[CR] เกาะพยาม...พกใจใส่กระเป๋า ลุยๆชิลๆกับ 2คืน 3วัน

สวัสดีค่ะ,
นี่ก็เดินทางมาถึงกระทู้ที่ 3 ของเราแล้ว จริงๆ มันเหมือนการนั่งทบทวนความทรงจำ ของการเดินทางอีกครั้ง ลงในไดอารี่เล่มใหญ่
ทริปนี้เราเลือกทะเลที่สวย สงบ อย่าง “เกาะพยาม” แห่งเมืองระนองค่ะ ว่าแล้วก็ลุยกันเล้ย!



เรามีเวลา 2คืน 3วัน  ในการตะลุยที่เกาะพยาม (6-8 May 2016)  
โดยเริ่มเดินทางตั้งแต่คืนวันที่ 5 May 2016 จากสถานีขนส่งสายใต้ (รถ ป.1) รอบ 20:30น. นอนยาวปายๆ เลยค่ะ



Day 1 (6 May 2016)
มาถึง บขส. ระนอง เช้าวันที่ 6 เวลา 06:00 น.  หลังจากลงรถปุ๊บ! ก็มาต่อสองแถวจิ๋ว ไปที่จุดซื้อตั๋วเรือ ค่ารถคนละ 30บ.

ถึงตรงนี้สามารถเลือกนั่งเรือได้ 3 แบบ  ตามความสามารถเรือ ราคา และเวลาค่ะ ส่วนเราเลือกเรือเมล์สิคะรออะไร ฮ่าๆ
- Hi Speed Boat:  เดินทาง 30-40 นาที (350 บ. /คน)
- Express Boat:  เดินทาง 1 ชั่วโมง (280 บ. /คน)
- เรือเมล์:  เดินทาง 2 ชั่วโมง (200 บ. /คน)


หลังจากที่ซื้อตั๋วเรือเสร็จ จะมีรถบริการไปส่งขึ้นเรือ ที่ท่าเรือไต๋แขก ท่านี้จะอยู่อีกที่หนึ่งนะคะ




ระหว่างข้ามเกาะกลางทะเลอันดามัน ยื่นหน้าโต้ลมทะเล ชมวิวกันไปเพลินๆ



และแล้วเราก็มาถึงท่าเรือฝั่งเกาะพยาม ขณะนี้เวลา 12:30 น. แหมะ! แดดนี่ ช่างร้อนแรงดีจริงๆ




ไม่รีรอ รีบเดินดุ่ยๆ ไปที่ร้านสวัสดี (ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์) อยู่ไม่ไกลจากป้ายทางเข้าเกาะพยาม ค่าเช่า 200 บ./วัน ค่ะ
*ข้อควรระวัง: ถ้าเวลาที่น้ำทะเลขึ้นสูง ห้ามขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำเด็ดขาด เพราะน้ำคลอง กับน้ำทะเลต่างกัน
น้ำทะเลจะทำให้เครื่องดับ และต้องเสียค่าปรับให้กับทางร้านเพื่อซ่อมค่ะ


ขับรถมาเช็คอินเข้าที่พัก ที่ Sabai Sabai Beach Bungalow จะอยู่อ่าวเดียวกับท่าเรือ ก็คืออ่าวแม่หม้ายค่ะ
ค่าที่พัก 700 บ./ คืน  เราชอบที่นี่เพราะห้องอยู่ติดชายหาด มองออกไปเห็นวิวทะเลใกล้นิดเดียว



มีโซนมินิบาร์ และโซนหน้าชายหาดให้นั่งชิลๆด้วยค่ะ



ขณะนี้เวลา 15:40 น. เพื่อไม่ให้เสียเวลา วันนี้ขอเก็บภาพทะเล ซักอ่าว สองอ่าว ก็ยังดีค่ะ
ประเดิมอ่าวแรกกันที่ “อ่าวใหญ่ (ทับอวน)” ที่นี่เป็นหาดทรายกว้าง ยาว สงบ แต่เป็นช่วงที่น้ำลงค่ะ



มาต่อกันที่ “อ่าวคอกิ่ว” ที่นี่ได้บรรยากาศวิวโขดหิน แปลกตาไปอีกแบบ แต่ก็นั่นแหละค่ะ เรามาช่วงน้ำลง



อ่าวสุดท้ายของวันนี้ที่ “อ่าวแม่หม้าย” หน้าบังกะโลเราเอง เดินเล่นชมวิวพระอาทิตย์ตก  แสงสีธรรมชาติสร้างจริงๆค่ะ



Day 2 (7 May 2016)
ตื่นมารับแสงแรกของวัน  ต้อนรับกันด้วยเสียงคลื่น และเสียงน้องหมา สงสัยจะเห่าทรงผมตื่นนอนของเรา ฮ่าๆ



ได้เวลาลุยอ่าวแรกของวันนี้ ที่ “อ่าวกวางปีบ” ขอบอกว่าทางมาอ่าวนี้โหดเอาเรื่องเลย
ถ้าใครขับรถไม่แข็ง แนะนำให้จอดรถไว้ที่จุดจอดรถบริเวณทางขึ้นแล้วเดินไปที่อ่าว
วันนี้น้ำทะเลขึ้นสูง คลื่นซัดแรงใช้ได้เลย ทำให้เราเดินไปไม่สุดอ่าว เสียดายยยยย


น้ำทะเลใส ฟ้าสวย ลมโชยแบบนี้ก็ชื่นใจขึ้นมาเลย




ต่อกันที่ “อ่าวใหญ่” เป็นชายหาดยาว คลื่นที่อ่าวนี้เล่นเซิร์ฟได้ด้วย และก็ยังคงความสงบเช่นอ่าวอื่นๆ



หลังจากเพลียแดดกันมา ก็งีบพักสายตาที่ใต้ต้นไม้กันซะหน่อย


15:15 น. ฝ่าแดด ลมร้อนกันมาที่ “อ่าวเขาควาย (หินทะลุ)” ที่นี่จุดเด่นจะเป็นวิวช่องหินค่ะ






หลังจากชมวิวทะเลกันมาเกือบทั้งวัน นี่เป็นอีกที่ ที่เราตั้งใจอยากมาดู มาชมมาก เรียกว่าไฮไลท์ได้มั๊ยนะ?
ที่นี่คือ ฮิปปี้บาร์ (Hippy Bar) แห่ง “อ่าวเขาควาย” เราไม่มีข้อมูลเลยว่าที่นี่สร้างจากใคร หรือไอเดียไหน




ข้างในเจ๋งเลยล่ะ เพราะสร้างจากไม้เกือบทั้งหมด ทุกจุดคือสมชื่อฮิปปี้บาร์จริงๆ ที่นี่เน้นขายเครื่องดื่มเป็นหลักไม่มีเมนูอาหารค่ะ
แอบเสียดายที่เราไม่ได้นั่งชิลจนถึงตอนค่ำแต่ก็เดินดู นั่งดู เก็บบรรยากาศรอบๆ ร้านให้ได้นานที่สุดค่ะ




บรรยากาศทางไปหมู่บ้านมอร์แกนค่ะ  นี่เป็นอีกที่ ที่เราไปไม่ถึง เพราะเวลานั้นเย็นมากแล้ว อดไปเยือนเลยค่ะ


ก็เลยจบทริปของวันนี้ที่การกินข้าวก่อนเข้าที่พัก กลับไปนอนเปล ฟังเพลงชิลๆ มองคลื่นทะเล อยู่หน้าบังกะโล
นาทีนั้น แค่คิดว่าวันพรุ่งนี้จะต้องกลับออกไปจากที่นี่ ก็เหงาหงอย งองแงในอารมณ์กันเลยทีเดียว

Day 3 (8 May 2016)
ช่วงสายๆ หลังจากที่ออกไปกินมื้อเช้าลองท้องแล้ว 10:00 น. เราก็เช็คเอ้าท์ออกจาก Sabai Sabai Beach Bungalow และไปต่อค่ะ
ที่อ่าวแม่หม้าย ยังมีวัดกลางน้ำที่เราตั้งใจแวะมาก่อนจะกลับ



ด้านในก็มีองค์พระพุทธรูปให้กราบไหว้ นั่งพักเย็นๆกันซะหน่อย



ด้านนอกมองลงไปในน้ำ ใต้สะพานจะมีปลาเล็ก ปลาน้อยว่ายวนอยู่บริเวณนี้ด้วย


เนื่องจากเราซื้อตั๋วเรือเมล์ ไว้รอบ 14:00 น. เวลาที่ยังเหลือก็ไปแวะนั่งชม ชิม ชิล ที่ Blue Sky Resort กันก่อนค่ะ
นั่งพักพิง อิงกาย ฟังเพลงสบายๆ ริมทะเล แบบนี้มันฟินเฟ้อ!! ดีจริงๆ





และแล้วเวลาของเราก็มาถึง 13:45 น. ขับรถมอเตอร์ไซค์มาคืนที่ร้านสวัสดี และเดินไปขึ้นเรือที่ท่า


เรือเมล์ที่ซื้อขากลับ เป็นเจ้าของเดียวกับร้านสวัสดีที่เราเช่ารถมอเตอร์ไซค์ค่ะ จะมีที่นั่งแค่ชั้นล่างค่ะ


16:20 น. และแล้วเราก็กลับมาถึงฝั่งระนอง เหมือนตื่นจากฝัน กลับมาสู่โลกความจริงยังไงไม่รู้ ฮ่าๆ
จากท่าเรือฝั่งระนอง เดินออกมาจากซอยไม่เกิน 200 เมตร ก็จะเจอปากทาง และรอรถสองแถวสีแดง คนละ 15 บ.



สองแถวจะผ่านหน้าสำนักงานโชคอนันต์ (รถ ป.1) เลยค่ะ เอาล่ะ ได้เวลาตีตั๋วกลับกรุงเทพกันแล้ว

ด้วยความที่เราได้ตั๋ว รอบ 20:00 น. ต้องรอเวลาอีกนานกว่ารถจะออก  คุณลุงที่เกษียณจากโชคอนันต์ใจดี
พาพวกเราขึ้นรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ไปที่บ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน น่าจะเป็นไฮไลท์ของเมืองระนองค่ะ





คุณลุงปล่อยให้พวกเราเดินเล่น แช่น้ำแร่ร้อนกันอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็กลับมารับอีกครั้งตอน 18:45 น. ค่ะ
จากหลังตรงนี้เราก็ขึ้นรถ ป. 1 ของบริษัทโชคอนันต์ รอบ 20:00 น. และถึงสถานีขนส่งสายใต้  06:00 น.
ของวันที่ 9 May 2016 ค่ะ และชีวิตเร่งรีบ รวดเร็ว ของมนุษย์เงินเดือนของเราก็กลับมาในทันทีทันใด

เรารวบรวมเมนูอาหารแบบประหยัดบนเกาะพยาม มาให้ดูกันค่ะ ขอแนะนำร้าน “นุช อุดร” ส่วนตัวชอบค่ะ
อาหารรสชาติดี ปริมาณนี่จัดว่าเยอะเลย ส่วนราคาอาหารจานเดียวของแต่ละร้าน ราคาอยู่ที่ 70-100 บ.



การเดินทาง มันเป็นบทเรียนนอกกรอบ เป็นประสบการณ์ และความทรงจำ ที่เจ๋งจริงๆ ค่ะ
สำหรับจุดหมายปลายทางที่เราตั้งใจจะไปให้ถึง ยังทำให้รู้ว่าระหว่างทางมีค่าแค่ไหน
ยังมีอีกหลายที่ ที่รอให้เราไปค้นหาอยู่ ขอบคุณทุกๆคน ที่ร่วมเดินทางกันมาจนถึงตรงนี้นะคะ
ชื่อสินค้า:   เกาะพยาม จ.ระนอง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่