หลังจากที่กระแสวิจารณ์ส่วนใหญ่หนังเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นไปไปทางที่ไม่ค่อยดีนัก ส่วนตัวหนังเรื่องนี้ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ ฉาก CG สวย ใหญ่ เนียน แม้จะมีติดขัดบ้างนิดหน่อย แต่โดยรวมก็ดีทีเดียว บทก็มีการบอกทีมาทีไป ตอนจบก็ค่อนข้างที่จะรับได้ในระดับหนึ่ง
เครดิต :
http://heroichollywood.com/wp-content/uploads/2016/04/maxresdefault-2.jpg
หนังจะเน้นปูเรื่องที่เป็นลักษณะทางตรง ไหลไปเรื่อย ๆ ตามท้องเรื่อง แต่ก็ไม่ใช่ว่าหนังไม่ได้เล่นกับอารมณ์ทางสังคม แต่ไม่ได้แสดงชัดเจนจนทุกคนมองเห็นมัน ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการแทรกมาทุก ๆ การเดินเรื่องไม่ว่าจะเป็นสังคมมนุษย์ในยุคนั้นเป็นอย่างไร สังคมของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ การยอมรับได้สังคม การโดนมองจากมุมมองต่าง ๆ ค่อนข้างที่ต้องคิดในระหว่างดู เพราะไม่ได้ออกมาโต้ง ๆ เป็นฉาก ๆ แต่แทรกไว้ระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่า
ส่วนฉากแอคชั่นนั้น เอาตรงๆ เรื่องการกระจายบทหรือความอลังการของลูกเล่นใช้พลัง X-Men: Days of Future Past ทำได้ดีกว่า ส่วนถ้าเทียบกับ Captain America: Civil War แอคชันของ X-Men Apocalypse ค่อนข้างน้อยกว่ามากซึ่งจริงๆ แล้ว X-Men ทุกภาคก็จะแอคชั่นประมาณนี้นะ ไม่ได้ตูมเดียวใหญ่ แต่มาแบบให้ทุกตัวใช้พลังนิด ๆ หน่อย ๆ ซึ่งต่างจาก Cap ค่อนข้างทำหนังเรื่องนี้ออกมาได้ปังกว่าทุกภาคที่ผ่านมา เอาง่าย ๆ คงจะดีที่สุดเลยล่ะ แอคชันเรื่อง Cap นี้กินแอคชั่นหนังฮีโร่ทุกเรื่อง ไม่แปลกหากเทียบกับ X-Men คงอ่อนกว่าจริงๆ ในการทำบทหนังแอคชัน แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดที่เสียดายตังหรอกนะ
จริง ๆ แล้วหนังค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับการเล่าที่มาที่ไปเป็นส่วนใหญ่ ก็ถือว่าเป็นของดีของเสียของแต่ละเรื่องอ่ะนะ ไม่เล่าก็ดูเรื่องยากสำหรับคนไม่ได้ตามจริงๆ จังๆ เพราะกว่าหนังจะออกก็ต้องไปทำการบ้านมา ใครไม่ทำก็ดูลำบาก ส่วนใครเป็นแฟนหนังก็คงเบื่อว่า เล่าย้อนอีกหลัง จริง ๆ ตัวหนังก็คงเนื้อเรื่องหลักไว้อยู่นะ ซึ่งจริง ๆ ธีมของหนังหรือแนวทางการดำเนินเรื่องมันปรากฎชัดเจนจากตอนเริ่มแรกของหนังอยู่แล้ว หากพอดูจบจะเข้าทุก ๆ การกระทำและตัวละครมากขึ้น รวมทั้งเนื้อเรื่องที่ทำไมมันมาจบแบบนี้
เอาง่าย ๆ X-Men : Apocalypse เป็นเหมือนการทำหนังกึ่ง ๆ แฟนหนังกับคนที่ไม่ใช้แฟนหนัง หนังเลยค่อนข้างก็มากลาง ๆ สำหรับการวิจารณ์หนังสะส่วนใหญ่ คือบางเนื้อหาก็ต้องเป็นแฟนหนัง บางเนื้อหาคนเป็นแฟนหนังก็คงเบื่อ หนังเรื่องนี้จริง ๆ แล้ว น่าจะบอกว่าเป็นการต่อสู้ของเด็กที่กำลังจะโตกันมากกว่า ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนแบบเรื่อง CAP จะเน้นอารมณ์กับความรู้สึกของตัวตนของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์สะมากกว่า ซึ่งบางทีมันก็กำกวมระหว่างการตัดสินใจว่า ทำตัวนี้ถึงอยู่ ๆ เป็นแบบนี้ อยู่ๆ เป็นแบบนั้น จริงๆแล้วก็ตามท้องเรื่องคือ เด็กที่ต้องเติบโตร่วมทั้งบอสใหญ่ด้วย จริง ๆ ก็ค่อนข้างมีความคิดที่ไปทางกรอบเดียว ซี่งก็ตามการเปิดเรื่องล่ะนะ ถ้าคนดูจริงๆ จะเข้าใจ
คะแนนสำหรับเรื่องนี้
Action : 6.5/10
CG : 8/10
การกระจายตัวละคร : 6.5/10
บทหนัง 7/10
อีกเรื่องก็คือการถ่ายทำในการโชว์ฉาก QuickSliver นี้ X-men ทำได้ดีกว่า Avengers มากประมาณว่านึกว่าคนละความสามารถสะอีก
อีกซึ่งหนึ่งที่เสียดายก็คือแอคชั่นฉากจบควรจะทำได้ดีกว่านี้ การรวมตัวหรือการใช้พลังของแต่ละคนเพื่อใช้สำหรับการต่อสู้ควรทำได้ดีกว่านี้ (สงสัยเป็นเพราะดู CAP มาก่อน ) ซึ่งแม้จะเน้นทึมเวริคจริงๆ แต่แบบว่ามันยิงแสงมากกว่าการร่วมกันต่อสู้อ่ะนะ
โดยรวมแล้วไม่ถึงขนาดที่ว่าเห้ยมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอว่ะ ส่วนตัวไม่ถึงขนาดนั้นนะเป็นหนังที่ดูสนุกอยู่ หากใช้เวลาอยู่กับมันได้อ่ะนะ แต่ถามว่าโหสุด ๆ ทุกซีนไหมก็ตามสภาพของหนัง X-men ทุกภาคล่ะ
[CR] REVIEW X-Men : Apocalypse เส้นทางของเด็กทุกคนที่ต้องเติบโต
เครดิต : http://heroichollywood.com/wp-content/uploads/2016/04/maxresdefault-2.jpg
หนังจะเน้นปูเรื่องที่เป็นลักษณะทางตรง ไหลไปเรื่อย ๆ ตามท้องเรื่อง แต่ก็ไม่ใช่ว่าหนังไม่ได้เล่นกับอารมณ์ทางสังคม แต่ไม่ได้แสดงชัดเจนจนทุกคนมองเห็นมัน ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการแทรกมาทุก ๆ การเดินเรื่องไม่ว่าจะเป็นสังคมมนุษย์ในยุคนั้นเป็นอย่างไร สังคมของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ การยอมรับได้สังคม การโดนมองจากมุมมองต่าง ๆ ค่อนข้างที่ต้องคิดในระหว่างดู เพราะไม่ได้ออกมาโต้ง ๆ เป็นฉาก ๆ แต่แทรกไว้ระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่า
ส่วนฉากแอคชั่นนั้น เอาตรงๆ เรื่องการกระจายบทหรือความอลังการของลูกเล่นใช้พลัง X-Men: Days of Future Past ทำได้ดีกว่า ส่วนถ้าเทียบกับ Captain America: Civil War แอคชันของ X-Men Apocalypse ค่อนข้างน้อยกว่ามากซึ่งจริงๆ แล้ว X-Men ทุกภาคก็จะแอคชั่นประมาณนี้นะ ไม่ได้ตูมเดียวใหญ่ แต่มาแบบให้ทุกตัวใช้พลังนิด ๆ หน่อย ๆ ซึ่งต่างจาก Cap ค่อนข้างทำหนังเรื่องนี้ออกมาได้ปังกว่าทุกภาคที่ผ่านมา เอาง่าย ๆ คงจะดีที่สุดเลยล่ะ แอคชันเรื่อง Cap นี้กินแอคชั่นหนังฮีโร่ทุกเรื่อง ไม่แปลกหากเทียบกับ X-Men คงอ่อนกว่าจริงๆ ในการทำบทหนังแอคชัน แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดที่เสียดายตังหรอกนะ
จริง ๆ แล้วหนังค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับการเล่าที่มาที่ไปเป็นส่วนใหญ่ ก็ถือว่าเป็นของดีของเสียของแต่ละเรื่องอ่ะนะ ไม่เล่าก็ดูเรื่องยากสำหรับคนไม่ได้ตามจริงๆ จังๆ เพราะกว่าหนังจะออกก็ต้องไปทำการบ้านมา ใครไม่ทำก็ดูลำบาก ส่วนใครเป็นแฟนหนังก็คงเบื่อว่า เล่าย้อนอีกหลัง จริง ๆ ตัวหนังก็คงเนื้อเรื่องหลักไว้อยู่นะ ซึ่งจริง ๆ ธีมของหนังหรือแนวทางการดำเนินเรื่องมันปรากฎชัดเจนจากตอนเริ่มแรกของหนังอยู่แล้ว หากพอดูจบจะเข้าทุก ๆ การกระทำและตัวละครมากขึ้น รวมทั้งเนื้อเรื่องที่ทำไมมันมาจบแบบนี้
เอาง่าย ๆ X-Men : Apocalypse เป็นเหมือนการทำหนังกึ่ง ๆ แฟนหนังกับคนที่ไม่ใช้แฟนหนัง หนังเลยค่อนข้างก็มากลาง ๆ สำหรับการวิจารณ์หนังสะส่วนใหญ่ คือบางเนื้อหาก็ต้องเป็นแฟนหนัง บางเนื้อหาคนเป็นแฟนหนังก็คงเบื่อ หนังเรื่องนี้จริง ๆ แล้ว น่าจะบอกว่าเป็นการต่อสู้ของเด็กที่กำลังจะโตกันมากกว่า ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนแบบเรื่อง CAP จะเน้นอารมณ์กับความรู้สึกของตัวตนของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์สะมากกว่า ซึ่งบางทีมันก็กำกวมระหว่างการตัดสินใจว่า ทำตัวนี้ถึงอยู่ ๆ เป็นแบบนี้ อยู่ๆ เป็นแบบนั้น จริงๆแล้วก็ตามท้องเรื่องคือ เด็กที่ต้องเติบโตร่วมทั้งบอสใหญ่ด้วย จริง ๆ ก็ค่อนข้างมีความคิดที่ไปทางกรอบเดียว ซี่งก็ตามการเปิดเรื่องล่ะนะ ถ้าคนดูจริงๆ จะเข้าใจ
คะแนนสำหรับเรื่องนี้
Action : 6.5/10
CG : 8/10
การกระจายตัวละคร : 6.5/10
บทหนัง 7/10
อีกเรื่องก็คือการถ่ายทำในการโชว์ฉาก QuickSliver นี้ X-men ทำได้ดีกว่า Avengers มากประมาณว่านึกว่าคนละความสามารถสะอีก
อีกซึ่งหนึ่งที่เสียดายก็คือแอคชั่นฉากจบควรจะทำได้ดีกว่านี้ การรวมตัวหรือการใช้พลังของแต่ละคนเพื่อใช้สำหรับการต่อสู้ควรทำได้ดีกว่านี้ (สงสัยเป็นเพราะดู CAP มาก่อน ) ซึ่งแม้จะเน้นทึมเวริคจริงๆ แต่แบบว่ามันยิงแสงมากกว่าการร่วมกันต่อสู้อ่ะนะ
โดยรวมแล้วไม่ถึงขนาดที่ว่าเห้ยมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอว่ะ ส่วนตัวไม่ถึงขนาดนั้นนะเป็นหนังที่ดูสนุกอยู่ หากใช้เวลาอยู่กับมันได้อ่ะนะ แต่ถามว่าโหสุด ๆ ทุกซีนไหมก็ตามสภาพของหนัง X-men ทุกภาคล่ะ