สวัสดีคะ เนื่องจากเราได้ดูหนังอินเดีย เรื่องพระพุทธเจ้านั้น เราจึงอยากจะไปสัมผัสดินแดนแห่งศรัทธา แห่งนี้สักครั้งนึงในชีวิต การเดินทางเลยเริ่มขึ้น หลังจากนั้นเราก็ได้ทำการจองตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ เราจองแบ่งเป็น ขาไปลง กรุงเทพ-กัลกัตตา ขากลับ นิวเดลี-กรุงเทพ ซึ่งได้ราคามาทั้งสิ้นประมาณ 24,000 บาท สำหรับ 2 คน เราเลือกไปช่วงปีใหม่ เพราะว่าอาการน่าจะไม่ร้อน ซึ่งหลังจากทำการจองตั๋วเสร็จเรียบร้อยแล้ว อีก 1 เดือนจะถึงเวลาเดินทาง ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถ จึงต้องทำให้เลื่อนการเดินทางออกไป ทำให้เราต้องทำการเลื่อนตั๋ว แล้วขอ Refund ตั๋วรถไฟทั้งหมดที่ได้ทำการจองไว้กับ Cleartrip ทั้งหมด หลังจากได้รับการยืนยันจากแพทย์ว่าสามารถเที่ยวได้แล้ว ก็มาสรุปวันเดินทางกันใหม่อีกครั้ง ซึ่งระยะเวลาของตั๋ว ได้ช่วงที่ร้อนสุดของอินเดีย แตน แต็น เราจะไปกันช่วงเดือน พฤษภาคม นั่นเอง ซึ่งคิดว่าเอาหนะ ไหน ๆ ก็ตั้งใจจะไปตั้งแต่แรกแล้วก็ไปเถอะ สภาพอากาศคงไม่ต่างจากประเทศไทยเท่าไรหรอก และการเดินทางของเราก็ได้เริ่มขึ้น แพลนของเราทั้งหมดคือ 6 วัน ไฟล์ที่เราจองคือเราจะไปถึงอินเดียกันตอนเช้า แล้วเริ่มเที่ยวเลย วันที่รอคอยก็มาถึง ไฟล์ของเราคือ ตี 5 สนามบินสุวรรณภูมิ พวกเราเดินทางไปถึงสนามบิน กันตอนตี 3 เพื่อที่จะได้ไปทำการจองที่นั่งกันก่อน
แผนการเดินทางของเราคือ เริ่มจาก กัลกัตตา ไปคยา ต่อพาราณสี ขึ้นเครื่องไปอักรา และนั่งรถไฟกลับมาที่นิวเดลี เพื่อกลับเมืองไทยคะ
หลังจากนั้นตอนตี 5 เราก็ได้เริ่มการเดินทางสู่ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ ในตอนที่นั่งเครื่องบินนั้น เราไม่ได้ทำการสั่งข้าวใด ๆ เพราะว่าเราเป็นคนไม่ชอบอาหารกลิ่นแรง ๆ อยู่แล้ว ดังนั้นในระหว่างที่อยู่บนเครื่องเลยนอนพักเอาแรงไปก่อน
เรามาถึงอินเดียตอน 7.10 ตรงตามกำหนดการเป๊ะมาก บนเครื่องบินมีแต่คนอินเดีย แต่ที่สำคัญ พูดภาษาไทยกันได้ทั้งลำ ลำของเจ้าของกระทู้เลยไม่มีการขน TV กันมาเลย พอมาถึงก็มีเรื่องสนุกให้ได้เจอ กันตั้งแต่สนามบินเลยทีเดียว กระเป๋าเจ้าของกระทู้นั้น เปียกน้ำทั้งหมด ทั้ง 3 ใบ ความระทึกยังไม่จบเท่านั้น พอเจ้าของกระทู้กำลังจะเดินผ่าน ตม. ที่กัลกัตตา ตม. ไม่ยอมให้เจ้าของกระทู้ผ่านเข้าประเทศไปได้ง่าย ๆ เริ่มยิ่งคำถามรั่ว ๆ เป็นภาษาอังกฤษ สำเนียงแขก ใส่เจ้าของกระทู้ เจ้าของกระทู้ได้ให้เพื่อนที่มาด้วย มาช่วยกันฟัง และพูดให้ แต่ ตม.ก็ยังไม่ให้เจ้าของกระทู้ผ่าน กว่าจะผ่านมาได้ ผ่านเป็นคนสุดท้าย ของเครื่องบินลำนั้น
อันนี้รูปสนามบินกัลกัตตาคะ
หลังจากยืนคุยกับ ตม. อยู่นานและผ่านมาได้นั้น เจ้าของกระทู้ เลยขอนั่งพัก เช็ดกระเป๋าสักพัก แล้วก็ค่อยไปใช้บริการ Prepaid taxi
รูปซุ้ม Prepaid taxi ที่สนามบินคะ
หลังจากเราทำการจ่ายเงิน และบอกสถานที่ ที่เราจะกับ Prepaid taxi แล้ว ก็จะได้บิล เพื่อนำไปขึ้นรถ taxi ที่จอดอยู่ข้างหน้าสนามบินคะ
อันนี้คือหน้าตาของใบเสร็จที่เราได้รับหลังจากเราจ่ายเงินนะคะ
โดยที่แรกที่เราจะไปชมกันนั้นคือ Victoria Memorial ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากสนามบิน ประมาณ 45 - 60 นาทีคะ ค่าโดยสารอยู่ที่ 330 รูปี คะ อันนี้คือรูป รถ Taxi ที่เราได้นั่งไป Victoria Memorial นะคะ
ซึ่งตลอดทางที่ไป จะมีเสียงบีบแตรกันอย่าง สนุกสนาน ซึ่งอากาศในวันนั้นที่อินเดียอยู่ที่ประมาณ 40 องศาคะ ไม่ต่างจากประเทศไทยเราเลยคะ และรถ Taxi ที่นี่ไม่มีแอร์นะคะ ก็นั่งร้อน ๆ กันไปคะ คิดซะว่าเรากำลังอบซาวน่า เพื่อลดความอ้วนกันอยู่คะ ในที่สุดก็ถึงสถานที่แรก ที่เราจะมาเที่ยวนะคะ ซึ่งเรามาเช้าไปคะ เค้ายังไม่เปิดให้เข้าชมกันคะ แต่ก็มีคนอินเดียเริ่มมายืนรอ เพื่อเข้าไปเที่ยวที่แห่งนี้เหมือนกันคะ งั้นเรามาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศข้างหน้าไปก่อนแล้วกันนะคะ ซึ่งอากาศตอนนั้น เจ้าของกระทู้ ร่างแทบจะไปหมูปิ้งแล้วคะ
อันนี้คือภาพด้านหน้าของ อนุสรณ์สถาน Victoria Memorial คะ
ตอนแรกเราตั้งใจจะไปต่อที่ St. Paul's Cathedral แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศร้อนมาก จนเราต้องนั่งหาร้านข้าวกลางวันทานกัน และเปลี่ยนแผนเดินทางไปที่สถานีรถไฟ Howrah คะ
ปล. ถ้าไปตอนอากาศดี ๆ จาก Victoria Memorial ไป St. Paul's Cathedral เดินไปไม่ถึง 15 นาทีคะ
หลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จแล้ว เจ้าของกระทู้ได้เรียกรถ Taxi เพื่อให้ไปส่งที่สถานีรถไฟ Howrah ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจาก Victoria Memorial คะ ซึ่งได้ทำการต่อราคา พร้อมกับเดินหนี แล้ว Taxi ขับตาม สนธิค่า Taxi จาก Victoria Memorial ไป Howrah Station อยู่ที่ 100 รูปีคะ
เราได้เดินทางมาถึงสถานีรถไฟเช้ามาก เพราะรอบรถไฟที่เราจะเดินทางคือ ตอน สี่ทุ่ม เนื่องจากเจ้าของกระทู้เลือกรอบดึก เพราะเจ้าของกระทู้อยากจะให้เดินทางไปถึงพุทธคยาในตอนเช้าคะ ซึ่งเจ้าของกระทู้ได้ทำการจองรถไฟผ่านทาง Cleartrip ถ้าใครอยากสอบถามรายละเอียดการจอง Cleartrip สามารถถามเข้ามาได้นะคะ
ตั๋วที่เราจองชั้น 1 แต่เรายังไม่ทราบขบวนรถไฟ ซึ่งเราสามารถจะทำการ Confirm ชานชาลา กับที่นั่งได้ก่อนเวลาแค่ 2 ชั่วโมงคะ เจ้าของกระทู้เลยเดินถ่ายรูปเล่นแถว ๆ นั้นคะ
ในสถานีรถไฟ ที่นั่งรอสำหรับตั๋วชั้น 3 คะ
สะพาน Howroh มีความสงบในความวุ่นวาย
ส่วนที่นั่งรอรถไฟสำหรับ ชั้น 1 และ 2 คะ จะมีห้องน้ำ และห้องอาบน้ำแยกคะ ยังมีห้องนั่งรอ แยกชาย หญิง และรวมคะ
และเมื่อถึงเวลา 4 ทุ่ม เจ้าของกระทู้ก็ได้ออกเดินทางไปที่คยาคะ ภายในรถไฟ ชั้น 1AC ในห้องจะมี 4 เตียงคะ และจะมีประตูปิดให้อีกชั้นคะ
วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน เจ้าของกระทู้หลับไม่รู้เรื่องเลยคะ
วันที่ 2 เราเดินทางมาถึงคยาตอนประมาณ 7 โมงเช้าคะ ซึ่งวันนี้เราจะทำการพักที่วัดป่าพุทธคยา
ได้ทำการต่อรองกับ ริกซอร์ จากหน้าสถานีรถไฟ ไปวัดป่าพุทธคยา ได้ราคาอยู่ที่ 200 รูปีคะ แพลนของเราวันนี้คือ เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวที่วัด แล้วไป พุทธคยา สถานที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คะ
รูปห้องพักคะ
ช่วงที่เจ้าของกระทู้ไป ไม่ได้เป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวจำนวนห้องพักเลยว่างเยอะ แต่ทั้งนี้ทางวัดก็มีอาหารเตรียมไว้ให้ครบทั้ง 3 มื้อเหมือนเดิมคะ พอได้ทานอาหารเช้า และเข้าไปทำการอาบน้ำ พักผ่อน
ช่วงบ่ายเจ้าของกระทู้ ก็ได้ออกไปที่พุทธคยา ซึ่งมีคนอินเดียที่นับถือศาสนาพุทธไปสักการะกัน ทั้งนี้เจ้าของกระทู้ไม่เจอ ขอทานเลยคะ เนื่องจากอาจจะไม่ใช่หน้าเทศกาลท่องเที่ยวของเค้าคะ
เมื่อเจ้าของกระทู้เดินไปถึงต้นโพธิ์ ซึ่งเป็นที่ ๆ สงบและยังมีพระสงฆ์จากประเทศต่าง ๆ มานั่งทำสมาธิ เป็นที่ ๆ ทำให้จิตใจสงบ และเป็นที่ ๆ น่าเลื่อมใสยิ่งนัก
ทริปนี้เจ้าของกระทู้ได้เจอเจ้าหน้าที่อินเดีย ที่จิตใจดี เดินมาแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ในพุทธคยา ทั้งนี้หลังจากแนะนำเสร็จเจ้าของกระทู้ จะให้ทริป ซึ่งเจ้าหน้าที่อินเดียได้พูดว่ามันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ เจ้าของกระทู้เลยขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้พยายามจัดแต่งทรงผมอยู่นาน พร้อมทั้งหาหมวก แล้วหันมาถามว่าหล่อหรือยัง 555
หลังจากกลับมาทานอาหารมื้อเย็นตอน 18.30 แล้วนั้นเจ้าของกระทู้ได้ให้พี่คนไทย ติดต่อรถมารับไปสถานีรถไฟคยา เพื่อเดินทางต่อไปที่พาราณสี ซึ่งเจ้าของกระทู้ได้จองรถไฟรอบ 4.30 เช้ามากกกกก ราคารถก็โหดตามเวลาคะ ราคารถจากวัดไปสถานีรถไฟนั้น คนขับรถที่เป็นคนอินเดีย คิด 900 รูปี โอ้วแม่เจ้าาา แพงมากก แต่ไม่มีทางเลือกจริง ๆ คะ เพราะระหว่างทางจาก วัดถึงคยานั้น ไม่มีริกซอร์เลยในช่วงเวลานั้น
แต่แอบเคืองตรง นัดกันไว้ตี 3 แต่มาเกือบตี 4 เคืองมากเกือบตกรถไฟแนะ
วันที่ 3 ที่พาราณสี
หลังจากนั่งรถไฟมาทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง รถไฟที่เรานั่งคราวนี้คือ 2AC
ความแตกต่างระหว่างชั้น 1AC กับ 2AC คือ ใน 1 โบกี้ 2AC จะมีจำนวนผู้โดยสารเยอะกว่า 1AC และ 2AC จะมีไม่มีประตูกันแยกห้องเหมือน 1AC คะ เอารูปรถไฟชั้น 2AC มาฝากคะ
เรามาถึงที่สถานีพาราณีสีประมาณ 10 โมงคะ เนื่องจากรถไฟดีเลย์เป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมงคะ ถือว่ายังโชคดีที่ดีเลย์ไม่เยอะมาก พอมาถึงปุ๊บก็เจอคนขับรถริกซอร์มายืนรอ และตามเราไปทุกทีเลยคะ โดยวันนี้เราจะไปทำการหาที่พักและไปเที่ยวที่แม่น้ำพาราณสี และชีวิตตอนกลางคืน
แต่ปัญหาคือ เราลืมจองที่พักมาคะ เพราะคิดว่าจะขึ้นรถไฟต่อไปเลยตอนเย็น แต่เนื่องจากรถไฟดีเลย์ เราเลยเปลี่ยนแพลนเล็กน้อยคะ โดยเราจะทำการพักที่พาราณสี 1 คืน พร้อมทั้งจองตั๋วเครื่องบินภายในไปอักราเพิ่มอีก 1 เที่ยวคะ
อันนี้คือโรงแรมที่พาราณสีนะคะ เราไม่ได้จองโรงแรมใกล้แม่น้ำนะคะ เนื่องจากเป็นคนกลัวผีมากก... คะ
ราคาโรงแรมอยู่ที่ประมาณ 1200 บาทคะ รวมอาหารเช้า แล้วค่าริกซอร์จากโรงแรมไปสนามบิน อยู่ที่ประมาณ 450 รูปีคะ
ตอนเช้าหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ได้ทำการนั่งรถริกซอร์ไปที่สนามบินพาราณสี ระหว่างทางคนขับได้จอดรถลงไปทานข้าว เจ้าของกระทู้งง ๆ คิดว่าจอดให้ถ่ายสถานที่ ๆ เป็น Landmark เลยลงไปถ่ายรูปกับเพื่อน คนขับรถเลยตะโกนเรียกบอกให้ไปนั่งรอในรถ
สนามบินพาราณสี จะเจอแต่คนญี่ปุ่น กับยุโรป ซะส่วนใหญ่ค่า
รูปแม่น้ำคงคาคะ
วันที่ 4 เดินทางสู่อักรา
เราได้เดินทางมาถึงอักราตอนประมาณบ่าย 3 โมงคะ ขนาดนั่งเครื่องบินภายในประเทศแล้วก็ยังไม่วายโดนเครื่องดีเลย์ไปเกือบ ชั่วโมงครึ่งเลย T___T เราเดินทางโดยสายการบินของ Air India ค่า มีอาหารให้ด้วย ผู้โดยสารคนอินเดียทานกันเร็วมากกก ... พอลงที่อัครา เราก็ได้ทำจ้าง taxi ซึ่งก็ยืนเถึยงกันอีกเช่นเคย เรื่องค่าโดยสาร แต่เริ่มชินแระ เดินทางมาถึงโรงแรมที่เราจะเข้าพักแล้วคะ
โรงแรมที่เราจะเข้าพักชื่อ Taj resort ซึ่งอยู่ใกล้กับทัชมาฮาลมาก และสามารถเดินไปชมทัชมาฮาลได้แบบ สบาย ๆ คะ ซึ่งตอนที่เรากำลังเดินไปทัชมาฮาลนั้นก็มีคนขับรถริกซอร์ขับตามมาเพื่อจะไปส่ง บอกค่าโดยสาร fifty rupees เราก็บอกว่าไม่เป็นไร เดินได้ พี่แก่ลดเหลือ fourty repees เราก็ยังคงปฏิเสธ พี่แก่ลดลงเรื่อย ๆ จนถึงหน้าประตูทางเข้า
อินเดีย ดินแดนสุดแสน Amazing
แผนการเดินทางของเราคือ เริ่มจาก กัลกัตตา ไปคยา ต่อพาราณสี ขึ้นเครื่องไปอักรา และนั่งรถไฟกลับมาที่นิวเดลี เพื่อกลับเมืองไทยคะ
หลังจากนั้นตอนตี 5 เราก็ได้เริ่มการเดินทางสู่ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ ในตอนที่นั่งเครื่องบินนั้น เราไม่ได้ทำการสั่งข้าวใด ๆ เพราะว่าเราเป็นคนไม่ชอบอาหารกลิ่นแรง ๆ อยู่แล้ว ดังนั้นในระหว่างที่อยู่บนเครื่องเลยนอนพักเอาแรงไปก่อน
เรามาถึงอินเดียตอน 7.10 ตรงตามกำหนดการเป๊ะมาก บนเครื่องบินมีแต่คนอินเดีย แต่ที่สำคัญ พูดภาษาไทยกันได้ทั้งลำ ลำของเจ้าของกระทู้เลยไม่มีการขน TV กันมาเลย พอมาถึงก็มีเรื่องสนุกให้ได้เจอ กันตั้งแต่สนามบินเลยทีเดียว กระเป๋าเจ้าของกระทู้นั้น เปียกน้ำทั้งหมด ทั้ง 3 ใบ ความระทึกยังไม่จบเท่านั้น พอเจ้าของกระทู้กำลังจะเดินผ่าน ตม. ที่กัลกัตตา ตม. ไม่ยอมให้เจ้าของกระทู้ผ่านเข้าประเทศไปได้ง่าย ๆ เริ่มยิ่งคำถามรั่ว ๆ เป็นภาษาอังกฤษ สำเนียงแขก ใส่เจ้าของกระทู้ เจ้าของกระทู้ได้ให้เพื่อนที่มาด้วย มาช่วยกันฟัง และพูดให้ แต่ ตม.ก็ยังไม่ให้เจ้าของกระทู้ผ่าน กว่าจะผ่านมาได้ ผ่านเป็นคนสุดท้าย ของเครื่องบินลำนั้น
อันนี้รูปสนามบินกัลกัตตาคะ
หลังจากยืนคุยกับ ตม. อยู่นานและผ่านมาได้นั้น เจ้าของกระทู้ เลยขอนั่งพัก เช็ดกระเป๋าสักพัก แล้วก็ค่อยไปใช้บริการ Prepaid taxi
รูปซุ้ม Prepaid taxi ที่สนามบินคะ หลังจากเราทำการจ่ายเงิน และบอกสถานที่ ที่เราจะกับ Prepaid taxi แล้ว ก็จะได้บิล เพื่อนำไปขึ้นรถ taxi ที่จอดอยู่ข้างหน้าสนามบินคะ
อันนี้คือหน้าตาของใบเสร็จที่เราได้รับหลังจากเราจ่ายเงินนะคะ โดยที่แรกที่เราจะไปชมกันนั้นคือ Victoria Memorial ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากสนามบิน ประมาณ 45 - 60 นาทีคะ ค่าโดยสารอยู่ที่ 330 รูปี คะ อันนี้คือรูป รถ Taxi ที่เราได้นั่งไป Victoria Memorial นะคะ ซึ่งตลอดทางที่ไป จะมีเสียงบีบแตรกันอย่าง สนุกสนาน ซึ่งอากาศในวันนั้นที่อินเดียอยู่ที่ประมาณ 40 องศาคะ ไม่ต่างจากประเทศไทยเราเลยคะ และรถ Taxi ที่นี่ไม่มีแอร์นะคะ ก็นั่งร้อน ๆ กันไปคะ คิดซะว่าเรากำลังอบซาวน่า เพื่อลดความอ้วนกันอยู่คะ ในที่สุดก็ถึงสถานที่แรก ที่เราจะมาเที่ยวนะคะ ซึ่งเรามาเช้าไปคะ เค้ายังไม่เปิดให้เข้าชมกันคะ แต่ก็มีคนอินเดียเริ่มมายืนรอ เพื่อเข้าไปเที่ยวที่แห่งนี้เหมือนกันคะ งั้นเรามาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศข้างหน้าไปก่อนแล้วกันนะคะ ซึ่งอากาศตอนนั้น เจ้าของกระทู้ ร่างแทบจะไปหมูปิ้งแล้วคะ
อันนี้คือภาพด้านหน้าของ อนุสรณ์สถาน Victoria Memorial คะ
ตอนแรกเราตั้งใจจะไปต่อที่ St. Paul's Cathedral แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศร้อนมาก จนเราต้องนั่งหาร้านข้าวกลางวันทานกัน และเปลี่ยนแผนเดินทางไปที่สถานีรถไฟ Howrah คะ
ปล. ถ้าไปตอนอากาศดี ๆ จาก Victoria Memorial ไป St. Paul's Cathedral เดินไปไม่ถึง 15 นาทีคะ
หลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จแล้ว เจ้าของกระทู้ได้เรียกรถ Taxi เพื่อให้ไปส่งที่สถานีรถไฟ Howrah ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจาก Victoria Memorial คะ ซึ่งได้ทำการต่อราคา พร้อมกับเดินหนี แล้ว Taxi ขับตาม สนธิค่า Taxi จาก Victoria Memorial ไป Howrah Station อยู่ที่ 100 รูปีคะ
เราได้เดินทางมาถึงสถานีรถไฟเช้ามาก เพราะรอบรถไฟที่เราจะเดินทางคือ ตอน สี่ทุ่ม เนื่องจากเจ้าของกระทู้เลือกรอบดึก เพราะเจ้าของกระทู้อยากจะให้เดินทางไปถึงพุทธคยาในตอนเช้าคะ ซึ่งเจ้าของกระทู้ได้ทำการจองรถไฟผ่านทาง Cleartrip ถ้าใครอยากสอบถามรายละเอียดการจอง Cleartrip สามารถถามเข้ามาได้นะคะ
ตั๋วที่เราจองชั้น 1 แต่เรายังไม่ทราบขบวนรถไฟ ซึ่งเราสามารถจะทำการ Confirm ชานชาลา กับที่นั่งได้ก่อนเวลาแค่ 2 ชั่วโมงคะ เจ้าของกระทู้เลยเดินถ่ายรูปเล่นแถว ๆ นั้นคะ
ในสถานีรถไฟ ที่นั่งรอสำหรับตั๋วชั้น 3 คะ
สะพาน Howroh มีความสงบในความวุ่นวาย
ส่วนที่นั่งรอรถไฟสำหรับ ชั้น 1 และ 2 คะ จะมีห้องน้ำ และห้องอาบน้ำแยกคะ ยังมีห้องนั่งรอ แยกชาย หญิง และรวมคะ
และเมื่อถึงเวลา 4 ทุ่ม เจ้าของกระทู้ก็ได้ออกเดินทางไปที่คยาคะ ภายในรถไฟ ชั้น 1AC ในห้องจะมี 4 เตียงคะ และจะมีประตูปิดให้อีกชั้นคะ
วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน เจ้าของกระทู้หลับไม่รู้เรื่องเลยคะ
วันที่ 2 เราเดินทางมาถึงคยาตอนประมาณ 7 โมงเช้าคะ ซึ่งวันนี้เราจะทำการพักที่วัดป่าพุทธคยา
ได้ทำการต่อรองกับ ริกซอร์ จากหน้าสถานีรถไฟ ไปวัดป่าพุทธคยา ได้ราคาอยู่ที่ 200 รูปีคะ แพลนของเราวันนี้คือ เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวที่วัด แล้วไป พุทธคยา สถานที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คะ
รูปห้องพักคะ
ช่วงที่เจ้าของกระทู้ไป ไม่ได้เป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวจำนวนห้องพักเลยว่างเยอะ แต่ทั้งนี้ทางวัดก็มีอาหารเตรียมไว้ให้ครบทั้ง 3 มื้อเหมือนเดิมคะ พอได้ทานอาหารเช้า และเข้าไปทำการอาบน้ำ พักผ่อน
ช่วงบ่ายเจ้าของกระทู้ ก็ได้ออกไปที่พุทธคยา ซึ่งมีคนอินเดียที่นับถือศาสนาพุทธไปสักการะกัน ทั้งนี้เจ้าของกระทู้ไม่เจอ ขอทานเลยคะ เนื่องจากอาจจะไม่ใช่หน้าเทศกาลท่องเที่ยวของเค้าคะ
เมื่อเจ้าของกระทู้เดินไปถึงต้นโพธิ์ ซึ่งเป็นที่ ๆ สงบและยังมีพระสงฆ์จากประเทศต่าง ๆ มานั่งทำสมาธิ เป็นที่ ๆ ทำให้จิตใจสงบ และเป็นที่ ๆ น่าเลื่อมใสยิ่งนัก
ทริปนี้เจ้าของกระทู้ได้เจอเจ้าหน้าที่อินเดีย ที่จิตใจดี เดินมาแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ในพุทธคยา ทั้งนี้หลังจากแนะนำเสร็จเจ้าของกระทู้ จะให้ทริป ซึ่งเจ้าหน้าที่อินเดียได้พูดว่ามันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ เจ้าของกระทู้เลยขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้พยายามจัดแต่งทรงผมอยู่นาน พร้อมทั้งหาหมวก แล้วหันมาถามว่าหล่อหรือยัง 555
หลังจากกลับมาทานอาหารมื้อเย็นตอน 18.30 แล้วนั้นเจ้าของกระทู้ได้ให้พี่คนไทย ติดต่อรถมารับไปสถานีรถไฟคยา เพื่อเดินทางต่อไปที่พาราณสี ซึ่งเจ้าของกระทู้ได้จองรถไฟรอบ 4.30 เช้ามากกกกก ราคารถก็โหดตามเวลาคะ ราคารถจากวัดไปสถานีรถไฟนั้น คนขับรถที่เป็นคนอินเดีย คิด 900 รูปี โอ้วแม่เจ้าาา แพงมากก แต่ไม่มีทางเลือกจริง ๆ คะ เพราะระหว่างทางจาก วัดถึงคยานั้น ไม่มีริกซอร์เลยในช่วงเวลานั้น
แต่แอบเคืองตรง นัดกันไว้ตี 3 แต่มาเกือบตี 4 เคืองมากเกือบตกรถไฟแนะ
วันที่ 3 ที่พาราณสี
หลังจากนั่งรถไฟมาทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง รถไฟที่เรานั่งคราวนี้คือ 2AC
ความแตกต่างระหว่างชั้น 1AC กับ 2AC คือ ใน 1 โบกี้ 2AC จะมีจำนวนผู้โดยสารเยอะกว่า 1AC และ 2AC จะมีไม่มีประตูกันแยกห้องเหมือน 1AC คะ เอารูปรถไฟชั้น 2AC มาฝากคะ
เรามาถึงที่สถานีพาราณีสีประมาณ 10 โมงคะ เนื่องจากรถไฟดีเลย์เป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมงคะ ถือว่ายังโชคดีที่ดีเลย์ไม่เยอะมาก พอมาถึงปุ๊บก็เจอคนขับรถริกซอร์มายืนรอ และตามเราไปทุกทีเลยคะ โดยวันนี้เราจะไปทำการหาที่พักและไปเที่ยวที่แม่น้ำพาราณสี และชีวิตตอนกลางคืน
แต่ปัญหาคือ เราลืมจองที่พักมาคะ เพราะคิดว่าจะขึ้นรถไฟต่อไปเลยตอนเย็น แต่เนื่องจากรถไฟดีเลย์ เราเลยเปลี่ยนแพลนเล็กน้อยคะ โดยเราจะทำการพักที่พาราณสี 1 คืน พร้อมทั้งจองตั๋วเครื่องบินภายในไปอักราเพิ่มอีก 1 เที่ยวคะ
อันนี้คือโรงแรมที่พาราณสีนะคะ เราไม่ได้จองโรงแรมใกล้แม่น้ำนะคะ เนื่องจากเป็นคนกลัวผีมากก... คะ
ราคาโรงแรมอยู่ที่ประมาณ 1200 บาทคะ รวมอาหารเช้า แล้วค่าริกซอร์จากโรงแรมไปสนามบิน อยู่ที่ประมาณ 450 รูปีคะ
ตอนเช้าหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ได้ทำการนั่งรถริกซอร์ไปที่สนามบินพาราณสี ระหว่างทางคนขับได้จอดรถลงไปทานข้าว เจ้าของกระทู้งง ๆ คิดว่าจอดให้ถ่ายสถานที่ ๆ เป็น Landmark เลยลงไปถ่ายรูปกับเพื่อน คนขับรถเลยตะโกนเรียกบอกให้ไปนั่งรอในรถ
สนามบินพาราณสี จะเจอแต่คนญี่ปุ่น กับยุโรป ซะส่วนใหญ่ค่า
รูปแม่น้ำคงคาคะ
วันที่ 4 เดินทางสู่อักรา
เราได้เดินทางมาถึงอักราตอนประมาณบ่าย 3 โมงคะ ขนาดนั่งเครื่องบินภายในประเทศแล้วก็ยังไม่วายโดนเครื่องดีเลย์ไปเกือบ ชั่วโมงครึ่งเลย T___T เราเดินทางโดยสายการบินของ Air India ค่า มีอาหารให้ด้วย ผู้โดยสารคนอินเดียทานกันเร็วมากกก ... พอลงที่อัครา เราก็ได้ทำจ้าง taxi ซึ่งก็ยืนเถึยงกันอีกเช่นเคย เรื่องค่าโดยสาร แต่เริ่มชินแระ เดินทางมาถึงโรงแรมที่เราจะเข้าพักแล้วคะ
โรงแรมที่เราจะเข้าพักชื่อ Taj resort ซึ่งอยู่ใกล้กับทัชมาฮาลมาก และสามารถเดินไปชมทัชมาฮาลได้แบบ สบาย ๆ คะ ซึ่งตอนที่เรากำลังเดินไปทัชมาฮาลนั้นก็มีคนขับรถริกซอร์ขับตามมาเพื่อจะไปส่ง บอกค่าโดยสาร fifty rupees เราก็บอกว่าไม่เป็นไร เดินได้ พี่แก่ลดเหลือ fourty repees เราก็ยังคงปฏิเสธ พี่แก่ลดลงเรื่อย ๆ จนถึงหน้าประตูทางเข้า