เมื่อสาววายบ้าเกาหลีไปติ่งดาราจีนจากหนังวาย จะรุ่งหรือจะรอด ...

สวัสดีค่ะ ขอแทนตัวเองว่าเรานะจ๊ะ เราเป็นสาววายและ ชอบไอดอลเกาหลีมากมายถึงขั้นเคยไปดูคอนเสิร์ตที่เกาหลีด้วย แต่เราก็พ่วงไปเที่ยวด้วยไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปติ่งอย่างเดียวเนอะ เราชอบดูหนังวายมาตั้งเเต่สมัยเรียนแล้ว ดูได้หมดไม่ว่าจะชาติไหน จนมาถึงซีรีย์จีน เรื่องไลค์เลิฟ เราคิดว่าสาววายหลายคนน่าจะรู้จักดี เรามาตามทันช่วง ก่อนภาคสองฉายเเค่ไม่กี่เดือนไม่ได้ตามเเต่เเรก ดูแบบมีอะไรในยูทูปเราดูจนหมด จนมีข่าวว่า เขาจะมีงานเเฟนมีตที่ไทย เอาละเว้ย เคยไปเเต่งานเกาหลี งานมีตหนังวายจะเป็นไงเนี้ย เเถมไม่มีเพื่อนสายนี้ด้วยสิ เเต่เราก็อยากรู้ว่า งานมีตแบบนี้จะเป็นยังไง จัดการตั้งงบในใจว่าราคาบัตรที่ไปต้องไม่เกิน 3000 บาท (แต่ถ้าเกาหลีวงเมนมานิต้องเเพงสุดร้องไห้) พอผู้จัดประกาศออกมาเเพงสุด3200บาท เอาหว่ะเพิ่มอีก200 เอง สรุปเราก็หาเพื่อนทางทวิตเพื่อช่วยกันกดบัตรเเละไปงานด้วยกัน เเละเเล้วเราก็ได้ที่นั่งเเถวหน้าสุดมาครอบครอง 5555 (เกาหลีไม่เคยได้ร้องไห้ร้องไห้) รายละเอียดออกยิ่งกรี๊ดงานยาวนานอลังการมาก มีขนมแจกด้วย มีของที่ระลึกอีกดีงามมากๆ  ก่อนหน้านี้การตามหนุ่มจีนต้องมีเว่ยป๋อ ซึ่งกว่าจะสมัครได้ก็ยากแท้ T^T พอเรามีเว่ยเราก็ได้ไปเจอเพื่อนจีนมากมายเเต่ที่คุ้นเคยกันจะเป็นฝั่งของน้องเก๋อมากกว่า 5555 เเละเราก็ขอป้ายเขามาปริ้นเเล้วเอาไปรับน้องเก๋อที่สนามบิน เก๋ไปอีก 55555 หลังจากเราไปงานมีต เราหลงทั้งคู่หนักกว่าเดิมอีกค่ะ โดยเฉพาะน้องเก๋อ น่ารัก เซอร์วิซสุดๆ รักเลยยยย

    
     หลังจากจบงานมีตที่ไทยเราก็ยังตามข่าวพวกเขาอยู่เรื่อยๆ จนมีพี่คนหนึ่งมาชวนเราไปงานมีตสุดท้ายส่งท้ายหนังภาค2 ที่ปักกิ่ง พี่เขาขู่เราว่าอาจจะเป็นงานสุดท้ายที่ได้เห็นทั้งคู่ทำงานด้วยกันก็ได้นะ เราใช้เวลาตัดสินใจไม่ถึงครึ่งชม.ด้วยซ้ำ ไม่รู้อะไรเข้าสิงอมยิ้ม11 ทั้งๆที่คิดว่ายังไงก็ไม่มีโอกาศไปแน่ๆ ด้วยความที่เราตัดสินใจช้ามาก บัตรก็เปิดขายไปนานแล้ว เราเลยไปขอให้เพื่อนจีนช่วยหาตั่วให้บอกเขาว่าเราจะไปอีกใจเราก็อยากเจอเขาด้วย ภายใน10 นาที เขากลับมาบอกว่าได้ตั๋วแล้วนะ เเถมตรงกลางด้วยคือเขาไปซื้อต่อคนที่ประกาศขายอีกที (การซื้อตั๋วที่จีนปกติจะเปิดขายเเล้วใครที่จ่ายเงินเร็วกว่าจะได้ดีหน้าสุดไล่ไปตามลำดับการจ่ายเงิน) โดยเขาบอกว่าให้เราจ่ายเมื่อเราเจอเขาที่งาน พอได้ตั๋วเรารีบจองตั๋วเครื่องบินไปปักกิ่งทันที ทุกครั้งที่เราบิน เราจะหาตั๋วโปรตลอดแต่ครั้งนี้ไม่ได้เหลือเวลาอีกเเค่2อาทิตย์กว่าๆเราต้องเดินทางเเถมช่วงคริสมาสต์ด้วย สรุปที่หาได้ถูกสุดคือ9500บาท บินระหว่างวันที่ 22-26ธันวาคม2558 เเถมเป็นการเดินทางไกลคนเดียวครั้งเเรก เพราะพี่คนที่เหลือจะตามมาวันที่23 เเสดงว่าเราต้องอยู่คนเดียว1คืน เอาหว่ะเเค่จีนเอง พูดก็ไม่ได้ฟังก็ไม่เข้าใจ เมื่อได้ตั๋วเครื่องบินเรารีบไปทำวีซ่าต่อ ไม่ใช่เรื่องยากเลยเพราะเราเคยไปเที่ยวจีนมาแล้วครั้งหนึ่งกับเพื่อน  เราได้วีซ่าก่อนบินเเค่3วันเอง ก่อนบิน1อาทิตย์งานเข้าเราจนได้เพราะเพื่อนเราเขาไปงานไม่ได้เเล้ว ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ เราเเทบไม่อยากไปเลย เพราะสนิทกับเขามากก็อยากเจอเขาอยากขอบคุณ เเต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ก็ต้องไปเพราะจองตั๋วเครื่องบินไปแล้ว เขาก็หาตั๋วไว้ให้เเล้วด้วย เเต่เขาจะฝากตั๋วมากับเพื่อนเขาอีกที เเล้วเพื่อนเขาไม่ได้อิงค์เลย เวลาคุยก็ต้องคุยผ่านวีแชทเอา 555555

     และเเล้วก็ถึงวันเดินทางพ่อเรามาส่งเราที่หน้าสนามบินเเล้ววนรถกลับบ้านเลย 55555 การขึ้นเครื่องบินสำหรับเราอาจจะเดินทางคนเดียวครั้งเเรกแต่เราเคยขึ้นเครื่องมาแล้วก็ผ่านไปได้เเบบสบายๆ จนต้องมาต่อเครื่องที่ฮ่องกง ช่องคนที่มาทรานสิทค่อนข้างหายากนิดหนึ่งเเต่เราก็ถามเจ้าหน้าที่เอา (ภาษาอังกฤษเราได้เเค่งูๆปลาๆ ) พอออกมาถึงเกท เราก็หาว่าเราต้องไปเกทไหนกลับหาไม่เจอซะงั้น ยืนรอดูพักใหญ่เลยกว่าจะขึ้นเวลา อมยิ้ม08 และเเล้วเราก็รอดการเปลี่ยนเครื่องมาได้ถึงปักกิ่งเวลาเกือบทุ่มเร็วกว่ากำหนดการ ครึ่งชม. ออกมาจากเครื่องก็กรี๊ดกับอากาศหนาวก่อนเลย ประมาณ 5 องศา ทั้งๆที่ที่ไทยร้อนมาก ผ่านตม.ออกมาก็พยายามต่อไวไฟเพื่อบอกเพื่อนว่าเราถึงเเล้วนะ เเต่ต่อไม่ได้สักที เอาหว่ะไปตายเอาดาบหน้า เราออกมาหาซื้อซิมโทรศัพท์ก่อนเลยจะได้เล่นเน็ตได้ พอไปที่ร้านขายซิมเขาบอกเราว่าเครื่องเราใช้ซิมของเขาไม่ได้ต้องไปหาซิมของChina unicom สองทุ่มกว่าเเล้วเราเลยตัดสินใจไปที่พักเเบบไปตายเอาดาบหน้า เรามีเเค่แผนที่ที่เเคปในโทรศัพท์มา เเต่เราเลือกที่พักที่ใกล้ซับเวย์เเละน่าจะเดินหาไม่ยาก เราก็นั่งซับเวย์ออกจากสนามบินออกมาเลย เปลี่ยนเเค่สายเดียวก็ถึงสถานีที่ใกล้ที่พักเวลาก็ใกล้จะสี่ทุ่มเเล้ว ข้างนอกคือทั้งลม ทั้งหมอก อากาศหนาวมากเราไม่ได้เตรียมถุงมือมาอีก เเต่พอทนไหว เดินลากกระเป๋าออกมาจากสถานี เจอพวกรถเหมาเเต่พวกเขาไม่เข้ามาถามเราเลย อาจเพราะหน้าตาเราเหมือนคนจีนเเละเราเดินอย่างเเน่วเเน่มาก เเต่พอหลุดจากพวกเขามาเราก็หยิบโทรศัพท์มาคล่ำหาทางว่าเราจะเดินไปทางไหนดี 55555 เดินไปเจออากาศหนาวยังไม่พอ เจอควันบุหรี่ตลอดทางอีก จะเป็นลม หิวก็หิว เราเดินจนคิดว่าถ้าสุดถนนเเล้วไม่เจอเราจะไปถามตำรวจเเล้ว เเต่เราก็เจอจนได้ เย้ยิ้มยิ้มยิ้ม เช็คอินเข้าที่พักในคืนเเรกเรานอนห้องโดมในราคา 240 บาทถูกมาก ทั้งห้องมีเเค่ชาวต่างชาติเท่านั้น มีสาวจากฮ่องกงถามเราว่า มาคนเดียวหรอ แล้วมาเรียนหรือเที่ยว พูดจีนได้ไหม เราก็ตอบไปว่า เรามาคนเดียวเเต่พรุ่งนี้เพื่อนจะตามมา เเละเรามาเที่ยว นางตกใจมากถามว่ากล้ามาได้ไงคนเดียว 55555 หลังจากเก็บของเสร็จเราก็ต่อไวไฟได้สักที เเต่ที่จีนจะบล็อค กูลเกิ้ล ทวิต เฟส เเละอื่นๆที่บ้านเราใช้ เราเลยโหลดแอฟวีพีเอ็นไป ต้องใช้คู่กันถึงจะเล่นเฟส เเละอื่นๆได้เเต่ไม่ค่อยเสถียรเท่าไร หลุดบ่อย เมื่อต่อได้เเล้วรีบบอกแม่ว่าถึงเเล้ว รีบไปบอกเพื่อนจีนว่าเราถึงเเล้วไม่ต้องห่วง เเต่เพื่อนเราขอโทษเราที่หาคนมารับเราที่สนามบินไม่ได้ เเถมติดต่อเราไม่ได้อีก เขายิ่งกังวล เราบอกไม่เป็นไร เราโอเค หลังจากนั้นก็ออกเดินเที่ยวหาข้าวกิน มาคนเดียวก็อิสระดีนะยิ้มยิ้มยิ้ม




    เราขอข้ามเล่าถึงวันงานมีตเลยเเล้วกัน พี่ที่ไปด้วยกันตัดสินใจจองห้องที่โรงเเรมที่จัดงานเพื่อความสะดวกของพวกเราเเละสะดวกในการตามพวกเขา 55555 มันก็สะดวกจริงๆ เราไปถึงตั้งเเต่ 8โมงกว่า งานเริ่ม6โมงเย็น 55555 พวกเราก็นั่งปักหลักกันอยู่หน้าลิฟท์ ใครจะไปที่ห้องจัดงานจะต้องขึ้นลงลิฟท์ตรงนี้ เเละเราก็เจอทีมงานพร้อมผู้กำกับกำลังเตรียมงานกันอยู่ เราเดินเข้าไปดูหน้างานได้เลยไม่มีใครห้ามด้วย เเล้วเราก็กลับมารอคนที่จะเอาตั๋วมาให้ โดยมีเพื่อนจีนอีกคนค่อยติดต่อให้จนเขามาเเละเขาก็นั่งติดกับเราด้วยเราเรียกเขาว่าเจ้ฮูหลิน เจ้ฮูหลินมาพร้อมกับผู้หญิงอีกคนซึ่งนางเป็นนักศึกษาเเละจะมาเป็นล่ามให้เราด้วย ดีดีย์อีกแล้ว เจ้ฮูหลินไม่ได้เเค่เอาตั๋วมาให้ ยังเอาหนังไลค์เลิฟและเเท่งไฟ ที่เพื่อนเราฝากมาให้อีก ทำไมดีอย่างนี้ เมื่อเขาให้ของเราเสร็จพวกเขาก็ขอตัว เราก็ยังนั่งที่เดินเเกะของที่ได้มาออกดู ระหว่างที่เเกะ มีคนออกมาจากลิฟท์มากันสามคน และ1คนในนั้นคือพระเอกของเรานั้นเอง ข่งฉุยหนานนั้นเองใส่ผ้าปิดปาก เดินออกมาหยุดรอเพื่อนตรงที่พวกเรานั่งอยู่ เราก็ได้เเค่เงยหน้ามองเเล้วดูของที่ได้มาต่อ5555 เเต่พี่ข่งหันมายิ้มเเละทักทายกับคนที่เหลืออยู่ดูเป็นกันเองมากๆ พี่ที่ไปด้วยกันก็ให้ของเเล้วเขาก็เดินเข้าไปข้างใน เอาละเราคิดว่าอีกไม่นานน้องเก๋อต้องมา ห่างกันประมาณครึ่งชม.น้องก็มา มาคนเดียวด้วยลากกระเป๋าเดินทางมา น้องเดินออกมาจากลิฟท์เเล้วชะงักเมื่อเห็นพวกเรา เเล้วเปลี่ยนทิศทางการเดินทันที เเต่ทางที่น้องเดินไปมันไปไม่ได้ 555 ก็ต้องเดินเขินผ่านทางพวกเราอยู่ดี เรารีบลุกเลยไม่ใช่จะกระโจนใส่น้องนะ เราเเค่เอาของที่คนอื่นฝากมาให้น้อง ส่วนของเรานั้นไม่มี 5555 น้องดูตื่นๆ เเละรับไป พี่อีกคนก็ให้เเละบอกไปด้วยว่า For you 555 น้องก็รับไปและพยักหน้าขอบคุณ บายบายให้ด้วย หลังจากนั้นเเฟนคลับคนอื่นเริ่มมาถึง เเละคนเริ่มเยอะ ทีมงานเดินเข้าเดินออกเป็นว่าเล่น คนเยอะจนเราโดนยืดที เราเลยขึ้นห้องไปเตรียมตัว แล้วกลับลงมารอพวกเขาที่หน้าลิฟท์ เเล้วพี่ข่งกับน้องเก๋อก็ลงมา โดยมีบอดี้การ์ดมาด้วยหลายคนเลยเเละเดินเร็วมาก เเต่ก็ยังดีกว่า ไอดอลเกาหลีเยอะ พวกเขาเดินไปห้องพักรับรองข้างห้องที่จัดงาน เเฟนจีนรุมกันหนักมาก เราขอยอมเเพ้ยืนมองอยู่ห่างๆก็พอ พอพวกเขาออกมาเพื่อเขาไปห้องที่จัดงานเเฟนจีนรุมหนักมากจนน่ากลัว เบียดจนเรามองไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร เราคิดว่าเราโชคดีแล้วที่เจอตอนที่ไม่มีแฟนจีน

     ระหว่างงานเราฟังไม่ออกเลยเพราะน้องล่ามนั่งคนละโต๊ะ5555 เเต่ก็นั่งดูได้เรื่อยๆ ตามประสาล่ะค่ะ นานๆที น้องล่ามจะมานั่งเบียดกับเจ้ฮูหลิน มาช่วยเเกถือป้ายไฟบ้าง หันมาบอกบ้างว่าเขาทำอะไร เเต่กล้องเยอะมากข้างหน้าเราเพราะมีถ่ายทอดสดผ่านเเอฟด้วยไหนจะกล้องเเฟนคลับอีก โต๊ะเราทำเลดีจริงๆค่ะ เพราะกล้องจะมารวมกันตรงนี่ อมยิ้ม20 บ้างครั้งยืนกันจนเรามองไม่เห็นเลย สต๊าฟก็มีมาว่านะค่ะ เเต่พอสต๊าฟไปเขาก็ยืนต่อ T^T สต๊าฟไม่เคร่งอีก เเต่เราก็โอเคค่ะ ถือว่าครั้งหนึ่งในชีวิต ใกล้จบงานทุกคนเริ่มร้องไห้ เราก็งง เเต่คืดว่านักแสดงและผู้กำกับต้องพูดอะไรเเน่ๆ ทุกคนเลยเศร้า เราไม่รู้เรื่องทำได้เเค่ลูบหลังเจ้ฮูหลินเป็นการปลอบใจไป ทั้งงานใช้เวลา 3 ชม. มีเกมส์ทายเพลงเเละร้องเพลงซะเยอะ ด้วยความที่นักแสดงมากันเยอะ เราเลยคิดว่างานที่ไทยฟินกว่ามากๆๆๆๆๆๆ ขนาดเพื่อนจีนยังบอกอิจฉาเลย  ราคาบัตรที่เราไปคือ ราคา 880หยวน มีอาหารให้เเต่เราเเทบไม่ได้กินเลยเต่าเอือม






     หลังเลิกงานเเฟนส่วนใหญ่ก็ยังรอพวกเขาอยู่ค่ะ เพราะจะมีงานเลี้ยงหลังจบงานด้วยเรารอดูสักพักไม่ไหวเเล้ว กลับดีกว่า เราตัดสินใจกลับไปนอนที่โรงเเรมเดิมกับน้องอีกคนที่ไปด้วยกันส่วนพี่ๆ อีกสองคนนอนห้องที่จองไว้ค่ะ ที่เราต้องกลับไปนอนโรงเเรมเดิมเพราะเราต้องไปสนามบินเเต่เช้าเพื่อกลับไทย เรากลัวไม่ทันเลยเราชวนน้องกลับ เราออกจากโรงแรมที่จัดงานประมาณสี่ทุ่ม เรากะว่าจะไปแท็กซี่ อุตสาห์ให้เพื่อพิมพ์ชื่อจีนมาให้ เเต่ไม่มีแท็กซี่รับเราเลย เราเลยเดินไปเรื่อยๆ เจอเเท็กซี่กลุ่มหนึ่งเขาไปถามราคา เขาบอกต้องเหมา 80หยวน คือโหดมากขามาไม่ถึง20หยวนเลย เราก็บอกว่าขามาเรามาเท่านี้ เขาก็ไม่ยอมเเต่ลดให้เหลือ 70 หยวนเราก็ไม่ยอมจ้า เดินออกมาเลย เราสองคนเดินท่ามกลางอากาศหนาวน่าจะใกล้ๆ 0 องศา คืนวันคริสมาสต์ 555 เราเดินจนถึงซับเวย์กันเลยทีเดียว เเต่เราก็โชคร้ายตอนที่เราจะเปลี่ยนไปอีกสายหนึ่ง รถไฟดันหมด เราต้องเดินออกมาเเละเรามาโผล่วงเวียนถนน 8 เลน ตอนนี้เวลา5ทุ่ม เราก็เดินเลาะถนน 8เลนมาไกลมาก โบกแท็กซี่ไปแล้ว2 คัน เขาไม่ไป เพราะฟังไม่ออกหรือไม่รู้เราก็ไม่เเน่ใจ เเต่ตอนนั้นเราเริ่มกลัวขึ้นมาจริงๆ กะว่าถ้าอีกคันไม่ไปคงต้องพึ่งตำรวจ เราเจอเเท็กซี่ที่มีคุณลุงขับสภาพรถเกือบเก่า 555 พอเเกรู้ว่าต่างชาติก็สายหน้าไม่ไปเลย เรายกมือไหว้เลยตอนนั้น เเล้วพยายามสื่อสารกับแกเหมือนแกจะอ่านจีนไม่ออกจีก เราโครตซวย อมยิ้ม20 เเต่เราก็นึกถึงชื่อสถานีที่ใกล้ที่พักได้เเละพยายามออกเสียงให้เหมือนที่สุด เเละสรุปแกก็ไปส่ง น้ำตาจะไหล ลุงพาเรามาส่งหน้าสถานีจริงๆค่ะ ราคาคิดตามมีทเตอร์ด้วย 19 หยวน เราถึงโรงเเรมตอนตี 1  รีบบอกเพื่อนว่าคืนนั้นเราเจออะไรบ้างกว่าจะถึงโรงเเรม เพื่อนเราก็ห่วงอยู่ว่าทำไมไม่ถึงซักที
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่