“Angry Birds” เป็นเกมแนว Puzzle บน Platform Smartphone ที่พัฒนาโดยบริษัท
“Rovio Entertainment” จากฟินแลนด์ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2553 บน iOS และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ด้วยตัวเกมที่สวยงาม เข้าใจง่าย และเล่นสนุก ความสำเร็จทำให้มีการสร้างเกมภาคต่อมาเรื่อยๆ รวมถึงเปิดตัวใน Android และระบบปฏิบัติการอื่นๆ ซึ่งก็ได้รับความนิยมในทุก OS เช่นกัน Angry Birds เติบโตมาในช่วงที่ Smartphone เริ่มได้รับความนิยม ความยิ่งใหญ่ของ Angry Birds ในช่วงนั้น ถึงขนาดมีหลายคนตัดสินใจที่จะซื้อ Smartphone เพียงเพื่อจะได้เล่น Angry Birds เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม วงการ Smartphone นั้นพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน เพียงเวลาไม่นานก็มีอีกหลายเกมที่เปิดตัวบน Platform นี้ คนก็แห่แหนกันไปเล่นเกมอื่น และทุกๆ ปี (หรืออาจจะแทบทุกเดือน) ก็มีเกมใหม่ที่มาดึงความสนใจไปจากเกมเดิมเสมอ จนปัจจุบันเราแทบจะหาเกมบน Smartphone ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องเกิน 1 ปี ได้ยากเต็มที Angry Birds ก็เช่นเดียวกัน ปัจจุบันเกมยังคงขายอยู่ใน Store ของทั้ง iOS และ Android มีการพัฒนาเกมภาคใหม่ออกมาเรื่อยๆ รูปแบบวิธีการเล่นแบบใหม่ แต่ก็เช่นเดียวกับ Fruit Ninja หรือ Temple Run ที่ปัจจุบันไม่มีใครเขาฮิตกันแล้ว นับกันจริงๆ แล้ว Angry Birds มีช่วงรุ่งโรจน์อยู่อาจไม่เกิน 2 ปีด้วยซ้ำ ประมาณ พ.ศ.2553-2555 (แต่ก็อาจถือว่านานอยู่เมื่อเทียบกับเกมสมัยนี้)
นั่นจึงกลายเป็นปัญหาขึ้นมา เพราะกว่าที่
“The Angry Birds Movie” จะออกมาให้เราชมกันในปี 2559 จนถึงตอนนี้
“Angry Birds” ก็กลายเป็นเกมที่เก่าไปแล้วในความรู้สึกของผู้คน แต่ขณะเดียวกันถ้าจะเทียบกับพวกเกมคลาสสิคอย่างเกมในยุค Arcade แล้ว Angry Birds ก็ยังถือว่าใหม่เกินไปกว่าที่จะเป็นความทรงจำของใครหลายคน สภาพจะใหม่ก็ไม่ใช่จะเก่าก็ไม่เชิง ส่งผลให้
“The Angry Birds ” ดูจะไม่ดึงดูดเราเท่าไหร่นักในแรกเห็น
ตัวหนังเองก็ดูจะเข้าใจข้อจำกัดนี้อยู่บ้าง จึงพยายามสร้างหนังโดยเน้นกลุ่มเป้าหมายวัยเยาว์เป็นหลัก นัยว่าเพื่อ Play-safe ไว้ก่อน ตัวหนังจึงออกมาในเชิงที่น่ารักสดใส มีเนื้อเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย มีข้อคิดแทรกอยู่บ้างไม่ให้ดูกลวงเกินไป และมีภาพที่สีสันสวยงาม ซึ่งส่วนหนึ่งต้องขอบคุณคาแรกเตอร์ต้นแบบจากเกมส์ที่ออกแบบได้น่ารักอยู่แล้ว เมื่อมาอยู่ในหนังก็ยังคงความน่ารักแบบนั้นไว้เช่นเดิม ที่สำคัญเมื่อเทียบกับหนังจากเกมด้วยกัน The Angry Birds Movie เป็นหนังที่ดึงเอาเอกลักษณ์จากตอนเป็นเกมมาใช้ได้อย่างคุ้มค่าและใช่มากที่สุด
ทุกอย่างที่เราเคยเจอในการเล่นเกม Angry Birds ไม่ว่าจะเป็นต้นเหตุของเรื่อง นกประเภทต่างๆ ที่ใช้ในเกม พลังแต่ละแบบ จะนกโกรธ นกบูมเมอแรง นกระเบิด นกเร็ว ฯลฯ ทุกอย่างมีอยู่ในหนังเรื่องนี้อย่างครบถ้วน ใครที่เคยเล่นเกมมานะจดจำรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาจเพราะ
“Rovio” ผู้พัฒนาเกม เป็นคนพัฒนาหนังเรื่องนี้เองโดยตรง จึงเข้าใจเกมได้เป็นอย่างดี (อาจจะเป็น Trend ใหม่ขณะนี้ เมื่อบริษัทเกมเริ่มโดดมาทำหนังเองมากขึ้น)
แต่ก็นั่นแหละ ถ้าหนังมาเร็วกว่านี้สัก 2-3 ปี เราคงสามารถฟินกับหนังได้มากกว่านี้ แต่เมื่อหนังดันมาตอนนี้ มันก็สายไปเสียแล้ว การที่หนังเลือก Playsafe ในการเดินเรื่อง ทำให้แม้หนังจะถ่ายทอดความเป็นเกมได้ดี แต่ก็เป็นเพียงหนังที่ดูเพลินๆ เรื่องหนึ่งเท่านั้น ยังไม่สามารถสร้างความน่าจดจำในแง่ของการเป็นหนังขึ้นมาได้
ยุค Smartphone ก็แบบนี้แหละ ดังเร็ว และก็สามารถดับไปในเวลาอันรวดเร็ว
[CR] [REVIEW] THE ANGRY BIRDS MOVIE – ช้าไปไหมเธอ
“Angry Birds” เป็นเกมแนว Puzzle บน Platform Smartphone ที่พัฒนาโดยบริษัท “Rovio Entertainment” จากฟินแลนด์ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2553 บน iOS และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ด้วยตัวเกมที่สวยงาม เข้าใจง่าย และเล่นสนุก ความสำเร็จทำให้มีการสร้างเกมภาคต่อมาเรื่อยๆ รวมถึงเปิดตัวใน Android และระบบปฏิบัติการอื่นๆ ซึ่งก็ได้รับความนิยมในทุก OS เช่นกัน Angry Birds เติบโตมาในช่วงที่ Smartphone เริ่มได้รับความนิยม ความยิ่งใหญ่ของ Angry Birds ในช่วงนั้น ถึงขนาดมีหลายคนตัดสินใจที่จะซื้อ Smartphone เพียงเพื่อจะได้เล่น Angry Birds เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม วงการ Smartphone นั้นพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน เพียงเวลาไม่นานก็มีอีกหลายเกมที่เปิดตัวบน Platform นี้ คนก็แห่แหนกันไปเล่นเกมอื่น และทุกๆ ปี (หรืออาจจะแทบทุกเดือน) ก็มีเกมใหม่ที่มาดึงความสนใจไปจากเกมเดิมเสมอ จนปัจจุบันเราแทบจะหาเกมบน Smartphone ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องเกิน 1 ปี ได้ยากเต็มที Angry Birds ก็เช่นเดียวกัน ปัจจุบันเกมยังคงขายอยู่ใน Store ของทั้ง iOS และ Android มีการพัฒนาเกมภาคใหม่ออกมาเรื่อยๆ รูปแบบวิธีการเล่นแบบใหม่ แต่ก็เช่นเดียวกับ Fruit Ninja หรือ Temple Run ที่ปัจจุบันไม่มีใครเขาฮิตกันแล้ว นับกันจริงๆ แล้ว Angry Birds มีช่วงรุ่งโรจน์อยู่อาจไม่เกิน 2 ปีด้วยซ้ำ ประมาณ พ.ศ.2553-2555 (แต่ก็อาจถือว่านานอยู่เมื่อเทียบกับเกมสมัยนี้)
นั่นจึงกลายเป็นปัญหาขึ้นมา เพราะกว่าที่ “The Angry Birds Movie” จะออกมาให้เราชมกันในปี 2559 จนถึงตอนนี้ “Angry Birds” ก็กลายเป็นเกมที่เก่าไปแล้วในความรู้สึกของผู้คน แต่ขณะเดียวกันถ้าจะเทียบกับพวกเกมคลาสสิคอย่างเกมในยุค Arcade แล้ว Angry Birds ก็ยังถือว่าใหม่เกินไปกว่าที่จะเป็นความทรงจำของใครหลายคน สภาพจะใหม่ก็ไม่ใช่จะเก่าก็ไม่เชิง ส่งผลให้ “The Angry Birds ” ดูจะไม่ดึงดูดเราเท่าไหร่นักในแรกเห็น
ตัวหนังเองก็ดูจะเข้าใจข้อจำกัดนี้อยู่บ้าง จึงพยายามสร้างหนังโดยเน้นกลุ่มเป้าหมายวัยเยาว์เป็นหลัก นัยว่าเพื่อ Play-safe ไว้ก่อน ตัวหนังจึงออกมาในเชิงที่น่ารักสดใส มีเนื้อเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย มีข้อคิดแทรกอยู่บ้างไม่ให้ดูกลวงเกินไป และมีภาพที่สีสันสวยงาม ซึ่งส่วนหนึ่งต้องขอบคุณคาแรกเตอร์ต้นแบบจากเกมส์ที่ออกแบบได้น่ารักอยู่แล้ว เมื่อมาอยู่ในหนังก็ยังคงความน่ารักแบบนั้นไว้เช่นเดิม ที่สำคัญเมื่อเทียบกับหนังจากเกมด้วยกัน The Angry Birds Movie เป็นหนังที่ดึงเอาเอกลักษณ์จากตอนเป็นเกมมาใช้ได้อย่างคุ้มค่าและใช่มากที่สุด
ทุกอย่างที่เราเคยเจอในการเล่นเกม Angry Birds ไม่ว่าจะเป็นต้นเหตุของเรื่อง นกประเภทต่างๆ ที่ใช้ในเกม พลังแต่ละแบบ จะนกโกรธ นกบูมเมอแรง นกระเบิด นกเร็ว ฯลฯ ทุกอย่างมีอยู่ในหนังเรื่องนี้อย่างครบถ้วน ใครที่เคยเล่นเกมมานะจดจำรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาจเพราะ “Rovio” ผู้พัฒนาเกม เป็นคนพัฒนาหนังเรื่องนี้เองโดยตรง จึงเข้าใจเกมได้เป็นอย่างดี (อาจจะเป็น Trend ใหม่ขณะนี้ เมื่อบริษัทเกมเริ่มโดดมาทำหนังเองมากขึ้น)
แต่ก็นั่นแหละ ถ้าหนังมาเร็วกว่านี้สัก 2-3 ปี เราคงสามารถฟินกับหนังได้มากกว่านี้ แต่เมื่อหนังดันมาตอนนี้ มันก็สายไปเสียแล้ว การที่หนังเลือก Playsafe ในการเดินเรื่อง ทำให้แม้หนังจะถ่ายทอดความเป็นเกมได้ดี แต่ก็เป็นเพียงหนังที่ดูเพลินๆ เรื่องหนึ่งเท่านั้น ยังไม่สามารถสร้างความน่าจดจำในแง่ของการเป็นหนังขึ้นมาได้
ยุค Smartphone ก็แบบนี้แหละ ดังเร็ว และก็สามารถดับไปในเวลาอันรวดเร็ว
https://www.facebook.com/iamzeawleng/