ลองเข้าไปดูนะคะ😱😱😱😱😱...
https://www.facebook.com/theAsianparentTH/posts/1208485089162955
คุณแม่เล่าว่า วันเกิดเหตุนั้น คุณแม่ไปรับส่งลูกที่โรงเรียนตามปกติ แต่ในวันั้นรถติดมาก ทำให้คุณแม่ไปรับลูกช้า ซึ่งปกติโรงเรียนจะอนุญาตให้ผู้ปกครองมารับเด็กกลับบ้านได้ในเวลา 14.35 น. แต่ในวันนั้นคุณแม่ไปถึงตอน 14.50 น.
เมื่อถึงโรงเรียน คุณแม่ก็ให้คุณยายลงไปรับหลาน โดยใช้บัตรรับนักเรียนที่ผู้ปกครองทุกคนจะต้องมี จากนั้นประมาณ 5 นาที ยายโทรมาบอกว่า “น้องน้ำชา มีคนรับไปแล้ว มาด่วนเลย” แม่ถามครูที่มีหน้าที่ส่งเด็ก บอกมีผู้ชายแก่มารับไป แต่ปกติแม่เป็นคนส่ง-รับคนเดียวทุกวัน ไม่เคยให้ใครมารับแทน มีบุคลากรของโรงเรียน 6-7 คน ทำหน้ามึนงง ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าใครรับเด็กไป
เมื่อคุณแม่ถามว่าทำไมคุณครูไม่ตรวจสอบ ครูบอกว่าถามน้องแล้วว่าคนนี้ใช่หรือไม่ เด็กบอกว่าใช่ แต่ครูไม่ได้ดูป้ายว่าใช่จริงหรือไม่ เมื่อขอดูกล้องวงจรปิดครูก็บอกให้แม่ใจเย็น ๆ ขอให้รอหัวหน้า ซึ่งในตอนนั้นคนเป็นแม่รอไม่ได้แล้ว ใจมันเหมือนจะขาดให้ได้ จนหัวหน้ามาถึงได้เปิดกล้องวงจรปิดให้ดู พบว่าคนที่รับน้องน้ำชาไป เป็นชายแก่รูปร่างท้วม อายุประมาณ 65-70 ปี เดินขากะเผลกช้า ๆ
เวลา 17.30 น. เสียงวอในห้องดังขึ้นว่าเจอน้องแล้ว หลังจากสอบถามคุณตาที่รับไป บอกว่า หลานตาชื่อพัดชา แล้วตัดผมทรง ดียวกันกับน้ำชา พอครูมาส่งก็ไม่ได้มองหน้าหลาน จับมือเดินออกไปเลย แล้วไปรับพี่สาวของน้องอีกโรงเรียนหนึ่ง พี่สาวเดินขึ้นรถมาบอกตาว่า “นี่ไม่ใช่น้องหนู” คุณตาจึงรีบนำกลับมาส่งที่เดิม
จากกรณีนี้ ผู้อำนวยการโรงเรียนได้กล่าวขอโทษและขอยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว และจะปรับการรับนักเรียนให้เข้มงวดขึ้น แต่ทางโรงเรียนไม่ได้แจ้งว่าจะรับผิดชอบยังไงกับเหตุการณ์ครั้งนี้
คุณแม่จึงอยากแชร์เรื่องราวดังกล่าวไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับทางโรงเรียนได้ควรสละเวลาเพียงน้อยนิดเพื่อตรวจสอบรายละเอียดให้มั่นใจก่อนที่จะปล่อยเด็กออกไป
ทางโรงเรียนต้องมีความรอบครอบมากกว่านี้
ส่วนตัวนะ ..
ตั้งแต่ลูกจะไปเรียน เรียนซัมเมอร์
สามีเราก็ทำ...
ใส่ไว้ในกระเป๋าลูกทุกวันเพราะคุณครูต้องเปิดดูอยู่แล้วก่อนหน้านั้นก็บอกคุณครูก่อน
"อาจเวอร์ไปนิด...แต่เพื่อความสบายใจ😊"
อ่านข่าววันนี้ หดหู่..แม่แทบขาดใจเมื่อโรงเรียนปล่อยลูกไปกับคนอื่น!!
https://www.facebook.com/theAsianparentTH/posts/1208485089162955
คุณแม่เล่าว่า วันเกิดเหตุนั้น คุณแม่ไปรับส่งลูกที่โรงเรียนตามปกติ แต่ในวันั้นรถติดมาก ทำให้คุณแม่ไปรับลูกช้า ซึ่งปกติโรงเรียนจะอนุญาตให้ผู้ปกครองมารับเด็กกลับบ้านได้ในเวลา 14.35 น. แต่ในวันนั้นคุณแม่ไปถึงตอน 14.50 น.
เมื่อถึงโรงเรียน คุณแม่ก็ให้คุณยายลงไปรับหลาน โดยใช้บัตรรับนักเรียนที่ผู้ปกครองทุกคนจะต้องมี จากนั้นประมาณ 5 นาที ยายโทรมาบอกว่า “น้องน้ำชา มีคนรับไปแล้ว มาด่วนเลย” แม่ถามครูที่มีหน้าที่ส่งเด็ก บอกมีผู้ชายแก่มารับไป แต่ปกติแม่เป็นคนส่ง-รับคนเดียวทุกวัน ไม่เคยให้ใครมารับแทน มีบุคลากรของโรงเรียน 6-7 คน ทำหน้ามึนงง ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าใครรับเด็กไป
เมื่อคุณแม่ถามว่าทำไมคุณครูไม่ตรวจสอบ ครูบอกว่าถามน้องแล้วว่าคนนี้ใช่หรือไม่ เด็กบอกว่าใช่ แต่ครูไม่ได้ดูป้ายว่าใช่จริงหรือไม่ เมื่อขอดูกล้องวงจรปิดครูก็บอกให้แม่ใจเย็น ๆ ขอให้รอหัวหน้า ซึ่งในตอนนั้นคนเป็นแม่รอไม่ได้แล้ว ใจมันเหมือนจะขาดให้ได้ จนหัวหน้ามาถึงได้เปิดกล้องวงจรปิดให้ดู พบว่าคนที่รับน้องน้ำชาไป เป็นชายแก่รูปร่างท้วม อายุประมาณ 65-70 ปี เดินขากะเผลกช้า ๆ
เวลา 17.30 น. เสียงวอในห้องดังขึ้นว่าเจอน้องแล้ว หลังจากสอบถามคุณตาที่รับไป บอกว่า หลานตาชื่อพัดชา แล้วตัดผมทรง ดียวกันกับน้ำชา พอครูมาส่งก็ไม่ได้มองหน้าหลาน จับมือเดินออกไปเลย แล้วไปรับพี่สาวของน้องอีกโรงเรียนหนึ่ง พี่สาวเดินขึ้นรถมาบอกตาว่า “นี่ไม่ใช่น้องหนู” คุณตาจึงรีบนำกลับมาส่งที่เดิม
จากกรณีนี้ ผู้อำนวยการโรงเรียนได้กล่าวขอโทษและขอยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว และจะปรับการรับนักเรียนให้เข้มงวดขึ้น แต่ทางโรงเรียนไม่ได้แจ้งว่าจะรับผิดชอบยังไงกับเหตุการณ์ครั้งนี้
คุณแม่จึงอยากแชร์เรื่องราวดังกล่าวไว้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับทางโรงเรียนได้ควรสละเวลาเพียงน้อยนิดเพื่อตรวจสอบรายละเอียดให้มั่นใจก่อนที่จะปล่อยเด็กออกไป
ทางโรงเรียนต้องมีความรอบครอบมากกว่านี้
ส่วนตัวนะ ..
ตั้งแต่ลูกจะไปเรียน เรียนซัมเมอร์
สามีเราก็ทำ...
ใส่ไว้ในกระเป๋าลูกทุกวันเพราะคุณครูต้องเปิดดูอยู่แล้วก่อนหน้านั้นก็บอกคุณครูก่อน
"อาจเวอร์ไปนิด...แต่เพื่อความสบายใจ😊"