มุสลิมที่ได้รับการอบรมสั่งสอนเกี่ยวกับมรรยาทที่ดีงามแห่งอิสลามนั้นย่อมไม่มีทางที่จะใช้ภาษาที่หยาบโลน (ลามก) หรือถ้อยคำหยาบคาย หรือการสร้างความขุ่นเคืองใจต่อผู้คนด้วยการสาปแช่งหรือการด่าทอ เพราะพวกเขาทราบว่า “คำสอนอันดีงามแห่งอิสลามนั้นสั่งห้ามการพูดจาประเภทนั้นโดยสิ้นเชิง”
“การสาปแช่ง” ถูกมองว่าเป็นดั่ง “บาปที่ทำลายคุณสมบัติแห่งการยึดมั่นต่ออิสลามของบุคคลคนหนึ่ง” และผู้ที่พูดจาหยาบคายนั้นเป็นที่รังเกียจยิ่ง ณ ที่อัลลอฮฺ
ท่านอิบนุ มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ กล่าวว่า “ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า “การสาปแช่งมุสลิมคนหนึ่ง” เป็นความผิดบาป และ “การฆ่าเขา (มุสลิม) คือกุฟรฺ” (บุคอรียฺ และมุสลิม)
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า “
อัลลอฮฺมิทรงรักผู้ใดก็ตามที่พูดจาหยาบคาย และพูดจาลามก” (อะหมัด และฏ็อบรอนียฺ)
“อัลลอฮฺทรงเกลียดบุคคลที่น่ารังเกียจและผู้ที่พูดจาหยาบคาย” (ฏ็อบรอนียฺ)
การกระทำดังกล่าวเป็นคุณลักษณะที่ไม่เหมาะสมกับ “มุสลิมที่ได้รับการชี้นำด้วยสัจธรรมแห่งอิสลาม และผู้ที่หัวใจของเขาถูกเติมเต็มด้วยความหอมหวานแห่งศรัทธา” ดังนั้นพวกเขาย่อมออกห่างจากการทะเลาะเบาะแว้ง หรือการโต้แย้งถกเถียงที่เต็มไปด้วยการแลกเปลี่ยนระหว่างคำด่าทอที่ต่ำทราม และคำสาปแช่งทั้งหลาย
บรรดามุสลิมที่มีความตื่นตัวนั้นย่อมออกห่างจากความเสื่อมทรามทางศีลธรรมเช่นนี้ เมื่อใดก็ตามพวกเขาระลึกถึงแบบอย่างอันงดงามของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัมทั้งถ้อยคำของท่าน และการงานทั้งหลายของท่าน
เป็นที่ทราบกันดีว่าท่านเราะสูลไม่เคยกล่าวถ้อยคำใดๆ ที่จะทำร้ายความรู้สึกของคนคนหนึ่ง หรือทำลายชื่อเสียงของเขา หรือดูหมิ่นเกียรติของเขา
ท่านอนัส อิบนุ มาลิก (เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ) ผู้ที่อยู่เคียงข้างท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัมอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลาหลายปี กล่าวว่า “
ท่านเราะสูลไม่เคยใช้ถ้อยคำที่น่ารังเกียจ หรือการสาปแช่ง หรือคำสบถ เมื่อท่านต้องการที่จะตำหนิใครสักคน ท่านจะกล่าวว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือนี่ ขอให้หน้าผากของเขาถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นเถิด!” (ฟัตฮุลบารียฺ 10/452)
อีกทั้งท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัมยังยับยั้งตัวของท่านจากการสาปแช่ง “
กาฟิรีน” ผู้ที่มีจิตใจแข็งกระด้างต่อสาส์นของท่านเราะสูล ท่านเราะสูลไม่เคยกล่าวถ้อยคำที่มุ่งร้ายต่อพวกเขา ดังเช่นที่เศาะฮาบียฺ อบู ฮูร็อยเราะฮฺกล่าวไว้ว่า
มีคนกล่าวขึ้นมาว่า “
โอ้ เราะสูลุลลอฮฺ โปรดดุอาอฺเพื่อต่อต้านบรรดามุชริกีนเถิด” ท่านเราะสูลตอบว่า “
ฉันไม่ได้ถูกส่งมาดังเช่น “
ผู้ทำการสาปแช่ง”
หากแต่ฉันถูกส่งมาดั่งเช่น “
ผู้มีความเมตตา” (เศาะเหียฮฺมุสลิม)
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม มีความสามารถในการที่จะขจัดรากเหง้าแห่งความชั่วร้าย ความเกลียดชัง และความเป็นศัตรูออกไปจากหัวใจของผู้คนได้ เมื่อท่านได้ทำการอธิบายต่อบรรดามุสลิมว่า “
ผู้ที่ไม่ควบคุมลิ้นของเขาจากการกล่าวร้ายต่อผู้คน ต่อทรัพย์สินของพวกเขา และต่อเกียรติของพวกเขา”
คือผู้ที่ประสบกับหายนะทั้งในโลกนี้และโลกหน้าอย่างแท้จริง “ทัศนคติที่แข็งกร้าวของเขาที่มีต่อผู้อื่น” ย่อมลบล้างความดีงามใดๆ ก็ตามที่เขาได้กระทำมาในชีวิตของเขา และในวันแห่งการตัดสิน เขาจะถูกทอดทิ้ง โดยปราศจากการปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากไฟนรก
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะศัลลัมกล่าวว่า “
พวกท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ใดที่จะประสบกับหายนะ?” พวกเขากล่าวว่า “
คือผู้ที่ปราศจากซึ่งเงินทอง หรือทรัพย์สินใดๆ ขอรับ” ท่านเราะสูลตอบว่า “
ผู้ที่หายนะในหมู่ประชาชาติของฉัน คือผู้ที่ปรากฎในวันแห่งการฟื้นคืนชีพพร้อมกับการละหมาด การถือศีลอด และการจ่ายซะกาตในบัญชีของเขา หากแต่เขาได้ด่าทอคนนี้ ใส่ร้ายคนนั้น เผาผลาญทรัพย์สินของคนนี้ ฆ่าคนนู้น และทำร้ายเฆี่ยนตีคนนั้น เช่นนั้นส่วนหนึ่งของฮาซานะตฺของเขาจะถูกมอบให้กับคนนี้ และบางส่วนแก่คนนั้น (มอบให้กับผู้ที่เขาได้ทำร้ายด้วยหนทางใดทางหนึ่ง) และหากว่าฮาซานะตฺของเขาหมดไปก่อนที่เหยื่อทั้งหมดของเขาจะได้รับการชดใช้ เช่นนั้นบาปบางส่วนของพวกเขา (ผู้ที่เขาทำร้าย) จะถูกนำออกมาและเพิ่มเข้าไปในบัญชีของเขาแทน จากนั้นเขาจะถูกโยนไปในไฟนรก” (เศาะเหียฮฺมุสลิม)
ดังนั้น จึงไม่เป็นที่น่าประหลาดใจว่า การกระทำที่ไร้ประโยชน์ทั้งหลายเหล่านี้จำต้องถูกกำจัดออกไปจากชีวิตของมุสลิมผู้ศรัทธา “การโต้แย้งและการทะเลาะเบาะแว้งที่อาจนำไปสู่การสาปแช่งและการด่าทอนั้น” ย่อมไม่มีในสังคมของมุสลิมผู้ศรัทธา อันอยู่บนพื้นฐานของมรรยาทที่ดีงาม การให้เกียรติต่อความรู้สึกของผู้อื่น และระดับของการขัดเกลาแห่งการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
แหล่งที่มา หนังสือ Ideal Muslimah หน้าที่ 370-373
ถอดความ بنت الإسلام
การออกห่างจากการสาปแช่งหรือการใช้ถ้อยคำหยาบคายในมุมมองคำสอนศาสนาอิสลาม
“การสาปแช่ง” ถูกมองว่าเป็นดั่ง “บาปที่ทำลายคุณสมบัติแห่งการยึดมั่นต่ออิสลามของบุคคลคนหนึ่ง” และผู้ที่พูดจาหยาบคายนั้นเป็นที่รังเกียจยิ่ง ณ ที่อัลลอฮฺ
ท่านอิบนุ มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ กล่าวว่า “ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า “การสาปแช่งมุสลิมคนหนึ่ง” เป็นความผิดบาป และ “การฆ่าเขา (มุสลิม) คือกุฟรฺ” (บุคอรียฺ และมุสลิม)
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า “อัลลอฮฺมิทรงรักผู้ใดก็ตามที่พูดจาหยาบคาย และพูดจาลามก” (อะหมัด และฏ็อบรอนียฺ)
“อัลลอฮฺทรงเกลียดบุคคลที่น่ารังเกียจและผู้ที่พูดจาหยาบคาย” (ฏ็อบรอนียฺ)
การกระทำดังกล่าวเป็นคุณลักษณะที่ไม่เหมาะสมกับ “มุสลิมที่ได้รับการชี้นำด้วยสัจธรรมแห่งอิสลาม และผู้ที่หัวใจของเขาถูกเติมเต็มด้วยความหอมหวานแห่งศรัทธา” ดังนั้นพวกเขาย่อมออกห่างจากการทะเลาะเบาะแว้ง หรือการโต้แย้งถกเถียงที่เต็มไปด้วยการแลกเปลี่ยนระหว่างคำด่าทอที่ต่ำทราม และคำสาปแช่งทั้งหลาย
บรรดามุสลิมที่มีความตื่นตัวนั้นย่อมออกห่างจากความเสื่อมทรามทางศีลธรรมเช่นนี้ เมื่อใดก็ตามพวกเขาระลึกถึงแบบอย่างอันงดงามของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัมทั้งถ้อยคำของท่าน และการงานทั้งหลายของท่าน
เป็นที่ทราบกันดีว่าท่านเราะสูลไม่เคยกล่าวถ้อยคำใดๆ ที่จะทำร้ายความรู้สึกของคนคนหนึ่ง หรือทำลายชื่อเสียงของเขา หรือดูหมิ่นเกียรติของเขา
ท่านอนัส อิบนุ มาลิก (เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ) ผู้ที่อยู่เคียงข้างท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัมอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลาหลายปี กล่าวว่า “ท่านเราะสูลไม่เคยใช้ถ้อยคำที่น่ารังเกียจ หรือการสาปแช่ง หรือคำสบถ เมื่อท่านต้องการที่จะตำหนิใครสักคน ท่านจะกล่าวว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือนี่ ขอให้หน้าผากของเขาถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นเถิด!” (ฟัตฮุลบารียฺ 10/452)
อีกทั้งท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัมยังยับยั้งตัวของท่านจากการสาปแช่ง “กาฟิรีน” ผู้ที่มีจิตใจแข็งกระด้างต่อสาส์นของท่านเราะสูล ท่านเราะสูลไม่เคยกล่าวถ้อยคำที่มุ่งร้ายต่อพวกเขา ดังเช่นที่เศาะฮาบียฺ อบู ฮูร็อยเราะฮฺกล่าวไว้ว่า
มีคนกล่าวขึ้นมาว่า “โอ้ เราะสูลุลลอฮฺ โปรดดุอาอฺเพื่อต่อต้านบรรดามุชริกีนเถิด” ท่านเราะสูลตอบว่า “ฉันไม่ได้ถูกส่งมาดังเช่น “ผู้ทำการสาปแช่ง” หากแต่ฉันถูกส่งมาดั่งเช่น “ผู้มีความเมตตา” (เศาะเหียฮฺมุสลิม)
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม มีความสามารถในการที่จะขจัดรากเหง้าแห่งความชั่วร้าย ความเกลียดชัง และความเป็นศัตรูออกไปจากหัวใจของผู้คนได้ เมื่อท่านได้ทำการอธิบายต่อบรรดามุสลิมว่า “ผู้ที่ไม่ควบคุมลิ้นของเขาจากการกล่าวร้ายต่อผู้คน ต่อทรัพย์สินของพวกเขา และต่อเกียรติของพวกเขา” คือผู้ที่ประสบกับหายนะทั้งในโลกนี้และโลกหน้าอย่างแท้จริง “ทัศนคติที่แข็งกร้าวของเขาที่มีต่อผู้อื่น” ย่อมลบล้างความดีงามใดๆ ก็ตามที่เขาได้กระทำมาในชีวิตของเขา และในวันแห่งการตัดสิน เขาจะถูกทอดทิ้ง โดยปราศจากการปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากไฟนรก
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะศัลลัมกล่าวว่า “พวกท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ใดที่จะประสบกับหายนะ?” พวกเขากล่าวว่า “คือผู้ที่ปราศจากซึ่งเงินทอง หรือทรัพย์สินใดๆ ขอรับ” ท่านเราะสูลตอบว่า “ผู้ที่หายนะในหมู่ประชาชาติของฉัน คือผู้ที่ปรากฎในวันแห่งการฟื้นคืนชีพพร้อมกับการละหมาด การถือศีลอด และการจ่ายซะกาตในบัญชีของเขา หากแต่เขาได้ด่าทอคนนี้ ใส่ร้ายคนนั้น เผาผลาญทรัพย์สินของคนนี้ ฆ่าคนนู้น และทำร้ายเฆี่ยนตีคนนั้น เช่นนั้นส่วนหนึ่งของฮาซานะตฺของเขาจะถูกมอบให้กับคนนี้ และบางส่วนแก่คนนั้น (มอบให้กับผู้ที่เขาได้ทำร้ายด้วยหนทางใดทางหนึ่ง) และหากว่าฮาซานะตฺของเขาหมดไปก่อนที่เหยื่อทั้งหมดของเขาจะได้รับการชดใช้ เช่นนั้นบาปบางส่วนของพวกเขา (ผู้ที่เขาทำร้าย) จะถูกนำออกมาและเพิ่มเข้าไปในบัญชีของเขาแทน จากนั้นเขาจะถูกโยนไปในไฟนรก” (เศาะเหียฮฺมุสลิม)
ดังนั้น จึงไม่เป็นที่น่าประหลาดใจว่า การกระทำที่ไร้ประโยชน์ทั้งหลายเหล่านี้จำต้องถูกกำจัดออกไปจากชีวิตของมุสลิมผู้ศรัทธา “การโต้แย้งและการทะเลาะเบาะแว้งที่อาจนำไปสู่การสาปแช่งและการด่าทอนั้น” ย่อมไม่มีในสังคมของมุสลิมผู้ศรัทธา อันอยู่บนพื้นฐานของมรรยาทที่ดีงาม การให้เกียรติต่อความรู้สึกของผู้อื่น และระดับของการขัดเกลาแห่งการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
แหล่งที่มา หนังสือ Ideal Muslimah หน้าที่ 370-373
ถอดความ بنت الإسلام