ทำวีซ่าอเมริกากันมั้ย?

เนื่องจากยังไม่ได้ลงทะเบียนบัญชีจึงตั้งได้แต่กระทู้คำถาม แต่อยากมาตั้งกระทู้ก่อน เพราะเพิ่งไปทำวีซ่ามาเดือนที่แล้ว (เมษา 59) เราไปสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกามา  ซึ่งก่อนหน้าที่เราจะไป เราก็หาข้อมูลในพันทิปไปก่อน เป็นข้อมูลที่ดีมากๆ เราอ่านของทุกกระทู้ที่เกี่ยวกับวีซ่าอเมริกาเลยค่ะ ทั้งกระทู้ที่ผ่านและไม่ผ่านวีซ่า เพื่อเป็นความรู้ว่าเราไม่ควรพลาดตรงไหน ทำครั้งแรกผ่านจะดีที่สุด ไม่งั้นจะยากมากกว่าเดิมในการเตรียมเอกสาร     เราทำเองทุกอย่างค่ะ เพราะเราไปเที่ยวคนเดียว กรอกข้อมูลในเวปของสถานทูตเราก็ทำเอง  ก็ได้คำแนะนำจากหลายกระทู้ในพันทิปนี่แหละค่ะ ต้องขอบคุณมากๆสำหรับกระทู้ทุกกระทู้ที่เขียนเพื่อเป็นวิทยาทาน และทำให้เราอยากเขียนกระทู้นี้เพื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้างเช่นกันค่ะ กระทู้เราอาจไม่ละเอียดไรมาก เพราะมีกระทู้อื่นที่ดีอยู่แล้ว แต่เราจะบอกจุดที่เราพลาดไปบ้างละกันค่ะ ขนาดอ่านทุกกระทู้ก็ยังพลาดเลย                        
    
       1.การกรอกข้อมูล DS-160ในเวปของสถานทูต ถ้าอยากเซปไว้อ่านภายหลัง ต้องทำก่อนส่งข้อมูลให้กับเวปนะคะ คือต้องทำก่อนที่เราจะSummitส่งไป  ถ้าเราSummitไปแล้ว จะไม่สามารถเปิดดูข้อมูล DS-160ของเราได้ค่ะ จะเปิดได้แค่หน้าแรกที่เป็นหน้าคอนเฟิมเท่านั้น  เราพลาดตรงนี้ค่ะ กะว่าส่งข้อมูลไปแล้วค่อยมาปริ้นไว้อ่านทีหลัง ปรากฏเปิดไม่ได้ เปิดได้แค่หน้าแรก ดีที่จำข้อมูลได้ แต่ก็แอบใจแป้วเหมือนกันค่ะ เพราะถ้าเราได้อ่านทวนทุกหน้าจะดีกว่านี้ ตอนนั้นคิดแบบนี้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยถามไรเลยค่ะ รอดไป                          
     2. การจ่ายเงินต้องจ่ายที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเท่านั้นนะคะ  การจ่ายเงินกับไปรษณีย์ยกเลิกไปนานแล้ว เราอ่านกระทู้เก่า ยังเป็นการไปจ่ายที่ไปรษณีย์อยู่  เราเลยไปที่ไปรษณีย์ เงิบสิคะ เป็นความผิดเราเองค่ะที่ไม่ดูว่ากระทู้เค้าโพสตั้งแต่ปี56  และก่อนไปจ่ายเงิน เราต้องปริ้นหน้าจ่ายเงินไปยื่นกับธนาคารก่อนด้วยนะคะ  และเก็บใบเสร็จของธนาคารไว้ให้ดีเลยค่ะ สำคัญมาก ธนาคารจะไม่ออกให้เราใหม่นะคะ ถ้าเราทำหาย                                                    
     3. การถ่ายรูป ถ้าเป็นผู้หญิงผมยาว เราคิดว่า มัดผมเป็นหางม้าไว้ข้างหลังดีที่สุดค่ะ เพื่อความชัวร์เรื่องหู  และรูปที่โหลดในDS-160ผ่าน ใช่ว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ขอรูปเป็นใบๆอีกค่ะ ของเราเครื่องปริ้นบ้านเราไม่ค่อยดี มันปริ้นออกมารูปไม่ชัด เจ้าหน้าที่ขอรูปเราเพิ่มไป1ใบ  อย่างที่บอกเราอ่านกระทู้ในพันทิปเรื่องการเตรียมตัวเป็นอย่างดีค่ะ เราเตรียมรูปไปด้วย  ก็ยื่นรูปให้เจ้าหน้าที่ไป                             
     4. กรอกข้อมูลในDS-160ให้ดีที่สุดนะคะเหมือนที่ทุกๆกระทู้บอกเลยค่ะ ถ้ากรอกข้อมูลในเวปอย่างดี สมบูรณ์ ตรงตามความจริง คือถ้าในเอกสารโกหก เวลาสัมภาษณ์ก็ต้องพูดให้ตรงกับในDS-160ด้วยค่ะ  ถ้าพลาดตอบไม่ตรงกันขึ้นมา  หายนะแน่ค่ะ  เราคิดว่าส่วนที่สำคัญที่สุดในDS-160คือส่วนของการทำงานค่ะ  การอธิบายถึงงานที่เราทำ ต้องชัดเจน  และยาวประมาณนึง  ไม่ใช่บรรยายไปสั้นๆ แล้วพอเจ้าหน้าที่ถามเพิ่มเติมก็ตอบไม่ได้  บรรยายไปเลยค่ะ ยิ่งยาวยิ่งดี แต่ไม่ต้องขนาดทำวิทยานิพนธ์นะคะ เอาแบบยาวและครบครันว่าคุณทำอะไรบ้างในงานของคุณ ของเราเป็นทนาย ศัพท์ที่ใช้เป็นศัพท์อังกฤษเฉพาะด้านมากๆ ซึ่งเราไม่ได้เก่งอังกฤษขนาดนั้น  เราต้องเปิดหนังสือถึง3เล่มเพื่อหาคำศัพท์ พร้อมทั้งใช้กูเกิ้ลทรานเสลทด้วย  ปวดหัวมาก แต่คุ้มค่ะ                                                    
     5. ทางที่ดี ไม่ต้องจ้างบริษัทที่รับทำวีซ่านะคะ แพง และสิ้นเปลือง แถมเค้ากรอกข้อมูลให้เรา เราอาจจำไม่ได้เวลาเจ้าหน้าที่ถาม  จะพาลไม่ได้วีซ่าเอา เราทำเองทุกขั้นตอน ทำคนเดียวด้วย  มีแค่ข้อมูลในพันทิปที่ช่วยเหลือเรา  เราทำได้ คุณก็ทำได้ค่ะ อย่าไปกลัว                                             
     6. เวลานัดสัมภาษณ์ ช่วงเช้าคือเวลาทองค่ะ อากาศยังไม่ร้อน เจ้าหน้าที่ยังอารมณ์ดี ไม่วีนไม่เหวี่ยงมาก ยืนรอเข้าแถวก็ไม่ร้อนมากด้วยค่ะ เรานัด 7โมงเช้าเลยค่ะ รอบแรกของวัน  จะให้ดีควรนัดวันก่อนวันหยุดยาวค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ  คิดถึงตัวเองเวลารู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดยาว  งานยากงานร้อนแค่ไหน ก็อารมณ์ดีค่ะ                                                
     7. หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ ระบบใหม่ ถ้าเราได้รับการอนุมัติวีซ่า ไม่ต้องจ่ายเงินที่ไปรษณีย์ในสถานฑูตแล้ว กลับบ้านได้เลยค่ะ เค้าจะส่งพาสปอทมาตามที่อยู่ที่เรากรอกไว้ในเวปตอนทำการนัดสัมภาษณ์ค่ะ                              

      ต่อไปเราจะเล่าประสบการณ์การสัมภาษณ์ของเรานะคะ  เราจะไปเที่ยวคนเดียวโสด อายุ 30+  เงินเดือน30,xxx  พาสปอทเล่มล่าสุดไปฮ่องกงแค่ประเทศเดียว  ที่ผ่านมาเคยไปแค่มาเก๊า สิงคโปร์ ไต้หวันค่ะ ไม่เคยไปไกลกว่าทวีปเอเชียเลย               
      หลังจากผ่านการตรวจสิ่งของแล้ว  เดินไปตามทางยาวๆ จะเจอเจ้าหน้าที่คนไทยก่อนค่ะ 2คนนั่งอยู่ในป้อม  เค้าถามว่าไปเมกาเพราะอะไร  ไปคนเดียวเหรอคะ เคยเปลี่ยนชื่อนามสกุลมั้ย  เค้าขอDS-160ไป และพาสปอทเล่มล่าสุด  แค่นั้นจริงๆค่ะ  เค้าไม่ใส่เอกสารการทำงานของเราไปด้วย เรานี่อยากจะใส่เอกสารอย่างอื่นไปด้วยมากๆ แต่เค้ามีป้ายห้ามไว้ค่ะ ว่าห้ามใส่เอกสารอื่นใด นอกเหนือจากที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ค่ะ ป้ายต่างๆในนั้นเยอะมากเลยค่ะ อ่านไปมาจนลายตา  คือตื่นก็เช้า  ไปคนเดียว บอกตรงๆเบลอค่ะ  เค้าให้จดเลขEMSเราก็ไม่ได้จดค่ะ คือเข้าไปแล้ว มันมีจุดที่ต้องแวะหลายจุด เลยงงๆค่ะ ยังไงก็อ่านป้ายต่างๆให้ดีๆนะคะ                            
      เลี้ยวขวาตามป้าย  เดินเข้าไปในห้องแอร์ จะมีช่องกระจกหลายๆช่อง ไปเจอเจ้าหน้าที่คนไทยอีกคน  ให้เราพิมพ์ลายนิ้วมือทั้งสองมือ ถามว่าเคยเปลี่ยนชื่อนามสกุลมั้ย และขอรูปเราเพิ่ม เพราะรูปที่ปริ้นไปมันไม่ชัด     ไปช่องถัดไป เจอฝรั่งผู้ชายค่ะ ถามเราชื่ออะไร ออกเสียงชื่อเราแบบไม่ชัด เราบอกชื่อไทยไป และให้เราพิมพ์ลายนิ้วมือทั้งสองมืออีกแล้ว  และถามไปเที่ยวคนเดียวเหรอคับ                                                 หันหลังกลับ ช่องกระจกด้านหลัง มีเปิดอยู่3ช่อง เป็นฝรั่งผู้ชายทั้งนั้นค่ะ เจ้าหน้าที่อีก 2 คน กำลังคุยอยู่กับคนที่ถูกสัมภาษณ์  เหลือว่างอยู่ช่องเดียวเราจึงเดินเข้าไป ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ผ่านช่องกระจก เจ้าหน้าที่ถามเราเป็นภาษาอังกฤษดังนี้( เราตอบเป็นอังกฤษเช่นกันค่ะ)                                    

- ทำไมถึงไปอเมริกา                                        
ไปเที่ยวค่ะ                                             
- ไปรัฐไหนครับ                                        
ซีแอทเทิ้ลและโอเรกอนค่ะ                                    
-ไปคนเดียวเหรอครับ                                    
ใช่ค่ะ                                                
- คุณเป็นทนายเหรอครับ                                      
ค่ะ                                                
-เป็นมากี่ปีแล้วครับ                                          
9 ปีค่ะ                                              
-เคยไปเที่ยวไหนมั่งครับ                                      
ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน มาเก๊าค่ะ                            
โอเค Have a good trip แล้วก็โยนพาสปอทเราไปยังตะกร้าด้านหลัง เราบอกThank you และเดินออกมา  เรายืนงงอยู่3วิ หะ! เสร็จแล้วเหรอ คือยังไง ไม่กล้าเดินกลับไปถาม กลัวเจ้าหน้าที่เปลี่ยนใจ  ระหว่างสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่เสียงเบามากกกกค่ะ เค้าไม่พูดใกล้ไมค์  ทำให้เราไม่ค่อยได้ยินที่เค้าพูด เราต้องพูด Pardonบ่อยๆ เพราะเสียงสัมภาษณ์จากช่องอื่นๆใกล้ๆกันก็ดังอะค่ะ เดินออกมานอกห้อง หันไปมองไปรษณีย์  มันปิดค่ะ อ่าว แล้วเราต้องทำไงต่อ?  ยืนงงสักพัก เดินไปถามเจ้าหน้าที่  เค้าบอกกลับได้เลย ระบบใหม่ ไม่ต้องติดต่อไปรษณีย์แล้ว เจ้าหน้าที่แอบว่าเราด้วยว่าทำไมไม่อ่านป้ายที่เค้าบอกไว้ โห คือป้ายเยอะมากอะ อ่านไม่ทัน ไม่หมดหรอก แล้วมาคนเดียว เราก็มึนๆงงๆอะนะ แต่ก็รีบเดินตัวปลิวออกมารับของที่ฝากไว้เลยคะ  ดีใจมากๆที่เงินค่าวีซ่าของเราไม่สูญเปล่า  ตอนเราจ่ายค่าวีซ่า ค่าเงินบาทอ่อนมากๆ  ทำให้เราต้องจ่ายค่าวีซ่าถึง5,920บาท  แพงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก  แอบท้อตอนกรอกเอกสารในเวป  นี่ชั้นทำไรอยู่ นี่ชั้นจะเอาเงินเกือบ6พันบาท มาละลายเล่นรื้อเปล่า เอาน่ะ ไม่ลองไม่รู้      
จบละค่ะ  ประสบการณ์ของเรา หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ  ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านค้า                                ปล.เราสัมภาษณ์ที่กรุงเทพนะคะ ลืมบอก
ตั้งกระทู้ครั้งแรกผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เยี่ยมมากคับ และวีซ่าอยู่ได้กี่วันคับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่