สามีเป็นชาวต่างชาติ คบหากันมา 13 ปี แต่งงานมานาน 7 ปี ตอนย้ายมาอยู่ที่เมืองไทยสามีได้ขายบ้านที่ประเทศอังกฤษเพื่อมาซื้อบ้านอยู่ด้วยกันที่เมืองไทย หลังจากนั้นได้ซื้อบ้านอีก 3 หลัง เพื่อปล่อยเช่า ใส่ชื่อดิฉัน โดยดิฉันมีหน้าที่หาบ้าน ซื้อบ้าน ปรับปรุงบ้าน หาผู้เช่า
ค่าเช่าที่ได้ก็เอามาใช้จ่ายในครอบครัว ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร อินเตอร์เน็ต เคเบิ้ล ค่าเทอมลูก(ลูกติดดิฉัน) .....(สามีมิได้ให้เงินดิฉันรายเดือนหรือออกค่าใช้จ่ายภายในบ้านนอกจากค่ากับข้าวของเขาที่เป็นอาหารฝรั่งค่ะ)

ต่อมาห้าปี การเงินเริ่มมีปัญหารายได้ส่วนตัวของเขาลดลง เขามีเงินไม่พอใช้ส่วนตัว เอาบัตรเครดิตที่ดิฉันเปิดเสริมให้ไปรูดยอดตอนนี้แสนกว่า ตัวดิฉันก็เริ่มหาลู่ทางหารายได้ไปขับรถพาลูกค้าไปทัวร์บ้าง แล้วแต่คนจ้าง มีพี่ที่ขับรถอยู่คอยส่งงานให้โดยแบ่งเปอร์เซ็นให้เขา หลังจากนั้นไม่นานมีคนในหมู่บ้านมาเสนอขายบ้านให้ดิฉันเห็นราคาไม่แพงเลยไปกู้บ้านอีกหนึ่งหลังเพื่อปล่อยเช่าโดยนำเงินค่าเช่ามาจ่ายธนาคาร

ดิฉันเริ่มไปปฏิบัติธรรม เที่ยวแบบประหยัด หาความสุขกับชีวิตโดยใช้เงินให้น้อยที่สุด ล่าสุดไปปฏิบัติธรรมที่ปราจีนบุรีและได้เลยไปเยี่ยมหลานที่เพิ่งคลอดลูกที่พัทยา ชวนสามีให้ไปเที่ยวทะเลด้วยกันเขาก็ไม่ยอมมา พอดิฉันไปได้สองวัน เขาก็โทรมาด่าให้กลับบ้านถ้าไม่กลับวันนี้เราเลิกกัน ดิฉันกลับไม่ได้เพราะบ่ายสามโมงเย็นแล้วไปไม่ทันหรอกค่ะ (บ้านอยู่เชียงใหม่ค่ะ) ได้กลับอีกวันตอนเย็น (ก่อนกำหนดกลับเดิมสองวัน)
พอกลับไปที่บ้านสามีไม่ให้เข้าบ้าน นอกจากดิฉันจะยอม เซ็นยกทุกอย่างคืนให้เขา พอดิฉันไม่ยอมเขาก็เลยให้ออกมา (พร้อมลูก) ดิฉันออกมาได้ สองอาทิตย์เขาโทรมาง้อทุกวัน ดิฉันเลยกลับไปบ้าน กลับไปได้ไม่ถึงวันไปเจอ....... เลยรู้ว่าเขาซื้อผู้หญิงกลางคืนมานอนที่บ้านตอนที่เราไม่อยู่  เขาอ้างว่าเมา ไม่ได้ตั้งใจ (สามีเป็นแอลกอฮอล์ลิก ด้วยค่ะ)

ปัจจุบันออกมาเช่าอพาร์ทเม้นอยู่กับลูกสองคน อยู่ได้ด้วยรายได้จากค่าเช่า (แต่ก็ไม่ค่อยพอ เป็นหนี้บัตรเครดิตอีก)

เขาโทรมาขู่เรื่องทนายทุกวัน ดิฉันต้องทำยังไงดีค่ะ?? ความจริงไม่อยากจ้างทนาย แต่สามีไม่ยอมแบ่ง ครึ่งๆ เขาต้องการมากกว่า เขาบอกว่าเป็นเงินเขา

เราต้องทำยังไงดีค่ะ ? ดิฉันเป็นคนอ่อน ๆ ยอมรับว่ากลัวเขาอยู่มากเลยค่ะ ไม่อยากมีปัญหา หรือ ทะเลาะ