ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะว่ารีวิวนี้เป็นรีวิวแรกค่ะ ผิดถูกยังไงแนะนำได้นะคะ ทริปนี้เราตั้งใจกับเพื่อนไว้ว่าจะไปเที่ยววังเวียงกัน ก็เลยได้ศึกษาข้อมูลจากเพื่อนๆในพันทิปนี่หล่ะ ก็เห็นว่าการจะเดินทางไปวังเวียงนี่ก็ลำบากเหมือนกันนะ (ถ้าเราไม่ทันรถที่มีรอบเช้ารอบเดียว) ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนไปเริ่มต้นที่เวียงจันทน์กัน ได้ขาไปเรียบร้อยแล้วขากลับหล่ะ กลับจากวังเวียงเหรอ?? ไม่นะ!!! มาเที่ยวส.ป.ป.ลาวทั้งทีต้องมาให้ครบ หลวงพระบางไง เราจะไปเที่ยวหลวงพระบางด้วย และกลับจากหลวงพระบางกันเลย ดังนั้นแผนการเดินทางคือ เวียงจันทน์ 1คืน, วังเวียง 2 คืน และหลวงพระบาง 1 คืน มาเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่า
ปล.ระหว่างการเดินทางมีค่าใช้จ่ายบางอันจำได้ บางอันจำไม่ได้ แต่จะพยายามใส่ค่าใช้จ่ายเท่าที่จำได้ให้ได้เยอะที่สุด อย่าว่ากันนะ
วันที่ 9 พฤษภาคม 2016

ทริปนี้เราเดินทางกัน 3 คน คือเรา(เสื้อแดง) , เพื่อนเราและลูกของเพื่อนเรา

นี่ไงลูกของเพื่อนเรา ผู้ร่วมทริปตัวน้อย
สำหรับทริปนี้ขาไปเราใช้บริการของนกแอร์ บินจากดอนเมือง-เวียงจันทน์ (เป็นการบินด้วยเครื่องต่อด้วยรถ) ราคาต่อคนอยู่ที่ 1,550 บาท

บินกับนกแอร์ มีขนมกับน้ำแจกบนเครื่องด้วย
เครื่องบินออกจากดอนเมือง 5.50 น. ถึงสนามบินอุดรธานีประมาณ 6.45น.

ถึงแล้วจ้าอุดรธานี
หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ของนกแอร์มารับเพื่อไปติดต่อเรื่องรถที่จะพาไปส่งที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว จังหวัดหนองคาย

ติดต่อเรื่องรถ เราได้บัตรขึ้นรถมาตามราคาหน้าตั๋ว 200 บาทแต่เราไม่เสีย เพราะเป็นบริการของนกแอร์รวมอยู่ในนี้เลยจ้า

รถตู้ที่พาเรามาจากอุดรธานี ส่งที่หนองคาย

ถึงแล้วจ้าสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จ.หนองคาย

ก็รีบเดินไปติดต่อขอรับเอกสารบัตรขาเข้าเพื่อกรอกขอผ่านแดน

กรอกเอกสารเสร็จก็เดินเข้าตม.เพื่อขอผ่านแดน หลังจากเข้าประตูไปแล้ว ห้ามถ่ายรูปนะคะ (เพื่อนเราเผลอถ่ายรูป โดนเจ้าหน้าที่ดุและขอลบรูปที่ถ่ายไว้หมดเลยค่ะ)

หลังจากผ่านด่านตม.มาได้แล้ว ก็ต้องมาซื้อตั๋วรถบัส 20บาทเพื่อนั่งโดยสารต่อจากหนองคายไปเวียงจันทน์  ตั๋วนี้ไม่รวมอยู่ในบริการของนกแอร์นะคะ ต้องจ่ายเอง พอขึ้นรถเราก็ขอถ่ายรูปกับสาวลาวสักหน่อย

มาถึงแล้วจ้า เวียงจันทน์ พอมาถึงต้องมาต่อคิวซื้อตั๋วผ่านแดนก่อน  (ก่อนต่อคิวให้ไปขอเอกสารบัตรขาเข้ามากรอกก่อนนะ เอกสารจะวางอยู่ที่หลังตู้นี้ มีเจ้าหน้าที่คอยนั่งแจกอยู่)  กรอกเสร็จก็ค่อยมาต่อคิวนะ

นี่ไง บัตรผ่านแดน ค่าธรรมเนียม 1,000 กีบ (จ่ายเงินไทยไป 5 บาท) เด็กไม่เสียนะคะ
พอได้บัตรนี้แล้วก็เดินเข้าด่านตรวจ (ห้ามถ่ายรูปนะ) เดินผ่านแดนก็เหมือนใช้บริการรถไฟฟ้าแหละ สอดบัตรเข้าไป ที่กั้นเปิดเดินเข้าด่านปกติจ้า พอเข้าด่านมาเรียบร้อย มีสองอย่างที่ต้องทำคือ

1.ซื้อซิมลาวค่ะ เราซื้อแบบ Net sim ใช้ได้ 7 วัน 1.5 GB ราคา 100 บาท

2.แลกเงินลาวค่ะ เรทวันนี้ (9พฤษภาคม16) อยู่ที่ 231.51
พอทำภารกิจเสร็จทั้งสองอย่างก็ไปติดต่อที่โต๊ะบริการรถเข้าเมืองของนกแอร์ เพื่อเข้าเมืองเวียงจันทน์กันค่ะ  (เป็นบริการรวมอยู่ในค่าตั๋วเครื่องบินแล้ว ไม่เสียเงินค่ะ) รถจอดรออยู่เรียบร้อยแล้วเป็นรถตู้ พอดีร้อนๆรีบๆเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ นั่งรถมาแป๊บเดียวก็ถึงที่พักค่ะ

คืนนี้เราพักที่นี่นะ โรงแรมมะลิน้ำพุ เราจองผ่านอโกด้ามา ราคาต่อคืนอยู่ที่ 1,200 บาท เราเชคอินเรียบร้อยก็ได้เวลาสำรวจเมืองเวียงจันทน์แล้วจ้า สิ่งแรกที่ทำคือ หาอะไรรองท้องก่อน

นี่เลย อาหารมื้อแรก ณ เวียงจันทน์ “ข้าวเปียก” ร้านอยู่ใกล้โรงแรม ใกล้ลานน้ำพุ ราคาชามละ 10,000 กีบ (43บาท) ถือว่าราคาไม่แพงจ้า หลังจากนั้นก็หากาแฟกินสักหน่อย

โจมา เบเกอรี่ คาเฟ่ อยู่ไม่ไกลจากที่พัก เดินผ่านลานน้ำพุมาเล็กน้อย

หลังจากอิ่มท้องแล้ว เราก็เดินมาเรื่อยๆเพื่อถามเส้นทางการท่องเที่ยวรอบเมืองเวียงจันทน์ ส่วนใหญ่จะมีเป็นรถสามล้อ เหมาเที่ยวรอบเมือง ราคาถือว่าแพงมากขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปเที่ยวไหนบ้าง เราก็เดินถามราคามาเรื่อยๆ จนมาเจอลุงบัวศร จอดรถอยู่ที่หน้าพระธาตุดำ ให้ราคาถูกกว่าคนอื่น เหมาเที่ยวรอบเมือง(ประมาณ3ชั่วโมง) ราคาอยู่ที่ 120,000 กีบ (518 บาท) เราก็เลยเช่ารถกับลุงบัวศรกัน

ลุงบัวศร  จันทะรังสี ลุงแกบอกว่าโฆษณาให้ลุงด้วย จะได้มีคนมาเช่ารถลุงเยอะๆ

เชคอินที่แรก พระธาตุดำ ภาพนี้ลุงบัวศรถ่ายให้นะ เรามีรูปครบสามคนแล้ว
ปล.รถลุงแกก็จอดอยู่ตรงข้ามนี่แหละ อย่าลืมมาเช่าลุงแกนะ แกใจดี

ที่ต่อมา พระธาตุหลวง เสียค่าเข้า 5,000กีบ

ใกล้พระธาตุหลวงมีพระนอนองค์ใหญ่ เราก็มา

ที่ต่อมา ประตูชัย หรือ ประตูไซ เสียค่าเข้าขึ้นไปดูวิวรอบเวียงจันทน์ 15 บาท

หอพระแก้ว (วันที่เราไปเค้าปิดปรับปรุงอยู่ เลยไม่ได้ขึ้นไปจ้า)

วัดสีสะเกด (ข้างในห้ามถ่ายภาพนะ) เสียค่าเข้า 5,000 กีบ

วัดนี้เชคอินวัดสุดท้าย วัดสีเมือง
หลังจากนั้นเราก็กลับเข้าที่พักเพื่อชาร์ตแบต นอนหลับกันแป๊บนึง เพื่อจะได้ออกไปหาอะไรกินริมแม่น้ำโขงตอนเย็นๆกัน แนะนำว่าระหว่างวันให้พกน้ำดื่มไปด้วย อากาศร้อน วันที่มานี่ 39 องศาเลยทีเดียว ที่สำคัญน้ำดื่มที่นี่ถือว่าแพงนะ ราคาต่อขวดอยู่ที่ 15-20 บาท ขวดเล็ก 600ml.

พอตกเย็นเราก็เดินเล่นกันจากที่พักมาลานน้ำพุแค่ 100 เมตรเอง หลังจากนั้นก็เดินต่อไปริมโขง มีร้านอาหาร ผับ บาร์ อยู่ตลอดสองข้างทาง

บรรยากาศริมโขงตอนเย็น น้ำแห้งมาก ริมโขงมีตลาดนัดด้วยนะ ขายของเหมือนบ้านเราเลย มีทุกอย่าง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของใช้ ฯลฯ แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมา

หาอะไรรองท้องมื้อเย็นก่อน เคบั๊บ แค่อันเล็กก็กินได้สามคนแล้ว อร่อยด้วย ใครมาต้องลองกินนะ

จบทริปวันนี้ด้วยเบียร์ลาว หลังจากนั้นก็เดินกลับโรงแรม
พอกลับถึงโรงแรมก็ติดต่อเรื่องรถที่จะไปวังเวียง ที่โรงแรมนี้มีบริการขายตั๋วไปวังเวียงด้วยนะ ราคา 65,000 กีบต่อคน (ซื้อที่อื่น 60,000 กีบ) จ่ายแพงกว่าคิดซะว่าเป็นค่าบริการก็แล้วกัน

วันที่ 10 พฤษภาคม 2016
ตื่นเช้า อาบน้ำ แต่งตัว ออกมากินอาหารของโรงแรม และเตรียมตัวออกเดินทางสู่วังเวียง

รถตู้มารับเราประมาณ 9.30 น. บรรยากาศบนรถตู้ฟินมาก เกาหลีเกือบทั้งคัน

รถวิ่งมาได้ 2 ชม. ก็จอดพักรถ แวะกินข้าวจี่ กล้วยปิ้ง ข้าวโพดปิ้งสักหน่อย เรากินข้าวจี่ 3 ไม้ ไม้ละ 5,000 กีบ อร่อยดี รสชาติเหมือนบ้านเราเลย มีชา กาแฟขายด้วย เรากินชานมแก้วจัมโบ้ด้วย ราคา 10,000 กีบ และก็ที่นี่มีห้องน้ำเข้าด้วยนะ เสียค่าเข้าคนละ 1,000 กีบ (พอดีช่วงชุลมุน คนเยอะเราวิ่งเข้าไปเลย ออกมาเพิ่งจะเห็นป้ายว่าเสียเงิน เลยทำเนียนเข้าฟรีไป)

คันนี้เป็นรถบัสจากอุดรมาวังเวียง เราไม่ได้มาคันนี้ แต่เราก็ขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย
หลังจากนั้นก็ออกเดินทางถึงวังเวียงเวลาประมาณ 14.00 น. เวลาการเดินทางจริงๆนี่แค่ 2-3 ชม.เองนะ แต่เราดันไปเสียเวลาตรงที่รถต้องวนไปรับคนตามโรงแรมต่างๆ รถจอดเติมน้ำมัน จอดตรวจเอกสารขนส่ง จอดตรวจด่านตำรวจอีกเยอะแยะมากมาย แต่ไม่เป็นไร ถึงแล้วจ้าวังเวียง

แม่น้ำซอง ณ วังเวียง
คืนนี้เราจะพักที่ไหนกันดี เรายังไม่มีที่พักเลย เดินหาสิคะ รอไรอยู่ ในที่สุดเราก็เดินมาเจอที่พักที่นี่

คืนนี้พักที่นี่นะ ริเวอร์วิว บังกะโล ราคาต่อคืน 200,000 กีบ (862 บาท) เราจอง 2 คืน ที่พักที่นี่ดีตรงที่ติดริมแม่น้ำซอง อยู่ใจกลางเมือง ใกล้โรตีอร่อยๆด้วย
หลังจากได้ที่พักแล้ว เราก็เก็บสัมภาระ พักผ่อนนอนหลับกันสักพักเพื่อที่จะไปสำรวจรอบเมืองวังเวียงกัน

ที่พักของเราสองคืนนี้ค่ะ


เดี๋ยวพักกินข้าวแป๊บนะ เดี๋ยวมาต่อ