สวัสดีค่ะ พี่ๆน้องๆห้องแป้งที่น่ารักทุกๆท่าน
วันนี้มี่เอาสกินแคร์กลุ่ม Vit C เกาหลี จากแบรนด์ Lab story มารีวิวให้ชมกันค่ะ
ขึ้นชื่อว่าบ้านมียอน งานโอปป้าต้องมาเสมอค่ะ
ในเซตนี้ มีผลิตภัณฑ์อยู่ 3 ชิ้นนะคะ คือ Booster, Serum และ Cream ค่ะ
มาดูหน้าตากันก่อนเลยเนอะ
แบรนด์ Lab story นั้น ว่ากันว่าเป็น แบรนด์เวชสำอางของเกาหลีที่ดาราเกาหลีเลือกใช้กัน ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เลือกใช้ส่วนผสมที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ มีการพัฒนาสูตร ใช้นวัตกรรมต่างๆเพื่อดูแลผิว และที่สำคัญคือ ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพ และความปลอดภัย การระคายเคืองเรียบร้อยแล้วค่ะ
อีกอย่างคือ นางมีออฟฟิสอยู่ที่ย่านคังนัมนะคะ ย่านหรูชื่อดังในกรุงโซล
เรามาเริ่มกันที่ตัวแรกของเซตเลยค่ะ
เป็น ตัว Booster แนวๆ Toner/Essence นะคะ
ตัวนี้เนื้อจะเป็นกึ่งๆน้ำนม มีความหนืดนิดๆ ชุ่มชื้นผิวมาก กลิ่นหอมอ่อนๆละมุนๆ เกลี่ยค่อนข้างง่ายนะคะ จะเทใส่มือแล้วตบ หรือ จะใส่สำลีแล้วเช็ดก็ได้หมด
มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ
ตัวนี้นอกจากสารหลักจะมีจุดเด่นอยู่ที่ น้ำมันจากพืชหลายชนิดค่ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นชนิดที่หายากและมีราคาแพง เช่น น้ำมันจากเมล็ดบรอคโคลี่ น้ำมันจากถั่วดาวอินคา (Plukenetia volubilis) สายพันธ์ดั้งเดิมจากป่าอเมซอน น้ำมันเมล็ดแบลคเคอเรนท์ น้ำมันมะรุม ร่วมกับน้ำมันจากพืชตัวดั้งเดิมอีกหลายชนิด เช่น มะกอก ชา Jojoba Macadamia และ Meadowfoam
เรียกได้ว่าใครที่กำลังมองหาน้ำมันจากธรรมชาติ เจ้านี่คงตอบโจทย์ได้เลยค่ะ
ขนาดมี่เอง ลองมาก็เยอะ มาเจอตัว Booster นี่หลงไหลได้ปลื้มเชียวหละ
ส่วนของสารออกฤทธิ์ก็จะมีพวกกลุ่มที่ช่วยเรื่องผิวขาวอยู่หลายตัว เช่น
- Niacinamide ที่เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 มีคุณสมบัติเรื่องผิวขาว เพิ่มความแข็งแรงให้แก่ Barrier ผิว โดยไปเร่งการสร้างไขมันที่เป็น Barrier ผิว และลดการอักเสบ
- Sorbitol กับ Sodium hyaluronate ที่มาในลำดับต้นๆ เด่นเรื่องความชุ่มชื้น ผิวนุ่มฟู
- Melon seed extract อันนี้ขึ้นกับกรรมวิธีว่าจะได้น้ำมัน หรือ โปรตีนออกมา แต่หลักๆก็คือให้ผลเรื่องความชุ่มชื้นของผิว
- สารสกัดจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่หายาก อย่าง Chokeberry (Aronia melanocarpa extract) Elderberry (Sambucus nigra extract)
- วิตามินซี ที่ใช้เป็นรูปแบบ Ethyl ascorbyl ether ที่มีขนาดเล็ก มีความคงตัวสูง มีความเป็นกรดน้อย ให้ผลเรื่อง Antioxidant ช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิว และเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนการสร้างคอลลาเจนในผิว
สารอื่นๆก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับผิวเลยค่ะ
สำหรับค่า pH นั้นอยู่ในช่วงราวๆ 4-5 ซึ่งเป็นช่วงที่สารส่วนใหญ่ในผลิตภัณฑ์คงตัวค่ะ
ตัวที่สองเป็นตัว Serum Whitening bomb
มาในรูปแบบน้ำนม กลิ่นหอมละมุนเช่นกัน ตัวเซรัมนี้มีความหนืดมากกว่าตัว Booster เล็กน้อยค่ะ
สำหรับส่วนผสมนั้นเป็นดังนี้
จากส่วนผสมจะเห็นว่าส่วนใหญ่จะคล้ายกับตัว Booster แต่ลำดับของสารจะต่างกัน เช่น ลำดับของ Ethyl ascorbyl ether จะอยู่ที่ลำดับต้นๆกว่า และ ลำดับของ Niacinamide จะอยู่หลังกว่าตัว Booster
ส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือ
- Biosaccharide gum-1 ซึ่งคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากการหมักจุลินทรีย์ ประกอบด้วยน้ำตาล 3 โมเลกุล คือ Galacturonic acid, L-Fucose และ D-Galactose มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้ค่อนข้างนาน สารนี้มีคุณสมบัติก่อฟิล์มให้ความรู้สึกชุ่มชื้นนุ่มนวล ไม่เหนอะหนะ ไม่มัน และมีรายงานว่าช่วยลดการอักเสบ ป้องกันการแพ้ได้ (Fucogel จาก Solabia)
- Adenosine มีคุณสมบัติที่ดีในด้านริ้วรอย และการส่งเสริมการทำงานของผิว
สำหรับค่า pH นั้นอยู่ในช่วงราวๆ 4-5 เหมือนตัว Booster ค่ะ
ส่วนตัวสุดท้ายจะเป็นตัวครีม มีชื่อว่า Intensive cream whitening bomb ค่ะ
เนื้อครีมจะค่อนข้างเบา ให้ความชุ่มชื้นสูง แต่ไม่เหนอะหนะ และไม่หนักผิวเกลี่ยค่อนข้างง่าย มีกลิ่นละมุนเช่นกัน
สำหรับส่วนผสมนั้นเป็นดังนี้ค่ะ
มีการเปลี่ยนแปลงลำดับของสารเล็กน้อย โดยเน้นกลุ่มน้ำมันมากขึ้น ตัวชูโรงคือตระกูลมะกอก และแมคคาเดเมีย
สารที่เพิ่มเข้ามาคือ
- Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการอักเสบในผิว
- Trehalose เป็นน้ำตาลชนิดพิเศษ ที่มีคุณสมบัติดูดน้ำให้ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น น้ำตาลนี้สามารถปกป้องรักษาเซลล์ผิวจากความแห้งได้ยาวนาน
- โปรตีนนม (Milk protein) ที่ให้ผลเด่นเรื่องความชุ่มชื้น กับ เคลือบผิวให้ดูเรียบเนียน
สำหรับค่า pH นั้นอยู่ในช่วงราวๆ 5 – 6 ค่ะ
ให้คะแนนกัน
1. กลุ่มสารออกฤทธิ์ หรือ Active ingredients สารที่เป็นเสมือน Key note player ของไลน์ จะเป็นตัววิตามินบี 3 วิตามินซี กับสารสกัดจาก Berry หายาก อย่าง Chokeberry และ Elderberry ซึ่งนอกจากวิตซี ยังมีสารสีกลุ่ม Anthocyanin ที่เป็น Antioxidant ที่ดี ให้กับผิว ในแต่ละชิ้นยังมีสารอื่นๆเสริมเข้ามา เช่น ตัว Booster จะโดดเด่นด้วยน้ำมันจากพืชหายาก ตัว Serum มี Biosaccharide gum-1 และตัวครีมที่เสริมสารเติมน้ำเข้ามา โดยรวมถือว่า ทำได้ดีในการเป็นไวท์เทนนิ่ง เพราะออกฤทธิ์อยู่ที่ 2 ขั้นตอน ตั้งแต่การสร้างเม้ดสี และป้องกันไม่ให้เม็ดสีที่สร้างเสร็จออกมาข้างนอก จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
2. กลุ่มเนื้อผลิตภัณฑ์ หรือ Base ทั้ง 3 ตัวมาในรูปแบบของ Emulsion ที่ประกอบด้วย น้ำ น้ำมัน และซิลิโคน สารที่ใช้ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับผิว มีสารดูดน้ำให้ผิว มีสารไขมันจากธรรมชาติที่สามารถทดแทนไขมันในผิวได้ และมีสารเคลือบผิวรักษาความชุ่มชื้น จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
3. กลุ่มสารปรุงแต่ง หรือ Additives สารที่ใช้ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับผิว เลยไม่รู้จะหักคะแนนอะไร เลยขอให้ 5 ฟลาสก์
4. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบตัว Booster เพราะเอามาใช้งานได้กว้าง หลากหลาย เอามาเช็ดก็ได้ เอามาตบๆ หรือจะเอามาทาเป็นตัวหลักเลยก็ได้หมด ส่วนตัว Serum และ ครีม ก็ให้สัมผัสได้ค่อนข้างดีเช่นกัน สิ่งที่สัมผัสได้ก่อนเลยคือเรื่องความชุ่มชื้น ดูเหมือนจะได้เรื่องความเรียบเนียนเข้ามาด้วย ส่วนเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอนั้นยังไม่ได้ชัดเจนมาก ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
Disclaimer/Conflict of interest: ผลิตภัณฑ์ได้รับเป็นของขวัญจากเพื่อนที่เกาหลี
[CR] งานโอปป้าต้องมา กับ รีวิววิเคราะห์ส่วนผสม Skincare กลุ่ม Vitamin C จากแบรนด์ Lab Story ยกเซ็ต
วันนี้มี่เอาสกินแคร์กลุ่ม Vit C เกาหลี จากแบรนด์ Lab story มารีวิวให้ชมกันค่ะ
ขึ้นชื่อว่าบ้านมียอน งานโอปป้าต้องมาเสมอค่ะ
ในเซตนี้ มีผลิตภัณฑ์อยู่ 3 ชิ้นนะคะ คือ Booster, Serum และ Cream ค่ะ
มาดูหน้าตากันก่อนเลยเนอะ
แบรนด์ Lab story นั้น ว่ากันว่าเป็น แบรนด์เวชสำอางของเกาหลีที่ดาราเกาหลีเลือกใช้กัน ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เลือกใช้ส่วนผสมที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ มีการพัฒนาสูตร ใช้นวัตกรรมต่างๆเพื่อดูแลผิว และที่สำคัญคือ ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพ และความปลอดภัย การระคายเคืองเรียบร้อยแล้วค่ะ
อีกอย่างคือ นางมีออฟฟิสอยู่ที่ย่านคังนัมนะคะ ย่านหรูชื่อดังในกรุงโซล
เรามาเริ่มกันที่ตัวแรกของเซตเลยค่ะ
เป็น ตัว Booster แนวๆ Toner/Essence นะคะ
ตัวนี้เนื้อจะเป็นกึ่งๆน้ำนม มีความหนืดนิดๆ ชุ่มชื้นผิวมาก กลิ่นหอมอ่อนๆละมุนๆ เกลี่ยค่อนข้างง่ายนะคะ จะเทใส่มือแล้วตบ หรือ จะใส่สำลีแล้วเช็ดก็ได้หมด
มาดูส่วนผสมกันบ้างนะคะ
ตัวนี้นอกจากสารหลักจะมีจุดเด่นอยู่ที่ น้ำมันจากพืชหลายชนิดค่ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นชนิดที่หายากและมีราคาแพง เช่น น้ำมันจากเมล็ดบรอคโคลี่ น้ำมันจากถั่วดาวอินคา (Plukenetia volubilis) สายพันธ์ดั้งเดิมจากป่าอเมซอน น้ำมันเมล็ดแบลคเคอเรนท์ น้ำมันมะรุม ร่วมกับน้ำมันจากพืชตัวดั้งเดิมอีกหลายชนิด เช่น มะกอก ชา Jojoba Macadamia และ Meadowfoam
เรียกได้ว่าใครที่กำลังมองหาน้ำมันจากธรรมชาติ เจ้านี่คงตอบโจทย์ได้เลยค่ะ
ขนาดมี่เอง ลองมาก็เยอะ มาเจอตัว Booster นี่หลงไหลได้ปลื้มเชียวหละ
ส่วนของสารออกฤทธิ์ก็จะมีพวกกลุ่มที่ช่วยเรื่องผิวขาวอยู่หลายตัว เช่น
- Niacinamide ที่เป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินบี 3 มีคุณสมบัติเรื่องผิวขาว เพิ่มความแข็งแรงให้แก่ Barrier ผิว โดยไปเร่งการสร้างไขมันที่เป็น Barrier ผิว และลดการอักเสบ
- Sorbitol กับ Sodium hyaluronate ที่มาในลำดับต้นๆ เด่นเรื่องความชุ่มชื้น ผิวนุ่มฟู
- Melon seed extract อันนี้ขึ้นกับกรรมวิธีว่าจะได้น้ำมัน หรือ โปรตีนออกมา แต่หลักๆก็คือให้ผลเรื่องความชุ่มชื้นของผิว
- สารสกัดจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่หายาก อย่าง Chokeberry (Aronia melanocarpa extract) Elderberry (Sambucus nigra extract)
- วิตามินซี ที่ใช้เป็นรูปแบบ Ethyl ascorbyl ether ที่มีขนาดเล็ก มีความคงตัวสูง มีความเป็นกรดน้อย ให้ผลเรื่อง Antioxidant ช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิว และเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนการสร้างคอลลาเจนในผิว
สารอื่นๆก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับผิวเลยค่ะ
สำหรับค่า pH นั้นอยู่ในช่วงราวๆ 4-5 ซึ่งเป็นช่วงที่สารส่วนใหญ่ในผลิตภัณฑ์คงตัวค่ะ
ตัวที่สองเป็นตัว Serum Whitening bomb
มาในรูปแบบน้ำนม กลิ่นหอมละมุนเช่นกัน ตัวเซรัมนี้มีความหนืดมากกว่าตัว Booster เล็กน้อยค่ะ
สำหรับส่วนผสมนั้นเป็นดังนี้
จากส่วนผสมจะเห็นว่าส่วนใหญ่จะคล้ายกับตัว Booster แต่ลำดับของสารจะต่างกัน เช่น ลำดับของ Ethyl ascorbyl ether จะอยู่ที่ลำดับต้นๆกว่า และ ลำดับของ Niacinamide จะอยู่หลังกว่าตัว Booster
ส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือ
- Biosaccharide gum-1 ซึ่งคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากการหมักจุลินทรีย์ ประกอบด้วยน้ำตาล 3 โมเลกุล คือ Galacturonic acid, L-Fucose และ D-Galactose มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้ค่อนข้างนาน สารนี้มีคุณสมบัติก่อฟิล์มให้ความรู้สึกชุ่มชื้นนุ่มนวล ไม่เหนอะหนะ ไม่มัน และมีรายงานว่าช่วยลดการอักเสบ ป้องกันการแพ้ได้ (Fucogel จาก Solabia)
- Adenosine มีคุณสมบัติที่ดีในด้านริ้วรอย และการส่งเสริมการทำงานของผิว
สำหรับค่า pH นั้นอยู่ในช่วงราวๆ 4-5 เหมือนตัว Booster ค่ะ
ส่วนตัวสุดท้ายจะเป็นตัวครีม มีชื่อว่า Intensive cream whitening bomb ค่ะ
เนื้อครีมจะค่อนข้างเบา ให้ความชุ่มชื้นสูง แต่ไม่เหนอะหนะ และไม่หนักผิวเกลี่ยค่อนข้างง่าย มีกลิ่นละมุนเช่นกัน
สำหรับส่วนผสมนั้นเป็นดังนี้ค่ะ
มีการเปลี่ยนแปลงลำดับของสารเล็กน้อย โดยเน้นกลุ่มน้ำมันมากขึ้น ตัวชูโรงคือตระกูลมะกอก และแมคคาเดเมีย
สารที่เพิ่มเข้ามาคือ
- Panthenol หรือ โปรวิตามินบี 5 มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นและลดการอักเสบในผิว
- Trehalose เป็นน้ำตาลชนิดพิเศษ ที่มีคุณสมบัติดูดน้ำให้ผิว เพิ่มความชุ่มชื้น น้ำตาลนี้สามารถปกป้องรักษาเซลล์ผิวจากความแห้งได้ยาวนาน
- โปรตีนนม (Milk protein) ที่ให้ผลเด่นเรื่องความชุ่มชื้น กับ เคลือบผิวให้ดูเรียบเนียน
สำหรับค่า pH นั้นอยู่ในช่วงราวๆ 5 – 6 ค่ะ
ให้คะแนนกัน
1. กลุ่มสารออกฤทธิ์ หรือ Active ingredients สารที่เป็นเสมือน Key note player ของไลน์ จะเป็นตัววิตามินบี 3 วิตามินซี กับสารสกัดจาก Berry หายาก อย่าง Chokeberry และ Elderberry ซึ่งนอกจากวิตซี ยังมีสารสีกลุ่ม Anthocyanin ที่เป็น Antioxidant ที่ดี ให้กับผิว ในแต่ละชิ้นยังมีสารอื่นๆเสริมเข้ามา เช่น ตัว Booster จะโดดเด่นด้วยน้ำมันจากพืชหายาก ตัว Serum มี Biosaccharide gum-1 และตัวครีมที่เสริมสารเติมน้ำเข้ามา โดยรวมถือว่า ทำได้ดีในการเป็นไวท์เทนนิ่ง เพราะออกฤทธิ์อยู่ที่ 2 ขั้นตอน ตั้งแต่การสร้างเม้ดสี และป้องกันไม่ให้เม็ดสีที่สร้างเสร็จออกมาข้างนอก จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
2. กลุ่มเนื้อผลิตภัณฑ์ หรือ Base ทั้ง 3 ตัวมาในรูปแบบของ Emulsion ที่ประกอบด้วย น้ำ น้ำมัน และซิลิโคน สารที่ใช้ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับผิว มีสารดูดน้ำให้ผิว มีสารไขมันจากธรรมชาติที่สามารถทดแทนไขมันในผิวได้ และมีสารเคลือบผิวรักษาความชุ่มชื้น จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
3. กลุ่มสารปรุงแต่ง หรือ Additives สารที่ใช้ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับผิว เลยไม่รู้จะหักคะแนนอะไร เลยขอให้ 5 ฟลาสก์
4. การใช้งาน ส่วนตัวมี่ค่อนข้างชอบตัว Booster เพราะเอามาใช้งานได้กว้าง หลากหลาย เอามาเช็ดก็ได้ เอามาตบๆ หรือจะเอามาทาเป็นตัวหลักเลยก็ได้หมด ส่วนตัว Serum และ ครีม ก็ให้สัมผัสได้ค่อนข้างดีเช่นกัน สิ่งที่สัมผัสได้ก่อนเลยคือเรื่องความชุ่มชื้น ดูเหมือนจะได้เรื่องความเรียบเนียนเข้ามาด้วย ส่วนเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอนั้นยังไม่ได้ชัดเจนมาก ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ จุดนี้ขอให้ 5 ฟลาสก์
Disclaimer/Conflict of interest: ผลิตภัณฑ์ได้รับเป็นของขวัญจากเพื่อนที่เกาหลี