ลาว ประเทศนอกสายตาของเรา ที่จริงๆแล้วเรายังไม่ได้อยากมาเที่ยวที่นี่
แต่เราเห็นภาพที่มีคนแชร์ไว้ในกลุ่มท่องเที่ยว
เป็นภาพแท่นหินขนาดใหญ่ เบื้องหน้ามีทะเลหมอกสีขาวหนา
จนอยากจะลองกระโดดลงไป เพราะคิดว่าเป็นที่นอนนุ่มๆ
ดูไปเรื่อยๆ เห็นภาพมอ'ไซต์ที่อยู่บนหน้าผา จะตกแหล่ ไม่ตกแหล่
และคนที่ไปนั่งบนนั้นก็โ ค ต ร เท่เลยว่ะ
ภาพน้ำตกขนาดใหญ่ ที่มีน้ำเป็นสีเขียวเทอคอยซ์
แทนที่จะเป็นสีใสอมขุ่นตามแบบที่เราเคยเห็นซะส่วนใหญ่
และอีกหลายภาพที่ดึงดูดให้เราคิดว่า
"เฮ้ย ลาวก็ดูมีเสน่ห์นี่หว่า ไหนลองไปเบิ่งลาวในเดือนพฤศจิฯ จั๊กหน่อย"
**บทสรุปและรายละเอียดค่าใช้จ่ายจะสรุปไว้ล่างสุดน้า
ขอฝากเพจ เข้าไปติดตามอ่านเรื่องราวการเดินทางอื่นๆ ได้นะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/onetwotimesperyear
อุดรธานี > วังเวียง > หลวงพระบาง > หนองเขียว > เวียงจันทน์ > อุดรธานี คือรูทการเดินทางในทริปนี้
จะเรียกว่า "ลาวเหนือ" ก็ได้ เราไปตั้งหลักที่วังเวียงและขึ้นเหนือไปเรื่อย ๆ ถึงหนองเขียว
จากนั้นยิงยาวกลับเวียงจันทน์จึงเข้าไทย
ตลอดทริปลาวนี้เดินทางโดยรถบัส, รถตู้เล็ก, รถตู้ใหญ่, รถนอน
และแน่นอนว่าถนนของลาวที่ขึ้นชื่อลือชา ถือเป็นซิกเนเจอร์อย่างหนึ่งที่มีเสน่ห์
จนอาจจะได้สัมผัสกับคำว่าสโลวไลฟ์ที่แท้จริง
" โอย เมื่อไหร่จะถึงซักที !! " ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย 55+
360 บาท คือราคาค่าตั๋วรถทัวร์แบบซื้อออนไลน์
ซื้อตั๋วรถออนไลน์
จากอุดรฯไปวังเวียง รถออก 08.30 น. มีรอบเดียว
ย้ำ! มีรอบเดียว
จะไปซื้อที่เค้าท์เตอร์ บขส.ก็ได้ ซึ่งขาย 320 บาท
แต่เรากลัวเต็มเลยซื้อออนไลน์ไปเลย ตั๋วที่ปริ้นออกมาใช้ขึ้นรถได้เลยนะ
และการนั่งรถไปวังเวียงตลอดจนทริปในวังเวียงนี้
โชคดีที่ได้เพื่อนร่วมทางคนไทยมาอีก 2 คน
จากการพักโฮสเทลที่เดียวกันตอนอยู่อุดรฯ
ซึ่งเหมือนนัดกันมาเที่ยว มากกว่าเพิ่งมาทำความรู้จักกัน
มันทำให้ทริปวังเวียงของเราไม่รู้สึกเหงาเลย : )
ที่พักอุดร: Udon Bacpackers Bed and Cafe ราคาห้องรวมผู้หญิง คืนละ 315.- ห้องดี , Free breakfast แบบง่ายๆ
อยู่ใกล้เซ็นทรัลอุดร, UD Town นั่งรถเมล์จากสนามบิน 20 บาทตลอดสายลงหน้าเซ็นทรัลอุดรเดินมาอีก 100 เมตร ถึงเลยจ้า
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-7 ชั่วโมงจึงถึงจุดหมายแรก "วังเวียง"
จากบขส.วังเวียง จะมีรถเข้าเมืองฟรี! รถไปจอดที่หน้าโรงแรม Malani Villa
เราเดินเท้าจากจุดจอดรถไปไม่ถึง 5 นาที ก็เจอที่พักที่ได้จองไว้ "เจริญการ์เด้นเกสท์เฮ้าส์"
ห้องพัดลม, เตียงใหญ่, มีห้องน้ำในตัว สนนราคาคืนละ 200 กว่าบาท
ต้องเดินเข้าตรอกนิดนึง ซึ่งข้างหน้าเปิดเป็นร้านขายอาหาร
"ไม่ต้องกลัว ยายพักที่นี่ มีอะไรเรียกได้ ห้องข้าง ๆ ก็มีคนพักอยู่"
คุณยายผู้ดูแลที่พัก พูดด้วยสำเนียงภาษาลาว
เนื่องจากถึงที่นี่เย็นแล้ว ได้แค่ออกสำรวจบริเวณรอบ ๆ
พอตกค่ำไปนั่งดูงาน ฝ. , งานเกาฯ ที่ซากุระบาร์ (ไปนั่งดูตั้งแต่ 2 ทุ่ม-ห้าทุ่มกว่าเลย ฮ่าๆๆ)
**ซากุระบาร์จะมี FREE DRINK เวลา 20.00-21.00 น. เราหยิบมา 1 แก้ว จิบๆ แก้เขิน ^////^
วั น ที่ 2 วังเวียงหรือเมียงดง (ลองไปดูนึกว่าอยู่ในเกาหลี)
เราตัดสินใจเช่ามอ'ไซต์ เพื่อแว้นไปตามที่ต่าง ๆ
ได้รถเกียร์ออโต้ ค่าเช่า 50,000 กีบ และคืนรถไม่เกิน 2 ทุ่ม
อย่าลืมว่าขี่เลนขวา, ตอนกลางวันไม่ต้องเปิดไฟหน้ารถ,
ใส่หมวกกันน็อคเพื่อความปลอดภัยและควรมีผ้าปิดจมูก
สำคัญมากเพราะฝุ่นดินลูกรังเยอะมาก
สำคัญถึงขนาดเราโดนขโมยผ้าบัฟ เพิ่งใช้ได้ไม่กี่นาที
ถอดเก็บไว้ที่มอ'ไซต์ กลับมาอีกที น้องหายไปแล้ว
เสียใจเพราะหลังจากนั้นต้องดมฝุ่นไป สดชื่นนน!!
เติมพลังด้วยแซนวิชยักษ์ราคา 20,000 กีบ ก่อนออกเดินทาง ร้านแซนวิชมีทั่วเลยจ้า ราคาเท่าๆกันแหละเลือกได้เลย
สะพานส้ม ค่าเข้า 5,000 กีบ ,
ถ้ำจัง ค่าเข้า 15,000 กีบ ทั้ง 2 อยู่ในพื้นที่เดียวกัน
Blue Lagoon 1 10,000 กีบ
+ ถ้ำปูคำ ค่าเข้า 15,000 กีบ
แนะนำให้เดินขึ้นไปที่ถ้ำก่อน เพื่อเรียกเหงื่อ หลังจากนั้นค่อยมาเล่นน้ำ
ทางขึ้นถ้ำต้องปีนป่ายหิน ค่อนข้างชัน
เตรียมไฟฉายไปด้วยนะ (ข้างล่างมีให้เช่า) เพราะภายในถ้ำมืด เดินเข้าไปในถ้ำเรื่อยๆ
จะเจอกับโถงขนาดใหญ่ จุดนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์
ผาหนามไซ ค่าเข้า 10,000 กีบ เป็นผาที่มีมอ'ไซต์อยู่บนหน้าผานั่นเอง
เราใช้เวลาเดินขึ้นประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง เหนื่อยมากกก เตรียมน้ำดื่มไปด้วยนะ
ก่อนจะถึงยอด จะเจอกับจุดวัดใจ ชันประมาณ 90 องศา
ณ จุดนี้กำลังขาไม่พอ ต้องมีกำลังใจด้วย 555+
เราใช้เวลาที่นี่ค่อนข้างนาน ตอนกำลังจะกลับ
เพื่อนร่วมทางขึ้นมาถึงพอดีเลยนั่งต่อ เอาให้คุ้มกับที่ปีนขึ้นมา
( ยอมใจเพื่อนร่วมทางทั้ง 2 คนที่ใส่อีแตะแบบคีบมาก
นี่ขนาดใส่รัดส้นสำหรับปีนผา บางจุดยังลื่นหินเลยจ้า)
มอ'ไซต์ติดตั้งไว้แน่นหนานะ ไม่มีหลุด แต่รอบๆ ไม่มีไม้กั้นใดๆ ใช้ความ
ระมัดระวังเด้อ ไม่งั้นตกผานะจ้ะ!
..." พี่..พอได้มาขึ้นผาที่นี่แล้ว หนูว่าจะไม่ไปผาแดง ที่หนองเขียวแล้ว หนูกลัวไม่ไหว เหนื่อยมากเลยอ่ะ "
" ต้องไปสิ มาถึงขนาดนี้แล้ว ลองไปดู ทำได้อยู่แล้ว "
เราบ่นให้เพื่อนร่วมทางทั้ง 2 ฟัง เพราะหลังจากมาปีนผาหนามไซแห่งนี้แล้วเราเหนื่อยมาก
และผาแดงระยะทางไกลกว่าที่นี่อีก
"คงต้องไปสินะ ถอยหลังไม่ได้แล้วล่ะ" เราคิด
กว่าจะลงจากผาก็ 5 โมงเย็นแล้ว จะไปที่อื่นต่อก็ไม่ทันเพราะแต่ละที่ส่วนใหญ่ปิด 5 โมงครึ่ง
ก็เลยขอไปนั่งเล่นดูพระอาทิตย์ตกที่
"จำปาลาว บังกะโล" ซึ่งเป็นที่พักของเพื่อนร่วมทางเอง
ที่พักเริ่มต้นคืนละประมาณ 300 บาท ห้องน่าพัก, วิวดี และมีเจ้าของเป็นคนไทยจ้า
พระอาทิตย์ตกแล้ว เราร่ำลาจากเพื่อนร่วมทางทั้ง 2
เพราะรุ่งเช้าเราต้องออกเดินทางไปหลวงพระบางต่อ
(ขอบคุณพี่นาง&พี่ต้าร์ ที่ให้ตามไปเป็น กขค ในทริปด้วย : ) )
ก่อนกลับเข้าห้อง แวะกินส้มตำที่ร้านแบบบ้านๆไม่มีชื่อ
อยู่ตรงข้ามโรงแรม ป็อปปูล่า วิว เกสท์เฮ้าส์ ตามคำแนะนำของเพื่อนร่วมทาง
อร่อยจริง รสชาติถูกปากมากจ้า มื้อนี้ 30,000 กีบ
วั น ที่ 3 ออกเดินทางไปหลวงพระบาง
เราซื้อตั๋วรถวังเวียง-หลวงพระบางจากร้านน้ำทิพย์ทัวร์ไว้ก่อนแล้ว
ได้รอบรถ 9 โมง จะมีรถตุ๊กๆมารับเราที่โรงแรมไปท่ารถ เพื่อขึ้นรถตู้อีกคัน
แต่กว่ารถตู้จะออกก็ 10 โมงจ้า รถตู้ที่ได้เป็น Mini Van ค่ารถ 110,000 กีบ
นั่งหลังขดหลังแข็งไปยาว ๆ ประมาณ 7 ชั่วโมง อดทนกับสภาพถนนลูกรัง
และถนนบางช่วงที่ค่อนข้างอันตราย ระหว่างทางเจออุบัติเหตุรถชนกันด้วย
รถจะจอดพักเป็นช่วง ๆ ตามแต่ใจคนขับ แต่จะมีที่นึงเหมือนจุดพักรถ
จะพักประมาณ 10 นาที ตอนแรกคิดว่าฝุ่นควัน ที่ไหนได้หมอกลงจ้า
ถึงหลวงพระบางแล้ว รถตู้จะไปจอดที่บขส.ท่านาหลวง (สายใต้)
หลังจากนั้นเราเดินข้ามไปอีกฝั่ง เพราะจะซื้อตั๋วรถนอนกลับเวียงจันทน์ไว้เลย
แล้วหารถสามล้อไปโรงแรมเอง ค่ารถ 40,000 กีบ เราไปคนเดียวเลยต้องเหมา
ประมาณ 10 นาที ก็ถึงโรงแรมที่พัก
"วิลลา กิ่งคำ ริเวอร์ไซด์"
สนนราคาเฉลี่ยคืนละ 700 บาท ฟรีอาหารเช้า ห้องพักมีระเบียงนั่งชิลดูวิวแม่น้ำ
เตียงใหญ่, ห้องแอร์, พนักงานดี และอยู่ไม่ไกลจากจุดท่องเที่ยวเมืองเก่า
เนื่องจากถึงช่วงเย็นแล้ว แพลนวันนี้จึงเดินขึ้น
พระธาตุพูสี ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน
เราเดินขึ้นทางด้านหลังพระธาตุฯ เพราะที่พักตั้งอยู่ใกล้ทางนี้พอดี แล้วเดินลงทางฝั่ง
ตลาดมืด
ขึ้นบันไดมาหลายขั้นก็จะเหนื่อยหน่อย แต่ด้านบนมีน้ำเย็นๆ จากแม่ค้าตัวน้อยขายอยู่นะจ้ะ
" Excuse me. Can you take a photo for me please?"
" Sure, but me too "
" OK."
เราเอ่ยปากขอให้นักท่องเที่ยวต่างชาติคนนึงช่วยถ่ายรูปตรงจุดนี้ให้เราหน่อย
เพราะคนรอถ่ายรูป มันไม่สะดวกต่อการตั้งกล้อง
ตรงนี้เป็นจุดไฮไลท์ของพระธาตุฯ อีกจุด ที่ต้องได้รูปมาซักใบ
ต้องต่อคิวถ่ายนะ มีป้าจีนคนนึงจะแซงเราถ่ายรูป
นักท่องเที่ยวคนนี้สกัดนางเลยจ้า บอกว่าตามคิว ให้เรากับเขาขึ้นถ่ายรูปก่อนจ่ะ!
[img]
https://f.pt
[CR] เป็นเรื่องเป็นลาว : 10 วัน 4 เมือง 1 คน (วังเวียง-หลวงพระบาง-หนองเขียว-เวียงจันทน์)
ลาว ประเทศนอกสายตาของเรา ที่จริงๆแล้วเรายังไม่ได้อยากมาเที่ยวที่นี่
แต่เราเห็นภาพที่มีคนแชร์ไว้ในกลุ่มท่องเที่ยว
เป็นภาพแท่นหินขนาดใหญ่ เบื้องหน้ามีทะเลหมอกสีขาวหนา
จนอยากจะลองกระโดดลงไป เพราะคิดว่าเป็นที่นอนนุ่มๆ
ดูไปเรื่อยๆ เห็นภาพมอ'ไซต์ที่อยู่บนหน้าผา จะตกแหล่ ไม่ตกแหล่
และคนที่ไปนั่งบนนั้นก็โ ค ต ร เท่เลยว่ะ
ภาพน้ำตกขนาดใหญ่ ที่มีน้ำเป็นสีเขียวเทอคอยซ์
แทนที่จะเป็นสีใสอมขุ่นตามแบบที่เราเคยเห็นซะส่วนใหญ่
และอีกหลายภาพที่ดึงดูดให้เราคิดว่า
"เฮ้ย ลาวก็ดูมีเสน่ห์นี่หว่า ไหนลองไปเบิ่งลาวในเดือนพฤศจิฯ จั๊กหน่อย"
**บทสรุปและรายละเอียดค่าใช้จ่ายจะสรุปไว้ล่างสุดน้า
ขอฝากเพจ เข้าไปติดตามอ่านเรื่องราวการเดินทางอื่นๆ ได้นะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อุดรธานี > วังเวียง > หลวงพระบาง > หนองเขียว > เวียงจันทน์ > อุดรธานี คือรูทการเดินทางในทริปนี้
จะเรียกว่า "ลาวเหนือ" ก็ได้ เราไปตั้งหลักที่วังเวียงและขึ้นเหนือไปเรื่อย ๆ ถึงหนองเขียว
จากนั้นยิงยาวกลับเวียงจันทน์จึงเข้าไทย
ตลอดทริปลาวนี้เดินทางโดยรถบัส, รถตู้เล็ก, รถตู้ใหญ่, รถนอน
และแน่นอนว่าถนนของลาวที่ขึ้นชื่อลือชา ถือเป็นซิกเนเจอร์อย่างหนึ่งที่มีเสน่ห์
จนอาจจะได้สัมผัสกับคำว่าสโลวไลฟ์ที่แท้จริง
" โอย เมื่อไหร่จะถึงซักที !! " ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย 55+
360 บาท คือราคาค่าตั๋วรถทัวร์แบบซื้อออนไลน์ ซื้อตั๋วรถออนไลน์
จากอุดรฯไปวังเวียง รถออก 08.30 น. มีรอบเดียว ย้ำ! มีรอบเดียว
จะไปซื้อที่เค้าท์เตอร์ บขส.ก็ได้ ซึ่งขาย 320 บาท
แต่เรากลัวเต็มเลยซื้อออนไลน์ไปเลย ตั๋วที่ปริ้นออกมาใช้ขึ้นรถได้เลยนะ
และการนั่งรถไปวังเวียงตลอดจนทริปในวังเวียงนี้
โชคดีที่ได้เพื่อนร่วมทางคนไทยมาอีก 2 คน
จากการพักโฮสเทลที่เดียวกันตอนอยู่อุดรฯ
ซึ่งเหมือนนัดกันมาเที่ยว มากกว่าเพิ่งมาทำความรู้จักกัน
มันทำให้ทริปวังเวียงของเราไม่รู้สึกเหงาเลย : )
ที่พักอุดร: Udon Bacpackers Bed and Cafe ราคาห้องรวมผู้หญิง คืนละ 315.- ห้องดี , Free breakfast แบบง่ายๆ
อยู่ใกล้เซ็นทรัลอุดร, UD Town นั่งรถเมล์จากสนามบิน 20 บาทตลอดสายลงหน้าเซ็นทรัลอุดรเดินมาอีก 100 เมตร ถึงเลยจ้า
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-7 ชั่วโมงจึงถึงจุดหมายแรก "วังเวียง"
จากบขส.วังเวียง จะมีรถเข้าเมืองฟรี! รถไปจอดที่หน้าโรงแรม Malani Villa
เราเดินเท้าจากจุดจอดรถไปไม่ถึง 5 นาที ก็เจอที่พักที่ได้จองไว้ "เจริญการ์เด้นเกสท์เฮ้าส์"
ห้องพัดลม, เตียงใหญ่, มีห้องน้ำในตัว สนนราคาคืนละ 200 กว่าบาท
ต้องเดินเข้าตรอกนิดนึง ซึ่งข้างหน้าเปิดเป็นร้านขายอาหาร
"ไม่ต้องกลัว ยายพักที่นี่ มีอะไรเรียกได้ ห้องข้าง ๆ ก็มีคนพักอยู่"
คุณยายผู้ดูแลที่พัก พูดด้วยสำเนียงภาษาลาว
เนื่องจากถึงที่นี่เย็นแล้ว ได้แค่ออกสำรวจบริเวณรอบ ๆ
พอตกค่ำไปนั่งดูงาน ฝ. , งานเกาฯ ที่ซากุระบาร์ (ไปนั่งดูตั้งแต่ 2 ทุ่ม-ห้าทุ่มกว่าเลย ฮ่าๆๆ)
**ซากุระบาร์จะมี FREE DRINK เวลา 20.00-21.00 น. เราหยิบมา 1 แก้ว จิบๆ แก้เขิน ^////^
วั น ที่ 2 วังเวียงหรือเมียงดง (ลองไปดูนึกว่าอยู่ในเกาหลี)
เราตัดสินใจเช่ามอ'ไซต์ เพื่อแว้นไปตามที่ต่าง ๆ
ได้รถเกียร์ออโต้ ค่าเช่า 50,000 กีบ และคืนรถไม่เกิน 2 ทุ่ม
อย่าลืมว่าขี่เลนขวา, ตอนกลางวันไม่ต้องเปิดไฟหน้ารถ,
ใส่หมวกกันน็อคเพื่อความปลอดภัยและควรมีผ้าปิดจมูก
สำคัญมากเพราะฝุ่นดินลูกรังเยอะมาก
สำคัญถึงขนาดเราโดนขโมยผ้าบัฟ เพิ่งใช้ได้ไม่กี่นาที
ถอดเก็บไว้ที่มอ'ไซต์ กลับมาอีกที น้องหายไปแล้ว
เสียใจเพราะหลังจากนั้นต้องดมฝุ่นไป สดชื่นนน!!
เติมพลังด้วยแซนวิชยักษ์ราคา 20,000 กีบ ก่อนออกเดินทาง ร้านแซนวิชมีทั่วเลยจ้า ราคาเท่าๆกันแหละเลือกได้เลย
สะพานส้ม ค่าเข้า 5,000 กีบ , ถ้ำจัง ค่าเข้า 15,000 กีบ ทั้ง 2 อยู่ในพื้นที่เดียวกัน
Blue Lagoon 1 10,000 กีบ + ถ้ำปูคำ ค่าเข้า 15,000 กีบ
แนะนำให้เดินขึ้นไปที่ถ้ำก่อน เพื่อเรียกเหงื่อ หลังจากนั้นค่อยมาเล่นน้ำ
ทางขึ้นถ้ำต้องปีนป่ายหิน ค่อนข้างชัน
เตรียมไฟฉายไปด้วยนะ (ข้างล่างมีให้เช่า) เพราะภายในถ้ำมืด เดินเข้าไปในถ้ำเรื่อยๆ
จะเจอกับโถงขนาดใหญ่ จุดนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์
ผาหนามไซ ค่าเข้า 10,000 กีบ เป็นผาที่มีมอ'ไซต์อยู่บนหน้าผานั่นเอง
เราใช้เวลาเดินขึ้นประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง เหนื่อยมากกก เตรียมน้ำดื่มไปด้วยนะ
ก่อนจะถึงยอด จะเจอกับจุดวัดใจ ชันประมาณ 90 องศา
ณ จุดนี้กำลังขาไม่พอ ต้องมีกำลังใจด้วย 555+
เราใช้เวลาที่นี่ค่อนข้างนาน ตอนกำลังจะกลับ
เพื่อนร่วมทางขึ้นมาถึงพอดีเลยนั่งต่อ เอาให้คุ้มกับที่ปีนขึ้นมา
( ยอมใจเพื่อนร่วมทางทั้ง 2 คนที่ใส่อีแตะแบบคีบมาก
นี่ขนาดใส่รัดส้นสำหรับปีนผา บางจุดยังลื่นหินเลยจ้า)
มอ'ไซต์ติดตั้งไว้แน่นหนานะ ไม่มีหลุด แต่รอบๆ ไม่มีไม้กั้นใดๆ ใช้ความระมัดระวังเด้อ ไม่งั้นตกผานะจ้ะ!
..." พี่..พอได้มาขึ้นผาที่นี่แล้ว หนูว่าจะไม่ไปผาแดง ที่หนองเขียวแล้ว หนูกลัวไม่ไหว เหนื่อยมากเลยอ่ะ "
" ต้องไปสิ มาถึงขนาดนี้แล้ว ลองไปดู ทำได้อยู่แล้ว "
เราบ่นให้เพื่อนร่วมทางทั้ง 2 ฟัง เพราะหลังจากมาปีนผาหนามไซแห่งนี้แล้วเราเหนื่อยมาก
และผาแดงระยะทางไกลกว่าที่นี่อีก "คงต้องไปสินะ ถอยหลังไม่ได้แล้วล่ะ" เราคิด
กว่าจะลงจากผาก็ 5 โมงเย็นแล้ว จะไปที่อื่นต่อก็ไม่ทันเพราะแต่ละที่ส่วนใหญ่ปิด 5 โมงครึ่ง
ก็เลยขอไปนั่งเล่นดูพระอาทิตย์ตกที่ "จำปาลาว บังกะโล" ซึ่งเป็นที่พักของเพื่อนร่วมทางเอง
ที่พักเริ่มต้นคืนละประมาณ 300 บาท ห้องน่าพัก, วิวดี และมีเจ้าของเป็นคนไทยจ้า
พระอาทิตย์ตกแล้ว เราร่ำลาจากเพื่อนร่วมทางทั้ง 2
เพราะรุ่งเช้าเราต้องออกเดินทางไปหลวงพระบางต่อ
(ขอบคุณพี่นาง&พี่ต้าร์ ที่ให้ตามไปเป็น กขค ในทริปด้วย : ) )
ก่อนกลับเข้าห้อง แวะกินส้มตำที่ร้านแบบบ้านๆไม่มีชื่อ
อยู่ตรงข้ามโรงแรม ป็อปปูล่า วิว เกสท์เฮ้าส์ ตามคำแนะนำของเพื่อนร่วมทาง
อร่อยจริง รสชาติถูกปากมากจ้า มื้อนี้ 30,000 กีบ
วั น ที่ 3 ออกเดินทางไปหลวงพระบาง
เราซื้อตั๋วรถวังเวียง-หลวงพระบางจากร้านน้ำทิพย์ทัวร์ไว้ก่อนแล้ว
ได้รอบรถ 9 โมง จะมีรถตุ๊กๆมารับเราที่โรงแรมไปท่ารถ เพื่อขึ้นรถตู้อีกคัน
แต่กว่ารถตู้จะออกก็ 10 โมงจ้า รถตู้ที่ได้เป็น Mini Van ค่ารถ 110,000 กีบ
นั่งหลังขดหลังแข็งไปยาว ๆ ประมาณ 7 ชั่วโมง อดทนกับสภาพถนนลูกรัง
และถนนบางช่วงที่ค่อนข้างอันตราย ระหว่างทางเจออุบัติเหตุรถชนกันด้วย
รถจะจอดพักเป็นช่วง ๆ ตามแต่ใจคนขับ แต่จะมีที่นึงเหมือนจุดพักรถ
จะพักประมาณ 10 นาที ตอนแรกคิดว่าฝุ่นควัน ที่ไหนได้หมอกลงจ้า
ถึงหลวงพระบางแล้ว รถตู้จะไปจอดที่บขส.ท่านาหลวง (สายใต้)
หลังจากนั้นเราเดินข้ามไปอีกฝั่ง เพราะจะซื้อตั๋วรถนอนกลับเวียงจันทน์ไว้เลย
แล้วหารถสามล้อไปโรงแรมเอง ค่ารถ 40,000 กีบ เราไปคนเดียวเลยต้องเหมา
ประมาณ 10 นาที ก็ถึงโรงแรมที่พัก "วิลลา กิ่งคำ ริเวอร์ไซด์"
สนนราคาเฉลี่ยคืนละ 700 บาท ฟรีอาหารเช้า ห้องพักมีระเบียงนั่งชิลดูวิวแม่น้ำ
เตียงใหญ่, ห้องแอร์, พนักงานดี และอยู่ไม่ไกลจากจุดท่องเที่ยวเมืองเก่า
เนื่องจากถึงช่วงเย็นแล้ว แพลนวันนี้จึงเดินขึ้นพระธาตุพูสี ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน
เราเดินขึ้นทางด้านหลังพระธาตุฯ เพราะที่พักตั้งอยู่ใกล้ทางนี้พอดี แล้วเดินลงทางฝั่งตลาดมืด
ขึ้นบันไดมาหลายขั้นก็จะเหนื่อยหน่อย แต่ด้านบนมีน้ำเย็นๆ จากแม่ค้าตัวน้อยขายอยู่นะจ้ะ
" Excuse me. Can you take a photo for me please?"
" Sure, but me too "
" OK."
เราเอ่ยปากขอให้นักท่องเที่ยวต่างชาติคนนึงช่วยถ่ายรูปตรงจุดนี้ให้เราหน่อย
เพราะคนรอถ่ายรูป มันไม่สะดวกต่อการตั้งกล้อง
ตรงนี้เป็นจุดไฮไลท์ของพระธาตุฯ อีกจุด ที่ต้องได้รูปมาซักใบ
ต้องต่อคิวถ่ายนะ มีป้าจีนคนนึงจะแซงเราถ่ายรูป
นักท่องเที่ยวคนนี้สกัดนางเลยจ้า บอกว่าตามคิว ให้เรากับเขาขึ้นถ่ายรูปก่อนจ่ะ!
[img]https://f.pt
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้