ทำไมโค้ช (กูรู) ถึงได้มีเยอะเหลือเกิน
ไม่เชือ่ก็ต้องเชื่อว่า ยุคนี้ หลังๆมานี่ จะมีโค้ชเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะโค้ชเกี่ยวกับ พัฒนาชีวิต พลังจิต nlp และ อื่นๆอีกมากมาย โดยการสร้างภาพให้ผู้คนเชื่อถือก่อน พอติดตลาด คนยอมรับแล้ว ก็จะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงขึ้นมาทันที แน่นอนรวมทั้งเงินทองก็ไหลมาเทมาด้วย
ซึ่งหลายคนคงอาจจะเกิดคำถามขึ้นว่า ทำไม ถึงได้มีโค้ชเกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย ขนาดนี้ ซึ่งเหตุผลนึง ที่คนผันตัวเองมาเป็นโค้ช นั่นก็เพราะ การเริ่มต้นทำธุรกิจ นั้นมันไม่ง่ายเลย ไหนจะต้องคิดก่อนว่า จะทำอะไรดี และ มีโอกาสจะรุ่งไหม ตลาดยอมรับ หรือ ยังพอมีช่องว่างให้เข้าไปได้ไหมเปล่า ต่อมาก็ต้องจัดหาทุน แน่นอน ก็ไม่พ้นไปกู้ ไม่ก็ขอพ่อแม่ หากเกิดมาบ้านรวย จากนั้นก็ต้องทำธุรกิจ ให้ไปให้รอด ไหนจะต้องส่งภาษี เงินได้นิติบุคคล ไหนจะต้องทำเรื่องประกันสังคม ให้ลูกจ้าง ทำประกันกลุ่มให้พนักงาน ทำงบส่งสรรพากรและกระทรวงพาณีชย์ แล้วยุคนี้ การแข่งขันสูงมาก รายใหญ่ๆก็ครองตลอด และ สุดท้ายหากธุรกิจไปไม่รอด เวลาเลิกก็ไมใ่ช่นึกจะเลิกก็เลิกเลย ต้องทำเรื่องอีก
สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้เลยว่า พวกอายุน้อยพันล้าน ขอใช้คำว่าเกือบจะทุกคนแล้วกัน มักจะมีต้นทุนชีวิตมาอยู่แล้ว ถ้าไม่งั้น ทำไมเขาถึงได้หลายล้านหล่ะ ขณะที่อีกหลายคน ยังคงเป็นลูกจ้าง พอใจโทรศัพท์มือถือใหม่หน่อยก็ดีใจน้ำตาเล็ดแระ แล้วก็เอาสิ่งภายนอก บอกตัวเองประสบความสำเร็จ บ้างก็เป็นมนุษย์เงินเดือน เอาเงินเดือนที่ออกมา ไปใช้เที่ยว ตามที่ต่างๆ เพื่อให้ลืมทุกข์ในชีวิตไปชั่วขณะ
แล้วก็เพราะแบบนี้ คนที่พอมีทักษะการพูดหน่อย และ มีความรู้อยู่บ้าง (ก็จำๆเขามาอีกทีนั่นแหล่ะ) มาพูดตามงานต่างๆ แน่นอนก็ต้องมีคนพาไป นำไป พอเริ่มดัง ก็จะมีงานเข้ามาเรื่อยๆ จากนั้นก็เริ่มเปิดตัวเองเป็นโค้ช แล้วก็จัดคอร์สสัมมนา สนอง ตัณหา พวกที่โลภๆ อยากมีอยากได้ อยากรวย สำเร็จอะไรทำนองนั้น แล้วเขาก็มีชีวิตอิสระ ไม่ต้องเข้าออกออฟฟิต ดูง่ายๆเลยนะ อย่างพวกพริตตี้ ว่าทำไมถึงได้มีเงินทำศัลยกรรม แปปๆซื้อรถหรู นัน่ก็เพราะออกงานอีเว้นท์ทีได้เยอะไง แน่นอน พวกโค้ชก็เช่นกัน
ปล.ถ้ามีโอกาส ผันตัวเองไม่ต้องเป็นลูกจ้างเขา อาจจะไม่ได้รวยมาก ก็นับว่าดีแล้ว จะได้ไม่ต้องขายวัญญาณเป็นทาสให้พวกธุรกิจใหญ่ ไปจนแก่ หรือ ป่วยหนัก
ทำไมโค้ช (กูรู) ถึงได้มีเยอะเหลือเกิน
ไม่เชือ่ก็ต้องเชื่อว่า ยุคนี้ หลังๆมานี่ จะมีโค้ชเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะโค้ชเกี่ยวกับ พัฒนาชีวิต พลังจิต nlp และ อื่นๆอีกมากมาย โดยการสร้างภาพให้ผู้คนเชื่อถือก่อน พอติดตลาด คนยอมรับแล้ว ก็จะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงขึ้นมาทันที แน่นอนรวมทั้งเงินทองก็ไหลมาเทมาด้วย
ซึ่งหลายคนคงอาจจะเกิดคำถามขึ้นว่า ทำไม ถึงได้มีโค้ชเกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย ขนาดนี้ ซึ่งเหตุผลนึง ที่คนผันตัวเองมาเป็นโค้ช นั่นก็เพราะ การเริ่มต้นทำธุรกิจ นั้นมันไม่ง่ายเลย ไหนจะต้องคิดก่อนว่า จะทำอะไรดี และ มีโอกาสจะรุ่งไหม ตลาดยอมรับ หรือ ยังพอมีช่องว่างให้เข้าไปได้ไหมเปล่า ต่อมาก็ต้องจัดหาทุน แน่นอน ก็ไม่พ้นไปกู้ ไม่ก็ขอพ่อแม่ หากเกิดมาบ้านรวย จากนั้นก็ต้องทำธุรกิจ ให้ไปให้รอด ไหนจะต้องส่งภาษี เงินได้นิติบุคคล ไหนจะต้องทำเรื่องประกันสังคม ให้ลูกจ้าง ทำประกันกลุ่มให้พนักงาน ทำงบส่งสรรพากรและกระทรวงพาณีชย์ แล้วยุคนี้ การแข่งขันสูงมาก รายใหญ่ๆก็ครองตลอด และ สุดท้ายหากธุรกิจไปไม่รอด เวลาเลิกก็ไมใ่ช่นึกจะเลิกก็เลิกเลย ต้องทำเรื่องอีก
สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้เลยว่า พวกอายุน้อยพันล้าน ขอใช้คำว่าเกือบจะทุกคนแล้วกัน มักจะมีต้นทุนชีวิตมาอยู่แล้ว ถ้าไม่งั้น ทำไมเขาถึงได้หลายล้านหล่ะ ขณะที่อีกหลายคน ยังคงเป็นลูกจ้าง พอใจโทรศัพท์มือถือใหม่หน่อยก็ดีใจน้ำตาเล็ดแระ แล้วก็เอาสิ่งภายนอก บอกตัวเองประสบความสำเร็จ บ้างก็เป็นมนุษย์เงินเดือน เอาเงินเดือนที่ออกมา ไปใช้เที่ยว ตามที่ต่างๆ เพื่อให้ลืมทุกข์ในชีวิตไปชั่วขณะ
แล้วก็เพราะแบบนี้ คนที่พอมีทักษะการพูดหน่อย และ มีความรู้อยู่บ้าง (ก็จำๆเขามาอีกทีนั่นแหล่ะ) มาพูดตามงานต่างๆ แน่นอนก็ต้องมีคนพาไป นำไป พอเริ่มดัง ก็จะมีงานเข้ามาเรื่อยๆ จากนั้นก็เริ่มเปิดตัวเองเป็นโค้ช แล้วก็จัดคอร์สสัมมนา สนอง ตัณหา พวกที่โลภๆ อยากมีอยากได้ อยากรวย สำเร็จอะไรทำนองนั้น แล้วเขาก็มีชีวิตอิสระ ไม่ต้องเข้าออกออฟฟิต ดูง่ายๆเลยนะ อย่างพวกพริตตี้ ว่าทำไมถึงได้มีเงินทำศัลยกรรม แปปๆซื้อรถหรู นัน่ก็เพราะออกงานอีเว้นท์ทีได้เยอะไง แน่นอน พวกโค้ชก็เช่นกัน
ปล.ถ้ามีโอกาส ผันตัวเองไม่ต้องเป็นลูกจ้างเขา อาจจะไม่ได้รวยมาก ก็นับว่าดีแล้ว จะได้ไม่ต้องขายวัญญาณเป็นทาสให้พวกธุรกิจใหญ่ ไปจนแก่ หรือ ป่วยหนัก