของเราก่อน เมื่อสินค้าตัวนั้นถูกผู้ใช้แอพนี้กด Trends เยอะๆ ราคาสินค้าก็จะลดลง!!! ด้วยล่ะ แถมเรายังสามารถตามดูได้ด้วยว่า เพื่อนเรากด Trends สินค้าตัวไหนไว้บ้าง เผื่อจะเป็นของที่เราก็ถูกใจ ทำให้เลือกดู เลือกซื้อได้ง่ายขึ้น
อ่ะๆ ก่อนที่จะไปดูขั้นตอนการใช้งานกันมาตรวจสอบกันก่อนนะคะ ว่าเราได้เปลี่ยนที่ตั้งของร้านค้า เป็นประเทศไทยหรือยัง วิธีก็ง่ายๆเลย ไปที่ขีด 3 ขีดด้านซ้ายบนของหน้าจอ > เลือก Settings > เลือก Change Store > เลือก Thailand
ต่อด้วยเมนูที่ 2 คือ Discover (ค้นหา) คือเราสามารถเสิร์ชค้นหาประเภท หรือรูปแบบสินค้า ตามแฮชแท็กได้ แต่พอเข้าไปหน้านี้ก็จะมีแฮชแท็กเด็ดๆ ขึ้นมาให้อยู่แล้วตามภาพที่ 2 ก็สามารถกดเลือก ได้เลยค่า ส่วนเมนูที่ 3 คือ Messages ซึ่งจะบอกความเคลื่อนไหวต่างๆ เช่น มีใครกดถูกใจสินค้าตัวไหน มีใครมากดติดตามเราบ้าง ซึ่งจะ account ของคนที่ติดตามเรา หรือเราไปติดตามเค้า จะไปขึ้นที่ หน้าโพรไฟล์เรา หรือ My Sales นั่นเอง! สินค้าที่เรากดถูกใจไว้ก็เช่นกันค่ะ มันจะถูกเก็บรวบรวม แล้วไปโชว์อยู่ที่หน้า My Sales
อ่อ! ถ้าสินค้าไหนยังไม่มีการนำมาจำหน่าย เมื่อกดเข้าไปดูสินค้านั้น จะมีปุ่ม Request ขึ้นด้านล่างค่ะ ถ้าเราอยากได้ ก็กดปุ่มนั้นไป ถ้ามีจำนวนคนกดมากพอ สินค้านั้นก็จะถูกเลือกมาจำหน่าย และมีการลดราคาอย่างกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์เลยค่ะ ส่วนสินค้าชิ้นไหนถูกปลดล็อคแล้ว ก็จะขึ้นเป็นปุ่ม ADD TO CART (หยิบใส่ตะกร้า) สีแดงแทนค่ะ
ขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้า
เมื่อได้สินค้าที่อยากซื้อแล้ว ก็กดปุ่ม ADD TO CART (หยิบใส่ตะกร้า) สีแดงเลยค่ะ ระบบก็จะแสดงตัวเลือกขึ้นมาให้ เช่น เราจะซื้อเคสไอโฟนนี้ ก็จะขึ้นมาให้เลือกว่าเป็นรุ่นไหน (5/5s/6/6s) และให้เลือกจำนวนที่ต้องการสั่งซื้อ กดปุ่ม ADD TO CART (หยิบใส่ตะกร้า) ก็จะขึ้นหน้าแสดงรายละเอียด จำนวน และราคาของสินค้าที่เราจะสั่งซื้อ อ่อ! เมื่อสมัครสมาชิกเพื่อใช้งาน ครั้งแรก ทางระบบจะให้ส่วนลด 150 บาทมาแบบฟรีเลยค่ะ!!! ลดไปได้เยอะเลย หลังจากนั้นก็มาใส่ข้อมูล ที่อยู่สำหรับการจัดส่งสินค้ากันค่ะ อ่ะ!!! ใครซื้อสินค้าที่เสี่ยงต่อการตกแตกนี่ไม่ต้องกังวลเลยนะคะ เพราะเค้าใช้การจัดส่งโดยพนักงานส่งสินค้าค่ะ (ไม่ได้ใช้บริการไปรษณีย์ไทย อุ๊บส์ เค้าป่าวพิมพ์นะ มือลั่นเฉยๆ)
หลังจากนั้นก็ถึงขั้นตอนการกรอกที่อยู่ เริ่มจาก Label คือการระบุประเภทของสถานที่ปลายทาง (เช่น บ้าน,ออฟฟิศ ฯลฯ) ตามด้วยชื่อ นามสกุล และที่อยู่ที่ต้องการให้ไปส่ง โดยในส่วนของที่อยู่นี้ ระบุแค่เลขที่ ถนน แขวง และเขต ส่วนจังหวัด ประเทศ และรหัสไปรษณีย์นั้นกรอกในช่อง City, Country, Zip Code ตามลำดับค่ะ
อ่อ! และอย่าลืมกด Default Shipping Address น้า (เลื่อนให้มันขึ้นสีส้มตามรูปด้านบน) เพื่อให้ระบบได้บันทึกที่อยู่นี้ไว้ คราวหน้าที่ต้องการสั่งซื้อสินค้าอีก จะได้ไม่ต้องเสียเวลากรอกที่อยู่อีก พอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กด Add this address ระบบก็จะกลับมาหน้าสรุปรายละเอียดการสั่งซื้ออีกครั้ง ตรวจสอบอีกรอบ เสร็จแล้วก็กด CHECKOUT เพื่อไปสู่ขั้นตอนสุดท้าย คือการจ่ายเงินเลย
***หมายเหตุ: หลายคนอาจพบปัญหาในกรณีที่ที่อยู่มีความยาวเกิน 38 ตัวอักษร จะต้องนำส่วนที่เกินมา พิมพ์เพิ่มเติมในช่อง Address 2 นะจ๊ะ มิฉะนั้นระบบจะ Error ไม่ให้ไปต่อ***
ระบบจ่ายเงินของแอพนี้มีให้เลือก 4 แบบค่ะ คือ จ่ายเงินผ่าน Paypal (สำหรับคนมี Account Paypal อยู่แล้วอย่างเรา วิธีนี้สะดวกที่สุดๆค่ะ) โอนเงินผ่านธนาคาร จ่ายด้วยบัตรเครดิต และจ่ายเงินกับพนักงานส่งสินค้าของบริษัทเมื่อของมาส่งถึงบ้านค่ะ!!! (Cash on Delivery) ทางแอพเคลมว่าสินค้าจะส่งถึงภายใน 1-3 วันค่ะ ขึ้นอยู่กับที่อยู่จัดส่ง (อย่างกทม. ก็ภายใน 1 วันทำการ) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสินค้าแต่ละตัวด้วย ซึ่งในหน้ารายละเอียดสินค้าจะมีระบุอยู่ค่ะว่าใช้เวลาในการจัดส่งกี่วัน
ส่วนลด 150 บาทที่ได้ในครั้งแรกที่ใช้งานแอพนั้น เราสามารถรับส่วนลดเพิ่มเติมได้อีกค่ะ โดยการแชร์โค้ดส่วนลดไปให้เพื่อนๆ ผ่านทาง Social Network ต่างๆ (เช่น Facebook) โดยกดที่ขีดสามขีดมุมบนซ้ายมือ แล้วเลือก My Voucher Code แล้วกดแชร์ไปเลยค่า ง่ายนิดเดียว หรือจะจำโค้ดไปบอกต่อเพื่อนๆก็ได้ค่ะ เพื่อนก็ได้ลด เราก็ได้ลด วินวิน เย่!
เพื่อนๆสามารถนำโค้ดของเรา Bewitchbewty ไปใช้ลด 150 บาทได้เลยค่า
สรุปข้อดี ข้อควรปรับปรุงของแอพพลิเคชั่น
สุดท้ายมาดูสรุปข้อดี และข้อสิ่งที่แอพนี้ควรปรับปรุงกันบ้างดีกว่า
วันนี้ก็หวังว่าเพื่อนๆ จะได้เรียนรู้แอพที่น่าสนใจอันใหม่นี้ไปพร้อมๆกันนะคะ แต่จากการอ่าน และรับชมสิ่งที่เรานำเสนออย่างเดียวนั้นคงไม่พอแน่นอน ต้องได้ Experience เองถึงจะรู้เนอะ ว่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองไหม บางทีอาจจะติดใจจนไม่อยากออกไปเดินช้อปปิ้งตามห้าง ตามท้องถนนแบบเราก็เป็นได้ ^^
อย่าลืมนะคะ เข้าไปดาวน์โหลดกันง่ายๆเลยที่ >>>
https://bnc.lt/7yfh/1kuHh8rrns <<< แล้วเจอกันใหม่กระทู้น้าจ้า บ๊ายยย~!
[SR] "500Trends" Application แอพที่เป็นมากกว่าแหล่งช้อปปิ้งของคนรุ่นใหม่!
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ตั้งแต่เดือนเมษามาจนถึงพฤษภามีหยุดยาวติดต่อกันเยอะมากก ไปเที่ยวไหนกัน มาบ้างเอ่ย ส่วนเราการบ้านเยอะมากกกกค่ะ ใกล้สอบแล้วด้วย (กระซิกๆ) แต่ๆ ช่วงพักระหว่างทำการบ้านเราก็เล่นเน็ตไป เรื่อยเปื่อยจะหาของขวัญวันเกิดให้เพื่อนด้วยค่ะ แล้วได้พบเจอกับเว็บไซต์นึง https://www.500trends.com
ความประทับใจแรกที่เข้าไปคือ เรียบหรู ดูสบายตา แถมภาพสินค้ายังใหญ่ และเก๋มาก พูดง่ายๆคือ ดู Minimal สุดๆ พอเลื่อนๆ ดูไป ก็พบว่า สินค้าดูหลากหลายดีค่ะ มีตั้งแต่ Gadget สำหรับมือถือ เช่นพวกที่ชาร์จแบตสำรอง (Power Bank) ลำโพงบลูทูธกันน้ำเหมาะสำหรับคนที่ชอบอาบน้ำไป ฟังเพลงไปมากก (อย่างเรา ฮ่าๆ) ไปจนถึงเครื่องประดับ Accessories พวกนาฬิกา แหวน แว่นตา รองเท้า กระเป๋า ฯลฯ ดูๆแล้วสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่เป็นที่นิยม หรือฮิตกันช่วงนี้ค่ะ อ่อ! และที่สำคัญคือ เค้ามีแอพพลิเคชั่น (Application) ที่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายบนมือถือ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนสมัยนี้ที่ใช้มือถือมากกว่า คอมพิวเตอร์อีกด้วยค่ะ
ฮั่นแหน่ พิมพ์มาถึงตรงนี้เริ่มสงสัย และสนใจกันบ้างแล้วใช่มั๊ยล่ะคะ วันนี้เราเลยจะมารีวิวการใช้งาน แอพนี้ให้ชมกันค่ะ โดยเราจะรีวิวด้วยความเป็นกลางนะคะ อันไหนที่ควรปรับปรุงก็จะเขียนไว้ค่ะ ทางแบรนด์จะได้นำไปพัฒนากันต่อไป อยากเห็นประเทศไทยมีเว็บ และแอพสำหรับช้อปปิ้งดีๆ ค่ะ ^^
สำหรับคนที่เพิ่งอ่านรีวิวเราครั้งแรก สามารถตามไปอ่านรีวิว Online Shooping ของเกาหลีกันก่อนได้ นะคะตามลิงก์ด้านล่างเลย~!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Tip: สำหรับสายชม สายดู ไม่ชอบอ่านลายตา สามารถกดชมวิดีโอได้เลยค่ะ!~
สำหรับรีวิวนี้เราจะแบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกันนะคะ
1. ขั้นตอนการดาวโหลด และการใช้งาน
2. ขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้า
3. สรุปข้อดี ข้อควรปรับปรุงของแอพพลิเคชั่น
ขั้นตอนการดาวโหลด และการใช้งาน
แอพนี้สามารถดาวโหลดได้ทั้งจากมือถือ และแท็บเลตที่ใช้ระบบ iOS (Iphone, iPad) และระบบแอนดรอยด์ค่ะ ง่ายๆ ก็คือดาวโหลดเหมือนแอพพลิเคชั่นอื่นๆทั่วไปเลย หรือกดเข้าไปที่ลิงก์นี้ เพื่อดาวโหลดได้เลยค่ะ >>> https://bnc.lt/7yfh/1kuHh8rrns เมื่อดาวโหลดเสร็จเรียบร้อยแล้ว กดเข้าไปที่แอพจะเจอหน้าแรกแบบนี้ค่ะ จะกด Create Profile (ปุ่มด้านล่างขวามือ) เพื่อสร้างประวัติของเราก็จะขึ้นหน้าจอที่ 2 ขึ้นมาค่ะ หรือจะกด Sign In (ปุ่มด้านล่างซ้ายมือ) ก็จะขึ้นหน้าจอที่ 3 ขึ้นมาให้ล็อคอินเข้าสู่ระบบค่ะ แต่เราชอบแบบง่ายๆ คือพอกดเข้าแอพแล้ว จะเห็นปุ่มใหญ่สีน้ำเงินเข้มที่คุ้นเคย 555 ก็คือล็อคอินโดยใช้ข้อมูลจาก Facebook เราได้เลย
ล็อคอินเรียบร้อยก็มาสนุกกันเลยจ้า เข้ามาปุ๊บที่ตกใจมากคือ รูปแบบการจัดวางของแอพคล้ายคลึงกับ Instagram มากกก ด้วยความรู้สึกคุ้นเคยนั้นเลยทำให้เดาไม่ยากว่าแต่ละปุ่มข้างล่างมีไว้ทำอะไรบ้างค่ะ หน้าแรกจะเป็นเมนู Trending ซึ่งแตกต่างจากอินสตาแกรมก็คือ เราไม่สามารถเลื่อนหน้าจอลงมาเรื่อยๆ เพื่อชมสินค้าในแบบแนวตั้งได้ค่ะ แต่จะเป็นการสัมผัส แล้วเลื่อนไปทางซ้าย หรือขวา (Swipe) แต่พอยท์ มันอยู่ที่ว่า ถ้าเลื่อนไปทางขวา เปรียบเสมือนเรากดถูกใจสินค้านั้น ในทางกลับกัน ถ้าเลื่อนไปทางซ้าย จะเปรียบเสมือนว่าเราไม่ถูกใจสินค้านั้นค่ะ แล้วมันก็จะไม่ขึ้นมารบกวนสายตาเราอีก ฮ่าๆๆ เก๋สุดๆ
ข้อดีในส่วนของฟีเจอร์นี้ก็คือ เมื่อเจอสินค้าที่เราถูกใจ แต่ยังไม่พร้อมจะซื้อ หรือยังลังเล เพราะราคาอาจจะเกินงบที่เราคิดไว้ เราก็แค่กด Trends (เลื่อนปัดหน้าจอไปทางขวา) มาเก็บไว้ที่หน้า My Sales ของเราก่อน เมื่อสินค้าตัวนั้นถูกผู้ใช้แอพนี้กด Trends เยอะๆ ราคาสินค้าก็จะลดลง!!! ด้วยล่ะ แถมเรายังสามารถตามดูได้ด้วยว่า เพื่อนเรากด Trends สินค้าตัวไหนไว้บ้าง เผื่อจะเป็นของที่เราก็ถูกใจ ทำให้เลือกดู เลือกซื้อได้ง่ายขึ้น
อ่ะๆ ก่อนที่จะไปดูขั้นตอนการใช้งานกันมาตรวจสอบกันก่อนนะคะ ว่าเราได้เปลี่ยนที่ตั้งของร้านค้า เป็นประเทศไทยหรือยัง วิธีก็ง่ายๆเลย ไปที่ขีด 3 ขีดด้านซ้ายบนของหน้าจอ > เลือก Settings > เลือก Change Store > เลือก Thailand
ต่อด้วยเมนูที่ 2 คือ Discover (ค้นหา) คือเราสามารถเสิร์ชค้นหาประเภท หรือรูปแบบสินค้า ตามแฮชแท็กได้ แต่พอเข้าไปหน้านี้ก็จะมีแฮชแท็กเด็ดๆ ขึ้นมาให้อยู่แล้วตามภาพที่ 2 ก็สามารถกดเลือก ได้เลยค่า ส่วนเมนูที่ 3 คือ Messages ซึ่งจะบอกความเคลื่อนไหวต่างๆ เช่น มีใครกดถูกใจสินค้าตัวไหน มีใครมากดติดตามเราบ้าง ซึ่งจะ account ของคนที่ติดตามเรา หรือเราไปติดตามเค้า จะไปขึ้นที่ หน้าโพรไฟล์เรา หรือ My Sales นั่นเอง! สินค้าที่เรากดถูกใจไว้ก็เช่นกันค่ะ มันจะถูกเก็บรวบรวม แล้วไปโชว์อยู่ที่หน้า My Sales
อ่อ! ถ้าสินค้าไหนยังไม่มีการนำมาจำหน่าย เมื่อกดเข้าไปดูสินค้านั้น จะมีปุ่ม Request ขึ้นด้านล่างค่ะ ถ้าเราอยากได้ ก็กดปุ่มนั้นไป ถ้ามีจำนวนคนกดมากพอ สินค้านั้นก็จะถูกเลือกมาจำหน่าย และมีการลดราคาอย่างกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์เลยค่ะ ส่วนสินค้าชิ้นไหนถูกปลดล็อคแล้ว ก็จะขึ้นเป็นปุ่ม ADD TO CART (หยิบใส่ตะกร้า) สีแดงแทนค่ะ
ขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้า
เมื่อได้สินค้าที่อยากซื้อแล้ว ก็กดปุ่ม ADD TO CART (หยิบใส่ตะกร้า) สีแดงเลยค่ะ ระบบก็จะแสดงตัวเลือกขึ้นมาให้ เช่น เราจะซื้อเคสไอโฟนนี้ ก็จะขึ้นมาให้เลือกว่าเป็นรุ่นไหน (5/5s/6/6s) และให้เลือกจำนวนที่ต้องการสั่งซื้อ กดปุ่ม ADD TO CART (หยิบใส่ตะกร้า) ก็จะขึ้นหน้าแสดงรายละเอียด จำนวน และราคาของสินค้าที่เราจะสั่งซื้อ อ่อ! เมื่อสมัครสมาชิกเพื่อใช้งาน ครั้งแรก ทางระบบจะให้ส่วนลด 150 บาทมาแบบฟรีเลยค่ะ!!! ลดไปได้เยอะเลย หลังจากนั้นก็มาใส่ข้อมูล ที่อยู่สำหรับการจัดส่งสินค้ากันค่ะ อ่ะ!!! ใครซื้อสินค้าที่เสี่ยงต่อการตกแตกนี่ไม่ต้องกังวลเลยนะคะ เพราะเค้าใช้การจัดส่งโดยพนักงานส่งสินค้าค่ะ (ไม่ได้ใช้บริการไปรษณีย์ไทย อุ๊บส์ เค้าป่าวพิมพ์นะ มือลั่นเฉยๆ)
หลังจากนั้นก็ถึงขั้นตอนการกรอกที่อยู่ เริ่มจาก Label คือการระบุประเภทของสถานที่ปลายทาง (เช่น บ้าน,ออฟฟิศ ฯลฯ) ตามด้วยชื่อ นามสกุล และที่อยู่ที่ต้องการให้ไปส่ง โดยในส่วนของที่อยู่นี้ ระบุแค่เลขที่ ถนน แขวง และเขต ส่วนจังหวัด ประเทศ และรหัสไปรษณีย์นั้นกรอกในช่อง City, Country, Zip Code ตามลำดับค่ะ อ่อ! และอย่าลืมกด Default Shipping Address น้า (เลื่อนให้มันขึ้นสีส้มตามรูปด้านบน) เพื่อให้ระบบได้บันทึกที่อยู่นี้ไว้ คราวหน้าที่ต้องการสั่งซื้อสินค้าอีก จะได้ไม่ต้องเสียเวลากรอกที่อยู่อีก พอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กด Add this address ระบบก็จะกลับมาหน้าสรุปรายละเอียดการสั่งซื้ออีกครั้ง ตรวจสอบอีกรอบ เสร็จแล้วก็กด CHECKOUT เพื่อไปสู่ขั้นตอนสุดท้าย คือการจ่ายเงินเลย
***หมายเหตุ: หลายคนอาจพบปัญหาในกรณีที่ที่อยู่มีความยาวเกิน 38 ตัวอักษร จะต้องนำส่วนที่เกินมา พิมพ์เพิ่มเติมในช่อง Address 2 นะจ๊ะ มิฉะนั้นระบบจะ Error ไม่ให้ไปต่อ***
ระบบจ่ายเงินของแอพนี้มีให้เลือก 4 แบบค่ะ คือ จ่ายเงินผ่าน Paypal (สำหรับคนมี Account Paypal อยู่แล้วอย่างเรา วิธีนี้สะดวกที่สุดๆค่ะ) โอนเงินผ่านธนาคาร จ่ายด้วยบัตรเครดิต และจ่ายเงินกับพนักงานส่งสินค้าของบริษัทเมื่อของมาส่งถึงบ้านค่ะ!!! (Cash on Delivery) ทางแอพเคลมว่าสินค้าจะส่งถึงภายใน 1-3 วันค่ะ ขึ้นอยู่กับที่อยู่จัดส่ง (อย่างกทม. ก็ภายใน 1 วันทำการ) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสินค้าแต่ละตัวด้วย ซึ่งในหน้ารายละเอียดสินค้าจะมีระบุอยู่ค่ะว่าใช้เวลาในการจัดส่งกี่วัน
ส่วนลด 150 บาทที่ได้ในครั้งแรกที่ใช้งานแอพนั้น เราสามารถรับส่วนลดเพิ่มเติมได้อีกค่ะ โดยการแชร์โค้ดส่วนลดไปให้เพื่อนๆ ผ่านทาง Social Network ต่างๆ (เช่น Facebook) โดยกดที่ขีดสามขีดมุมบนซ้ายมือ แล้วเลือก My Voucher Code แล้วกดแชร์ไปเลยค่า ง่ายนิดเดียว หรือจะจำโค้ดไปบอกต่อเพื่อนๆก็ได้ค่ะ เพื่อนก็ได้ลด เราก็ได้ลด วินวิน เย่! เพื่อนๆสามารถนำโค้ดของเรา Bewitchbewty ไปใช้ลด 150 บาทได้เลยค่า
สรุปข้อดี ข้อควรปรับปรุงของแอพพลิเคชั่น
สุดท้ายมาดูสรุปข้อดี และข้อสิ่งที่แอพนี้ควรปรับปรุงกันบ้างดีกว่า
วันนี้ก็หวังว่าเพื่อนๆ จะได้เรียนรู้แอพที่น่าสนใจอันใหม่นี้ไปพร้อมๆกันนะคะ แต่จากการอ่าน และรับชมสิ่งที่เรานำเสนออย่างเดียวนั้นคงไม่พอแน่นอน ต้องได้ Experience เองถึงจะรู้เนอะ ว่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองไหม บางทีอาจจะติดใจจนไม่อยากออกไปเดินช้อปปิ้งตามห้าง ตามท้องถนนแบบเราก็เป็นได้ ^^
อย่าลืมนะคะ เข้าไปดาวน์โหลดกันง่ายๆเลยที่ >>> https://bnc.lt/7yfh/1kuHh8rrns <<< แล้วเจอกันใหม่กระทู้น้าจ้า บ๊ายยย~!