[CR] Trekking Nepal: เส้นทาง Gosaikunda Lake (Langtang)



การเดินทางครั้งนี้เริ่มจากการอยากไป Trekking หรือการเดินป่า นั่นเอง
มีเส้นทางที่เลือกไว้ในใจดังนี้
1. ABC คือเส้นทางไปสู่ยอด อัณณาปุระ (Annapurna 8091m) อันยอดฮิต มีจุดชมวิวอันเลื่องชื่อคือ Poon Hill 3000m กว่า
2. EBC คือเส้นทางไปสู่ยอด เอเวอเรส (Everest 8848m.) อันยอดฮิตเช่นกัน เส้นทาง Trek ประมาณ 5000m กว่า
และ
3. Langtang คือเส้นทางไปสู่ยอด ลังตังลิรุง (Langtang Lirung 7227m.) เส้นทาง Trek ประมาณ 4000m กว่า

แต่คนพื้นราบระดับเดียวกับน้ำทะเลอย่างพวกเรา ยอดเขาที่สูงสุดในประเทศไทยก็ดอยอินทนนท์ 2,600m
คงไม่กล้าไต่ไปถึงยอดไหนสักยอดแน่นอน ขอเอาแค่เบาๆแค่ครึ่งนึงก็ยังดี และเงื่อนไขที่มีเพิ่มคือ
-เวลา 9 วันรวมเดินทาง (ช่วง 29เมษา-8พฤษภา 2559)
-ขอความสงบ ธรรมชาติครบถ้วน ดังนั้นเส้นทางไหนคนไปเยอะตัดทิ้ง (หมายถึงจำนวนคนนะ ไม่ใช่นิสัย 5555)
-ต้องการความใหม่สดและสวย (เยอะเนอะ!)

จึงมาสรุปได้ที่เส้นทางนี้ ทะเลสาปโกไซกุนดา* บริเวณอุทยานแห่งชาติลังตัง**
ต่อไปขอใช้แทนด้วยภาษาอังกฤษว่า
"GosaikundaLake"* และ "Langtang"**



สืบเนื่องจากเคยเที่ยวเนปาลมาครั้งหนึ่ง เที่ยวแค่ในเมืองกาฎมาณฑุ-ปาตัน-ปักตะปูร์
แล้วติดใจในเสน่ห์ของประเทศนี้มากๆ จึงสอบถามไปยังเจ้าของบ้าน (Sanu House) ที่เคยไปพักครั้งก่อน
ว่าถ้าอยากไป trekking มีไกด์ที่ไหนแนะนำไหม?
นั่นจึงเป็นบุญพาวาสนาส่งให้มาพบเธอ Nepal alternative treks & Expedition Ltd.
www.nepalalternativetreks.com www.nepalhikingtrip.com
(Blog เดิมที่เคยเขียนไว้ตอนไปเนปาลแบบเที่ยวเฉพาะในเมืองค่ะ :
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=maldive&date=31-07-2011&group=8&gblog=3 )


คุยกันผ่านทางอีเมล ได้ Itinerary และงบประมาณค่าใช้จ่ายทั้งหมดคือ 480USDต่อหัว
โดยคชจ.นี้รวม>>>ค่าที่พักทุกวัน+ค่าอาหารทุกมื้อ+ค่ารถจิ๊ปไป-กลับ+ค่าลูกหาบ 2 คน+ค่าไกด์ 1 คน+
ค่าชาร้อน-กาแฟร้อน+ถุงนอน-20'c ครบคน

*กรุณาเตรียมเงินไว้จ่ายค่าน้ำดื่ม-น้ำร้อนซึ่งจำเป็นมากๆ
เพราะราคาทริปไม่รวมค่าน้ำดื่มค่ะ และราคาค่าน้ำดื่มจะเพิ่มขึ้นตามระดับความสูง
เริ่มจาก 50 รูปี ไปจนถึง 600 รูปี*

ค่าเครื่องบินการบินไทย ไป-กลับ 14,025/หัว แล้วแต่ใครจองได้โปรฯอะไร
รวมๆค่าใช้จ่ายประมาณ 30,825 บาท (แต่มันไม่ได้จบแค่นี้น่ะสินะ ฮ่าๆๆๆๆ)

จากตอนแรกสมาชิกทริปมี 2 คน จนสุดท้ายมีสมาชิกรวม 5 คน

คำถามที่เกิดขึ้นทันที หลังจองตั๋วเครื่องบินเสร็จ ต้องเตรียมอะไรบ้าง? ??
ช่างเป็นคำถามปลายเปิด ที่กินใจความกว้างใหญ่เหลือเกิน เดี๋ยวมาลิสต์กันค่ะ
การมีเป้าหมายในชิวิต ไม่ว่าจะเป้าหมายระยะสั้น/ระยะยาว เป้าหมายเล็ก/ใหญ่
ส่ิงนึงที่คุณจะเห็นได้ทันที คือ การดำเนินชีวิตคุณจะเปลี่ยน ไม่เชื่อมาดูกันซิคะ


1. ออกกำลังกาย: สำคัญมากๆ และได้ยินกันบ่อยเหลือเกิน
แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่ค่อยมีใครใส่ใจกับสิ่งนี้
ออกกำลังกายในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า เดิน+วิ่ง รวม 5 km. สัปดาห์ละครั้งแล้วถือว่าจบ!นะคะ ขอเน้นว่าแย่มาก!!!!
ออกกำลังกายแบ่งเป็น 2 เรื่อง
1) Cardio ได้แก่ การวิ่งหรือปั่นจักรยานติดต่อกัน 45 นาที สัปดาห์ละ 3วัน ต้องมีวินัย ห้ามโกง!
2) Strength ได้แก่ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดสำคัญๆ เช่น หัวเข่า ข้อเท้า ใครเข้าฟิตเนสจัดไปค่ะ ให้เทรนเนอร์ช่วยแนะนำ
ส่วนดิฉันใช้วิธี ขึ้น-ลงบันได 6 ชั้น ขึ้น-ลงนับ 1 รอบ ทำซ้ำ 10 รอบทุกวันเป็นเวลา 1 เดือนต้องมีวินัย ห้ามโกง!

ที่ต้องเน้นย้ำเพราะร่างกายที่พร้อมนั้น จะช่วยให้การเดินทางราบรื่น ไม่เดือดร้อนผู้อื่น ที่สำคัญที่สุดคือ"ไม่เดือดร้อนตนเอง"
ลองนึกภาพตามนะคะ เมื่อร่างกายไม่พร้อม จะเกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ  หายใจไม่ได้เพราะหัวใจทำงานหนัก
บางคนอาจโกหกเพื่อนว่าฉันไหวจ่ะ! อย่าห่วง เดินไปก่อนเลย ไม่อยากเป็นตัวถ่วง
แล้วฝืนเดินต่อ.....แบบทรมานส้นตรีน!!! หัวเข่า แทนที่จะได้ชื่นชมธรรมชาติอันแสนสวยงาม
และอากาศอันบริสุทธิ์ สดชื่น ของธรรมชาติ แต่กลับต้องมาหายใจไม่ทัน หัวใจเต้นแรงและเจ็บปวดทรมานร่างกาย
ดังนั้นเชื่อดิฉันเถอะนะคะ ไปเที่ยว ต้องสนุก ต้องมีความสุข ออกกำลังกายเถอะค่ะ
  
2. รองเท้า Trekking นี่ก็สำคัญสุดๆรองจากข้อแรก
รองเท้าเป็นส่ิงเดียวที่จะนำพาเราไปถึงจุดหมายปลายทางได้ตลอดรอดฝั่ง
รองเท้าที่ดีจะช่วยชีวิตเรา ไม่ทำร้ายเรา ดังนั้นขอให้ซื้อรองเท้าที่ดีที่สุดในงบประมาณที่เรามีค่ะ
ดิฉันเลือก Merrell รุ่น Capra Mid Waterproof (เสียตังส์ซื้อเองด้วย ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด)
ได้หมดทุกยี่ห้อแหล่ะค่ะ จะ Northface/ Columbia ขอแค่เป็นวัสดุ GoreTex
เพื่อกันน้ำจากหิมะเข้ารองเท้า เดินผ่านลำธารได้สบายใจ
GoreTex ยังสามารถระบายอากาศกลิ่นอับออกจากรองเท้าได้ดีอีกด้วย
เรียกได้ว่าถอดรองเท้ามา ถุงเท้ายังใหม่ไม่มีกลิ่นอับ ไม่เปียกเหงื่อเลย
พื้นรองเท้าจะให้ดี....ดูที่ผลิตจากวัสดุ Vibram นะคะ เพื่อการยึดเกาะหิน กันลื่นตกเขาได้ดีค่ะ
เห็นไหมคะ "รองเท้า....คือชีวิตนะคะ"

แหมมมม! ผ่านมา 2 ข้อ อย่าหาว่าดิฉันเยอะเลยนะคะ!
ใครไม่พร้อมก็เอาเท่าที่มีแหล่ะค่ะ เห็นพวกลูกหาบก็ใส่ผ้าใบกันธรรมดา (แต่ร่างกายเค้าเจอขึ้นลงเขากันแบบนี้ทุกวันไง)
ส่วนใครพร้อมก็จัดสิคะ.... รออาราย

3. ไม้เท้าเดินป่า หรือ Trekking Pole ตอนแรกก็ซื้อไปงั้นเองค่ะ คิดว่าไม่เห็นจะจำเป็นเลย
และโชคดีด้วยที่ดันซื้อไป 2 อัน หรือ 1 คู่นั่นเอง
เพราะตั้งแต่ขาขึ้น ยันขาลง ขาดไม้เท้าไม่ได้เด็ดขาดเลยค่ะ เรียกได้ว่าทำหน้าที่แทนเท้าเราเลยแหล่ะ
การจัดระดับไม้เท้าก็สำคัญนะคะ ควรตั้งความสูงให้อยู่ระดับสะโพก
ห้ามสูงขึ้นมาเกินสะโพกนะคะ ไว้เดินเองจะเข้าใจ (คือ....ถ้าสูงเกินสะโพกจะทำให้ปวดไหล่มากเมื่อเดินนานๆ)
ข้อนี้ก็เช่นกัน....ลูกหาบแบกกระเป๋าให้เรา เดินกระโดดกัน ดึ๋งๆ สนุกสนาน ไม่ต้องมีไม้เท้าซักหน่อย
ก็ลองดูค่ะ แล้วแต่.... แล้วแต่....

4. การแต่งกายขอเรียงตั้งแต่หัว-จรดตรีนนะคะ


4.1 หมวก 2 ชนิด:
หมวกไหมพรมแบบมีผ้าบุฟรีซ ซื้อที่เนปาลได้ทั้งบนเขาและถนนทาเมลใบละ 150-300 บาทไทย
หมวกเดินป่า ปีกกว้าง ระบายอากาศได้ (แนะนำซื้อที่ Decatlon ค่ะ)
4.2 ผ้าบัฟ ใช้หลายผืนค่ะ ดิฉันไปซื้อที่ทาเมล ได้ลวดลายและหลายสไตล์ดีค่ะชอบ
ถูกด้วยตก50-100บาทไทย เพราะระหว่างเดินอากาศเย็นธรรมดาก็ป้องกันแดดเผาคอ
พออากาศหนาวก็ไว้เช็ดน้ำมูกไหลมาจากไหนไม่รู้เยอะมาก ถ้าเข้าเมืองก็กันฝุ่นจากถนน
4.3 แว่นตากันแดด กัน UV 100% จะ Polarised หรือไม่ก็ไม่เป็นไรค่ะ
แว่นจะสำคัญวันที่ต้องเดินบนหิมะขาวโพลนเจอกะแสงแดดจ้าๆ
4.4 ไฟฉายคาดศีรษะ จะใช้ก็ตอนจะเข้าห้องน้ำเวลาอยู่ที่พักตอนกลางคืนค่ะ
ตอนแรกก็เตรียมไปแบบกลัวเดินถึงที่พักมืดค่ำ แต่ปรากฎว่าเราทำเวลากันได้ดีมาก
4.5 เสื้อผ้า ขอแบ่งเป็น Layer (ชั้นๆ) ดังนี้
-ชั้นในสุดสำหรับผู้หญิง คือ Top bra วันแรกๆก็ใส่ค่ะ แต่พอวันหลังๆรู้สึกอึดอัด เลย No bra ไปเลยคริๆ
-ชั้นถัดมา คือ ลองจอน หรือ Heattech ultra warm ก็ได้ค่ะ 1ชุด เสื้อและกางเกง แนะนำที่ Uniqlo หรือ Mark&Spencer ใส่เวลานอนกลางคืนหนาวมาก
-ชั้นถัดมา คือ ฟรีซ Freeze Jacket แนะนำซื้อที่ Decatlon หรือ Uniqlo ก็ได้ค่ะ ใส่เวลานอนกลางคืนและกลางวันในวันที่เจอหิมะ
-ชั้นถัดมา คือ ขนเป็ด ขนห่าน Down Jacket ใส่เวลานอนกลางคืนและกลางวันในวันที่เจอหิมะ
-ชั้นนอกสุด คือ เสื้อกันลมกันฝน Windshell Jacket สำหรับใส่ตอนลุยหิมะเลยค่ะ ลมปะทะมาก็ไม่รู้สึกมันเริ่ด!
แนะนำซื้อที่ Decatlon เช่นกัน (ถูกและดีมากค่ะ)
-ส่วนวันที่เดินป่าแบบที่ยังมีต้นไม้-พงไพร ก็ใส่แค่เสื้อแขนยาวระบายอากาศดี พวกเสื้อกีฬาค่ะ
คู่กับกางเกงเดินป่าขายาวระบายอากาศดี แบบแห้งเร็ว  
จะเริ่มเห็นหายนะ..... คืบคลานมาแล้วค่ะ กระเป๋าจะเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ แบกไปสุวรรณภูมิจะรอดไหม?

งานนี้ขอให้ทิ้ง Cotton ไปให้หมดค่ะเพราะน้ำหนักเยอะ!!! ดูดซับเหงื่อ-แห้งช้า-หนาวแน่!!!!
แล้วอย่าคิดนะคะว่าจะซักผ้าได้ ไม่มีวันไหนเลยที่ตากผ้าแห้ง ตากไปก็เปียกเย็นแข็งเป็นน้ำแข็ง
แม้กระทั่งผ้าขนหนูเช็ดหน้าก็ตากไม่แห้งค่ะ นอกจากจะนำมาผึ่งกะเตาผิงในห้องครัว ซึ่งก็เกรงใจเค้านะ
นี่จึงเป็นที่มาของการใช้ข้อถัดไป
4.6 กางเกงในกระดาษ และทิชชูเปียกในการล้างหน้า เช็ดตัว เช็ดผม เช็ดน้อง เอวี่ติงค่ะ
4.7 ถุงมือ-ถุงเท้า: สิ่งที่จะทำให้มนุษย์เรารู้สึกหนาวคือ มือและเท้าค่ะ !No Cotton!!! เช่นกันค่ะ
งานนี้ขอผ้า wool เท่านั้น ดิฉันไปหาถุงเท้าผ้า wool เจอที่ H&M เริ่ดมากค่ะอุ่นสุดๆ
ส่วนถุงมือหาซื้อได้มากมายที่ถนนทาเมลและระหว่างทางตามหมู่บ้าน
มีถุงมือไหมพรมบุฟรีซอย่างดีอุ่นมากค่ะ วางขายราคาถูกด้วย
ส่วนทางเดินป่าที่ยังไม่เจอหิมะ ก็หาถุงมือสำหรับจับไม้เท้าไปด้วยก็ดีนะคะ จะได้ไม่เจ็บมือ
4.8 Gaiter ค่ะ หรือถุงเท้ากันหิมะเข้ารองเท้าค่ะ หาซื้อได้ตามร้านสนามเดินป่า อุปกรณ์เดินป่า

เป็นไงคะ ผ่านไป 4 ข้อ หมดงบประมาณกันไปเท่าไหร่แล้ว? =='

5. เรื่องกินก็สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากดิฉันเป็นคนกินง่าย-อยู่ง่าย-นอนง่าย ได้ทุกที่
จึงมองข้ามข้อนี้ไปอย่างแรง!!! ขอนำประสบการณ์มาเล่าแบบนี้ค่ะ
...ไอ่เราก็คิดว่าจะมีร้านค้าขายกล้วย ส้ม ผลไม้ระหว่างทาง ปรากฎว่าเส้น Langtang ไม่มีสักกะร้านค่ะ
...ไอ่เราก็คิดว่าไข่ต้ม ไข่ดาว กินกะข้าว ตรูก็อยู่ได้จะอะไรนักหนา ปรากฎว่า....
ไข่ต้มเค้ากินเพียวค่ะ และเมื่อขึ้นไประดับความสูงเกิน 3000m ไม่มีข้าว ไม่มีเนื้อสัตว์ ไม่มีผัก
แล้วคุณยิ้ม แดร๊กกกก อะไรกันคะ? (ขออนุญาตไม่สุภาพมันเป็นอรรถรสค่ะ)
*ได้โปรดพกแม๊กกี้ไปนะคะ ระหว่างเดินป่าพกชอคโกแลตไปค่ะ กัดทีละท่อน ทีละแท่งช่วยได้เยอะ*
อะไรที่อยู่เมืองไทยไม่เคยกินพอขึ้นที่สูงขึ้นเรื่อยๆเจอ กระทิงแดง โคคาโคล่า ได้มานี่โครตชื่นใจ!!!
หมายเหตุ พกกระบอกน้ำเก็บรักษาความร้อนไปด้วยค่ะ
ไว้นำมาจิบตอนนอนในที่พักเพราะอากาศหนาวมาก และไว้จิบตอนเดินป่าหลังกินชอคโกแลตแก้แสบคอ
พวกกระติกน้ำพลาสติกธรรมดาไม่ต้องพกไปนะคะ ทิ้งไปค่ะ ใช้ประโยชน์ไม่ได้

6. ยาป้องกัน Altitude Sickness โดยอาการมันจะมีดังนี้
6.1 เมื่อขึ้นไปความสูงเกิน 2500m อากาศจะเบาบาง เริ่มมีออกซิเจนให้เราหายใจน้อยลง
อาจจะมีอาการ Acute Mountain Sickness (AMS)
โดยจะเร่ิมจากอาการปวดหัว การรับรสชาติจะแย่กินอะไรก็ไม่อร่อย คลื่นไส้และอาเจียน
หากไม่ได้ทานยาป้องกันไว้ แล้วมีอาการแบบนี้เกิดขึ้น วิธีเดียวคือ เดินลงค่ะ!!!!
อีกวิธีคือ การได้รับออกซิเจน แต่นั่นหมายความว่าคุณต้องแบกออกซิเจนถังแบบนักดำน้ำนะคะ
!!!!การฝืนเดินขึ้นต่อ เป็นอันตรายถึงชีวิตค่ะ!!!!!!

การป้องกันคือ ทานยาประเภทแก้ปวดต่างๆเช่น Tylenol>Brufen>Diamox  
เรียงตามระดับความสูงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวัน เฉพาะขาขึ้นเท่านั้นค่ะ
เพราะขาลง คือการรักษาโรคอยู่แล้ว (การทานยาควรปรึกษาแพทย์ สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวและแพ้ยา)

หมดแระม้างคะ ที่เหลือก็คง....หาวันหยุด... ลาพักร้อน หรือลาออกเอาค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
เตรียมของพร้อม ร่างกายพร้อม เริ่มออกเดินทางกันค่ะ Go! go! ซัม! ซั่ม! (ภาษาเนปาลแปลว่า ไป! ไป!)
ชื่อสินค้า:   วันแรก บนถนนสายหฤโหดดดดด! เส้นกาฎมาณฑุ Kathmandu-ดุนเจ Dhunche
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่