ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีคลีนิกความงามเยอะมากมีเปิดใหม่ก็มาก แพทย์ที่ทำด้านนี้ บางคนก็เปิดคลีนิกเอง บางคนก็ไปอยู่brandต่างๆ
มีทั้งแพทย์จบใหม่ อาจไปเข้า courseสั้นๆ ไปดูโน่น นี่เล็กน้อยแล้วมาปฏิบัติกับคนมารับบริการ หรือถ้าเป็น brand ก็เข้ามารู้ว่าใช้ยาอะไร เป็นรหัส
ส่วนใหญ่เน้นการขาย ไม่ต้องรู้เรื่องอะไรก็ทำงานเลย บางที่ดีหน่อยมีสถาบัน อบรมของตนเองอาจอบรมนานหน่อย 1-2ปีอย่างไรก็ ตามประเทศไทย
แพทย์ที่อบรมถูกต้อง ที่เกี่ยวกับความงาม มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผิวหนัง(dermatology) กับศัลยกรรมพลาสติก (plastic surgery) ไม่มีด้านความงาม
เนื่องจากการเข้าไปเรียน ทั้ง 2ด้าน ไม่สามารถ เข้าได้ทุกคนที่สนใจ มีปัจจัยหลายอย่าง จึงมีการศึกษานอกระบบ มีตั้งแต่เอกชน หรือไปเมืองนอก
อาจได้ใบประกาศออกมา ทำไมแพทย์เมืองไทย จึงมาอยู่ในคลีนิกความงามเยอะ จะเห็นว่าแพทย์ที่อยู่ในวงการนี้ พยายาม โปรโมทตัวเอง
ออกวงสังคม ใช้ของหรู ใช้brandnameแพงๆ ทำให้แพทย์รุ่นใหม่ จึงเข้ามาสู่วงการนี้. ทำให้แพทย์บางคน ลืมนึกว่าแพทย์ ควรจะทำอะไร อุสาห์เรียน
มีโอกาสช่วยคนไข้ ได้บุญ จขกท.ก็เป็นอย่างที่กล่าวมา แต่เหตุผลที่เข้ามา เนื่องจากจบใหม่ ๆ ก็เรียนตามระบบ ทำงานผ่าตัด อยู่เวร เหนื่อยเลย
ตัดสินใจเปลี่ยนจากการผ่าตัดมาอยู่ในคลินิกความงามbrandหนึ่ง ซึ่งเมื่อก่อนมีไม่เยอะ โดยผ่านการอบรม 2ปี มาทำงาน ก็เห็นความแตกต่าง เหนื่อย
น้อยลง รายได้มากขึ้น ความสุขทางโลกเต็มที่ แต่ทางใจ มันไม่เต็ม ไม่เหมือนกับตอนทำงานรักษาคนไข้ บาดเจ็บแล้วหาย ความสุขทางใจมากกว่า
ต่อมารู้ว่าการทำให้คน ยึดติดตัวตน ซึ่งไม่เที่ยง ซึ่งขัดกับคำสอน เรื่องไตรลักษณ์ ในศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นบาป ในปัจจุบันคลินิกประเภทนี้เยอะมาก
อ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญ ทั้งที่ไม่จริง อาจฝึกไม่นาน หรือใช้คนไข้ เป็นหนูทดลอง ปัญหาก็จะตามมา ควรทำสิ่งที่คิดว่าเราทำได้ ถ้าไม่มั่นใจอาจแนะนำ
คนที่ชำนาญกว่า ไม่ต้องกลัวคนไข้หาว่าเราไม่เก่ง คนไข้ควรจะขอบคุณด้วยซำ้ ที่เราจริงใจ เพราะแพทย์แต่ละคนไม่ได้เก่งทุกอย่าง คนรับบริการก็ต้อง
ศึกษาหาข้อมูล ที่บอกผู้เชี่ยวชาญด้านความงามไม่มีจริง ทุกคนมีความงามเป็นของตนเอง ถ้าไม่ยึดติดตัวตน ก็จะมีความงามที่ใจ รุ่นน้องๆที่เข้ามา
ถ้าหวังความสุขทางโลก ทรัพย์สินเงินทองก็ไม่ผิดอะไร ถ้าจะมีสุขมากกว่านั้นจะยาก เพราะจะติดกับตัวตน แก่ไม่ได้ พยายามหาทางต่างๆเพื่อให้ไม่แก่
ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ความทุกข์ก็เกิด สุดท้ายถ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญความงาม นอกจากความงามภายนอก ควรจะเชี่ยวชาญความงามของจิตใจด้วย
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม ไม่มีอยู่จริง
มีทั้งแพทย์จบใหม่ อาจไปเข้า courseสั้นๆ ไปดูโน่น นี่เล็กน้อยแล้วมาปฏิบัติกับคนมารับบริการ หรือถ้าเป็น brand ก็เข้ามารู้ว่าใช้ยาอะไร เป็นรหัส
ส่วนใหญ่เน้นการขาย ไม่ต้องรู้เรื่องอะไรก็ทำงานเลย บางที่ดีหน่อยมีสถาบัน อบรมของตนเองอาจอบรมนานหน่อย 1-2ปีอย่างไรก็ ตามประเทศไทย
แพทย์ที่อบรมถูกต้อง ที่เกี่ยวกับความงาม มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผิวหนัง(dermatology) กับศัลยกรรมพลาสติก (plastic surgery) ไม่มีด้านความงาม
เนื่องจากการเข้าไปเรียน ทั้ง 2ด้าน ไม่สามารถ เข้าได้ทุกคนที่สนใจ มีปัจจัยหลายอย่าง จึงมีการศึกษานอกระบบ มีตั้งแต่เอกชน หรือไปเมืองนอก
อาจได้ใบประกาศออกมา ทำไมแพทย์เมืองไทย จึงมาอยู่ในคลีนิกความงามเยอะ จะเห็นว่าแพทย์ที่อยู่ในวงการนี้ พยายาม โปรโมทตัวเอง
ออกวงสังคม ใช้ของหรู ใช้brandnameแพงๆ ทำให้แพทย์รุ่นใหม่ จึงเข้ามาสู่วงการนี้. ทำให้แพทย์บางคน ลืมนึกว่าแพทย์ ควรจะทำอะไร อุสาห์เรียน
มีโอกาสช่วยคนไข้ ได้บุญ จขกท.ก็เป็นอย่างที่กล่าวมา แต่เหตุผลที่เข้ามา เนื่องจากจบใหม่ ๆ ก็เรียนตามระบบ ทำงานผ่าตัด อยู่เวร เหนื่อยเลย
ตัดสินใจเปลี่ยนจากการผ่าตัดมาอยู่ในคลินิกความงามbrandหนึ่ง ซึ่งเมื่อก่อนมีไม่เยอะ โดยผ่านการอบรม 2ปี มาทำงาน ก็เห็นความแตกต่าง เหนื่อย
น้อยลง รายได้มากขึ้น ความสุขทางโลกเต็มที่ แต่ทางใจ มันไม่เต็ม ไม่เหมือนกับตอนทำงานรักษาคนไข้ บาดเจ็บแล้วหาย ความสุขทางใจมากกว่า
ต่อมารู้ว่าการทำให้คน ยึดติดตัวตน ซึ่งไม่เที่ยง ซึ่งขัดกับคำสอน เรื่องไตรลักษณ์ ในศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นบาป ในปัจจุบันคลินิกประเภทนี้เยอะมาก
อ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญ ทั้งที่ไม่จริง อาจฝึกไม่นาน หรือใช้คนไข้ เป็นหนูทดลอง ปัญหาก็จะตามมา ควรทำสิ่งที่คิดว่าเราทำได้ ถ้าไม่มั่นใจอาจแนะนำ
คนที่ชำนาญกว่า ไม่ต้องกลัวคนไข้หาว่าเราไม่เก่ง คนไข้ควรจะขอบคุณด้วยซำ้ ที่เราจริงใจ เพราะแพทย์แต่ละคนไม่ได้เก่งทุกอย่าง คนรับบริการก็ต้อง
ศึกษาหาข้อมูล ที่บอกผู้เชี่ยวชาญด้านความงามไม่มีจริง ทุกคนมีความงามเป็นของตนเอง ถ้าไม่ยึดติดตัวตน ก็จะมีความงามที่ใจ รุ่นน้องๆที่เข้ามา
ถ้าหวังความสุขทางโลก ทรัพย์สินเงินทองก็ไม่ผิดอะไร ถ้าจะมีสุขมากกว่านั้นจะยาก เพราะจะติดกับตัวตน แก่ไม่ได้ พยายามหาทางต่างๆเพื่อให้ไม่แก่
ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ความทุกข์ก็เกิด สุดท้ายถ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญความงาม นอกจากความงามภายนอก ควรจะเชี่ยวชาญความงามของจิตใจด้วย