***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี  ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................


ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น



เมื่อวาน MC นู๋สร้างชาติกล่าวถึงวันสำคัญของวันวิสาขบูชา นั่นคือ เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน
วันนี้เลยจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักต้นไม้ที่มีความสำคัญต่อชาวพุทธ นั่นคือต้นสาละและต้นโพธิ์ค่ะ วันนี้ไปชมต้นสาละกันก่อน

ต้นสาละ คือไม้ในพุทธประวัติที่ปรากฏอยู่ในเหตุการณ์สำคัญ ๒ ตอน นั่นคือ ในคราวที่พระนางสิริมหามายามีพระประสูติการเจ้าชายสิทธัตถะ พระนางได้ประทับอยู่ใต้ต้นสาละ และเมื่อคราวเสด็จปรินิพพาน พระพุทธองค์ได้ประทับอยู่ใต้ต้นสาละเช่นเดียวกับตอนประสูติ

เนื่องจากมักมีความสับสนและเข้าใจผิดๆ กับต้นสาละ เวลาเพื่อนๆ ไปวัด คงเคยเห็นดอกสาละสีแดงสวยสดใส แล้วคิดว่านี่คือต้นสาละในพุทธประวัติ ซึ่งที่จริงแล้วเรียกสาละเหมือนกัน แต่ไม่ใช่สาละที่พระพุทธเจ้าประสูติและปรินิพพานค่ะ

ต้นสาละ มี 2 ประเภท

1. สาละอินเดีย หรือสาละใหญ่ บางทีเรียก มหาสาละ หรือต้นซาล ต้นสาละนี้แหละค่ะที่ตามประวัติบอกว่าพระพุทธเจ้าทรงประสูติและดับขันธ์ปรินิพพานใต้ต้นสาละ

สาละอินเดียมีถิ่นกำเนิดจากเนปาลหรือตอนเหนือของอินเดีย มีประโยชน์มาก ชาวอินเดียนำมาสร้างบ้านเรือน ต่อเรือ ทำเกวียน ทำไม้หมอนรถไฟ ทำสะพาน รวมถึงทำเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เป็นต้น ส่วนเมล็ดนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ และน้ำมันที่ได้จากเมล็ดนำมาทำอาหาร เช่น ทำเนย และใช้เป็นน้ำมันตะเกียง รวมทั้งใช้ทำสบู่ด้วย

สรรพคุณด้านสมุนไพรของต้นสาละ พบว่ายาง สามารถใช้เป็นยาสมานแผล ยาห้ามเลือด ใช้แก้โรคผิวหนัง ตุ่มพุพอง โรคซิฟิลิส โกโนเรีย วัณโรค โรคท้องร่วง บิด โรคหูอักเสบ เป็นต้น ผล ใช้แก้โรคท้องเสีย ท้องร่วง เป็นต้น  

  

กลีบดอกสีขาวอมเหลือง มีกลิ่นหอม





2. สาละลังกา หรือลูกปืนใหญ่ ไม่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ แต่เรามักเข้าใจผิดว่าเป็นสาละประเภทนี้

สาละลังกามีต้นกำเนิดจากอเมริกาใต้ พวกบราซิล เปรู ในสมัยโบราณปลูกกันมากในศาสนสถานของ ฮินดูเพื่อบูชาเทพฯ คนไทยไม่รู้ถิ่นที่มาเลยคิดว่าเป็นสาละอินเดีย



คนลังกาเชื่อว่าดอกของต้นไม้ชนิดนี้เปรียบได้กับที่แท่นที่ประทับของพระพุทธเจ้าในคราวที่เสด็จปรินิพพาน ส่วนเกสรคล้ายกับสาวกที่ล้อมเฝ้าอยู่ นอกจากนี้คนลังกายังนิยมนำมาบูชาพระด้วย




เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาถึงยังร่มเงาของใต้ต้นสาละใหญ่คู่หนึ่งในชนบทของเมืองกุสินารา จึงทรงโปรดให้พระอานนท์ปูลาดอาสนะลง เพื่อจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ปัจจุบันบริเวณนั้นความเป็นป่าได้สูญไปหมดแล้ว ทางการของอินเดียได้สร้างอาคารขึ้นยังสถานที่ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดที่พระพุทธองค์ปรินิพพาน และปลูกต้นสาละขึ้นใหม่ในอุทยานแห่งนี้




เปรียบเทียบชัดๆ อีกครั้งค่ะ

สาละอินเดียในพุทธประวัติ คล้ายต้นรัง (ภาพหน้าแล้ง)                 สาละลังกา หรือต้นลูกปืนใหญ่
      

เมื่อเราทราบดังนี้แล้วก็จะได้ช่วยกันเผยแพร่ และแก้ไขความเข้าใจ เป็นวิทยาทานต่อไปค่ะ


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพประกอบ
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=4391.0
http://www.watsai.net/sal_tree.php
http://www.museum-press.com/content--4-5600-95575-1.html


...........................................................



พระพุทธเจ้า [เพลงประกอบละครซีรีส์ พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก]

https://www.youtube.com/watch?v=R0V6eiIrbkY


วันที่ฟ้าเริ่มส่องแสง สำแดงให้เห็นเป็นคำถาม
เกิดแก่เจ็บตายซ้ำ วนเวียนจนเห็นความเป็นไป
ทุกสิ่งกำเนิดนั้น สถิตสถานตั้งอยู่ไว้
ถึงวันแตกสลาย ดับสิ้นไปไม่มั่นคง

จากเจ้าชายสุขล้นฟ้า ทิ้งทุกสิ่งมาเข้าป่าดง
ทิ้งอบายแห่งใหลหลง บำเพ็ญทุกรกิริยา
เข็ญกายจนหิวโหย ทรุดโทรมร่วงโรยเวทนา
แล้วจึงได้รู้ว่า ไม่ใช่หนทางสว่างเลย
พระองค์ทรงค้นพบ การเวียนจบของจักรวาล
หนทางที่จะว่ายผ่าน วัฏสงสารอันปลดปลง

สายพิณที่ดีดนั้น ถ้าปล่อยให้มันเริ่มหย่อนลง
ละเลยและลืมหลง จะคงสำเนียงเป็นพิณไหม
และสายพิณที่ตั้งขึง ถ้าบิดให้ตึงจนมากไป
ถึงคราวดีดเล่นสาย คงขาดผึงไปในไม่นาน

..พระองค์ทรงค้นพบ การเวียนจบของจักรวาล
หนทางที่จะว่ายผ่าน วัฏสงสารอันปลดปลง
..หนทางแห่งพุทธะ คือหลีกลดละในโลภหลง
และมิใช่อย่างฝุ่นผง ที่ปล่อยล่องลอยไปวันวัน
หนทางแห่งพุทธะคือทางสายกลางอันเบิกบาน
ให้อยู่กับคืนวัน คือปัจจุบันอันตื่นรู้