สวัสดีค่ะ นี่คือกระทู้แรกในชีวิต (ทุกทีได้แต่ส่องของคนอื่น ไม่คิดว่าวันนี้ต้องมานั่งพิมพ์เอง) และตามสูตร “ยืม account เพื่อนมาค่ะ” และที่ทำให้เหลืออด ต้องมากดคีย์บอร์ดรัวๆ ก็เพราะความมั่วของบริษัทประกันต่างชาติยักษ์ใหญ่ ที่เพิ่งมีตึกใหม่อยู่แถวรัชดาฯ (เดาสิเดา) เอาล่ะ เรื่องมีอยู่ว่า....
เรารู้สึกเจ็บตรงข้อต่อขากรรไกร (เพื่อนๆลองอ้าปาก แล้ว เอามือจับๆแถวๆ ข้อต่อที่เชื่อมระหว่างขากรรไกรล่าง และกะโหลกศีรษะ อยู่ในตำแหน่งด้านข้างของใบหน้าที่บริเวณหน้าหู) โดยอาการคือ ตื่นนอนตอนเช้า รู้สึกเจ็บขากรรไกรเวลาอ้าปาก อ้าปากได้ไม่สุด เวลาอ้าปากแปรงฟันก็เจ็บ แต่พอระหว่างวันความเจ็บลดลงจากตอนเช้า แต่ก็ยังไม่สามารถอ้าปากได้เต็มที่ เวลาหัวเราะทีก็ดูเกร็งๆ (ปกติเวลาหัวเราะนี่อ้าปากเพื่อปล่อยพลังเสียงได้เต็มที่) เป็นอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ พาลให้รำคาญตัวเองนะ แต่ก็ให้โอกาสตัวเองดูซัก 1 อาทิตย์ เผื่อร่างกายจะสามารถรักษาตัวเองได้.....
1 อาทิตย์ผ่านไป (ด้วยความทรมาน) ก็เริ่มรู้สึกว่า ทำไมต้องทนวะ ประกันกลุ่มของบริษัทเราก็มี ก็ได้เวลาไปหาหมอสิคะ รออัลไลลลลล (นั่นดิ รออะไรที่ผ่านมา) ก็เลยเดินทางไปโรงพยาบาลเจ้าประจำแถวรามา 9 แจ้งความเจ็บป่วยที่ counter และถูกส่งไปที่แผนกทันตกรรม พบคุณหมอทันตกรรมเพื่อตรวจเช็ค คุณหมอก็ให้อ้าปากเพื่อเช็คความเจ็บ โดยคุณหมอก็เคาะๆฟัน เพื่อถามว่าเจ็บมั้ย ซึ่งเราไม่เจ็บ แต่เราเจ็บตอนหมอให้อ้าปากนี่แระ หมอก็กดตรงข้อต่อขากรรไกร ก็ไม่ได้เจ็บเพราะกด แต่เจ็บเพราะอ้าปาก โอเค บ้วนปาก เป็นอันเสร็จพิธี คุณหมอแจ้งว่า ตรวจดูเบื้องต้นไม่ได้เป็นอะไรเกี่ยวกับฟัน เดี๋ยวคุณหมอจะนัดให้มาพบแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับขากรรไกร ซึ่งคือ week ถัดไป ด้วยเราไม่ว่างตรงกับหมอใน week นั้น ก็ทำนัด วันนั้นไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เดินกลับบ้านด้วยความตึงๆขากรรไกรเบาๆ (ระหว่างรอวันนัด ก็ภาวนาว่า ขอให้หายเถอะๆๆๆๆๆๆ)
4 ก.พ. 59 (ก่อนวันวาเลนไทน์ 10 วัน...บอกเพื่อ!!? และเจ็บขากรรไกรสิริรวม 3 อาทิตย์ ศรีทนได้สุดๆ) ก็พบคุณหมอตามนัดเพราะมันยังไม่หายเจ็บบบ ไปที่แผนกทันตกรรมเหมือนเดิม และไปก่อนเวลานัดด้วย เพราะดันไปถึงเร็วกว่าเวลานัด (หมอนัด 18.00 น. แต่น่าจะถึงโรงพยาบาลตอน 16.30 น.) เลยโทรไปถามที่แผนกทันตกรรมในระหว่างนั่ง MRT สวยๆ ว่า เราน่าจะไปถึงก่อนเวลานัด ไม่แน่ใจว่าคุณหมอจะตรวจให้เลยมั้ย พยาบาลแจ้งว่า คุณหมอมีคนไข้ตอน 5 โมงเย็น ลองดูก่อนก็ได้ค่ะ ก็เลยไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ตรวจเลย เพราะดันไปก่อนนัดเอง
16.30 น. ถึงแผนกทันตกรรรม ก็แจ้งชื่อ วัดความดันปกติ นั่งได้พักนึง ก็ได้พบคุณหมอ ก็เล่าอาการเจ็บป่วยให้คุณหมอฟัง คุณหมอก็ทดสอบให้อ้าปาก ถามกิจวัตรประจำวัน ซึ่งคุณหมอก็เดาได้เป็นฉากๆถึงกิจวัตรประจำวันที่ทำให้เรามีอาการแบบนี้ได้ คือ
1. ช่วงนั้นเรากินแอปเปิ้ลค่อนข้างบ่อย (เกือบทุกวัน)
2. อ่านหนังสือก่อนนอน คืออ่านเสร็จ นอนเลย (ซึ่งคุณหมอแนะนำว่า หลังอ่านหนังสือเสร็จ พักซัก 30 นาที ก่อนนอนเพื่อให้สมองคลายจากอารมณ์ที่ได้รับหลังจากอ่านหนังสือ ซึ่งก็ค่อนข้างยากนะ เพราะเราอ่านจาก IPad อ่านจนไม่ไหวแระง่วง ก็นอนเลย)
3. ดื่มคาเฟอีน ซึ่งช่วงนั้นเราดื่มน้ำอัดลมสีดำค่อนข้างบ่อย
4. หมอถามว่าเครียดมั้ย เราว่าเราไม่เครียดนะ (เอ๊ะ หรือเครียดแต่ไม่รู้ตัว เอาเป็นว่าที่รู้ตัวคือไม่ได้เครียดอ่า)
5. และอื่นๆอีก บลาๆ
สรุปเราเป็นอาการของ TMD (ไม่ใช่ TMB นะ อันนั้นธนาคาร) ซึ่งปกติแล้วอาการของ TMD จะหายเองภายใน 1 อาทิตย์ แต่เราเป็นมากกว่า 1 อาทิตย์ ซึ่งนั่นเท่ากับมันเป็นอาการเรื้อรังแล้ว ดังนั้นหมอแนะนำให้ทำเฝือกสบฟัน ต้องมีการพิมพ์ฟัน ซึ่งหมอไม่แน่ใจว่าเราเบิกกับบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ ได้หรือไม่ หมอจึงให้พยาบาลโทรสอบถาม และหากเบิกไม่ได้สามารถแบ่งจ่ายได้ แต่ก็ให้เราสอบถามบริษัทประกันฯ ก่อน และ เชิญเราข้างนอกห้องตรวจก่อน หากประกันฯจ่ายให้ ก็ค่อยเข้ามาทำ เราก็เดินออกมานั่งข้างนอก ก็นั่งใกล้ๆกับที่พยาบาลโทรไปถาม Call Center บริษัทฯนั้น ก็ได้ยินบทสนทนาที่พยาบาลแจ้งกับทาง Call Center
พยาบาล : ฮัลโหลค่ะ จากโรงพยาบาล....แผนกทันตกรรม สอบถามการเบิกเคลมเคสการทำเฝือกสบฟันค่ะ มีค่าใช้จ่ายประมาณ 8 พันกว่าบาท เคลมได้มั้ยคะ
Call Center : .......... (พูดไรไม่รู้ เพราะไม่ได้ยิน)
พยาบาล : อ๋ออ ไม่ใช่การทำศัลยกรรมเพื่อความงามค่ะ เป็นการรักษาความเจ็บปวดขากรรไกร
Call Center :……… (ตอบอะไรไม่รู้ ไม่ได้ยิน)
พยาบาล : เคลมได้ใช่มั้ยคะ
Call Center :…… (ตอบอะไรก็ไม่รู้เช่นเคย เพราะไม่ได้ยิน)
พยาบาล : โอเค ขอบคุณค่ะ
พยาบาลวางโทรศัพท์ คุณคะ Call Center แจ้งว่าเคลมได้นะคะ เชิญที่ห้องตรวจคุณหมอค่ะ ดิฉันโล่งสิคะ จะได้หายซะที เพราะกะว่า ถ้าเคลมไม่ได้ก็ไม่ทำค่ะ เพราะแพงเกิน ต่อให้แบ่งจ่ายก็ตาม
ก็พิมพ์ฟัน ก๊อกๆ แก๊กๆ ของหมอไป เสร็จแล้วก็แจ้งว่าอีก 1 อาทิตย์มารับได้ (ออกมาจากห้องประมาณ 17.30 น. รู้สึกผิดต่อคิวที่นัดตอน 17.00 น. ขอโทษนะคร๊า) ก็ถึงเวลาไปแผนกการเงินเพื่อเคลมเอกสาร อย่างที่ทุกคนรู้ เคลมทันตกรรมใช้เวลานานเป็นธรรมดาอยู่แล้ว นานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ แต่รอได้ เพราะก็ไม่ได้มีเงินในกระเป๋าสำหรับจ่ายก่อน...
เวลาผ่านไป 3 ชาติ การเงินแจ้งว่าบริษัทประกันฯไม่รับเคลมค่ะ ช็อค!!!!!!!!!!!!!! เกิดอะไรขึ้น ก็ทางบริษัทประกันฯแจ้งกับพยาบาลว่าเคลมได้ เราก็เลยเดินไปถามพยาบาลที่ทันตกรรมว่า ทาง Call Center แจ้งว่าเคลมได้ใช่มั้ยคะ พยาบาลก็บอกว่าใช่ค่ะ ตอนนั้นหน้ามืด รู้สึกช็อค และงง และคิด เอาไง เอาเงินที่ไหน 8 พันอาจดูไม่เยอะถ้ามีเงินและเตรียมหามารักษา แต่เราไม่ได้เป็นแบบนั้น เลยบอกการเงินว่า แป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวไปกดเงินก่อน คือจริงๆไม่ได้กดเงินหรอกค่ะ เพราะไม่มีเงินให้กด! มีเงินติดตัวอยู่ 5 เกือบ 5 พัน ซึ่งพอสำหรับการใช้ชีวิตในอีก 3 week ที่เหลือ แต่ไม่ได้มีไว้เพื่อจ่ายค่าทำเฝือกสบฟัน!!!!!!!!!!!! โทรหาเพื่อน หาน้องสิคะ รออัลไล นาทีนั้นนอกจากจะอายคนปลายสายแล้วยังอายตัวเองด้วยค่ะ ทำไมต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ สุดท้ายก็ได้เงินมาจ่ายความซวยของตัวเองจนได้ ซึ่งกว่าจะหาได้ การเงินคงคิดว่าเราชิ่งกลับบ้านไปแล้วแน่ๆ หึหึ
หลังจากนั้นก็ไม่รอช้าค่ะ โทรหา HR บริษัทตัวเองทันที เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น และรอพรุ่งนี้เพื่อติดต่อบริษัทประกันฯดังกล่าว เดินคอตกกลับบ้าน และ นอนไม่หลับค่ะคืนนั้น สรุป ได้เครียดของจริงแระ บ้าบอ!!!
หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการเขียนเคลมค่ะ ส่งหลักฐานทุกอย่างให้บริษัทประกันฯ และทางนั้นโอนเงินมาให้เพียง 2,000 บาท (ค่าทันตกรรมที่เบิกได้ตามหลังบัตรคือ 2,000 บาท อันนี้ทราบอยู่แล้วค่ะ แค่งงว่า ไหนว่าเคลมได้ ทำไมถึงได้แค่ 2,000 บาท) ก็เลยถามตัวแทน ตัวแทนก็แจ้งว่า รบกวนเขียนคำร้องและเล่าเหตุการณ์มาทาง email แล้วจะดำเนินเรื่องให้อีกครั้ง
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ อยากได้เงินมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของจิตใจ และผลที่ได้รับจาก email เมื่อวานนี้ คือ
เรียน คุณ………… คะ (ชื่อเรา) (ฝากบอกตัวแทนนางนั้น ค่ะ เขียนเช่นนี้นะคะ)
ตามที่ได้ ทำจดหมายโต้แย้งเรื่องการขอให้พิจารณา จ่ายเคลมค่ารักษาเรื่องขากรรไกรอักเสบ
เจ้าหน้าที่แผนกเคลมได้ แจ้งกลับมา ตาม ข้อความข้างล่างนี้ค่ะ
" เรียน คุณ ….. (ชื่อตัวแทน)
ตามเอกสารเคลมที่ส่งมาเคลมไม่มีการทำศัลยกรรม
การรักษาครั้งนี้ของแพทย์ รักษาโดยการตรวจ และพิมพ์ปากเพื่อทำเฝือกสบพันเพื่อรักษาความเจ็บปวดของขากรรไกร
แนบเอกสารตามไฟล์สแกนเพื่ออ้างอิง " (เอกสารแนบดังกล่าว ก็คือเอกสารเราเองนั่นแหล่ะค่ะ ส่งกลับมาเพื่ออออ)
ดังนั้น ทางบริษัท จึงพิจารณาใบเสร็จนี้เป็นการรักษาแบบ OPD นะคะ
หากครั้งหน้า มีการทำการผ่าตัดหรือรักษาต่อเนื่อง ทางบริษัท….. (ชื่อบริษัทประกันฯ)
จะพิจารณาจ่ายในหมวดของ การรักษาพยาบาล ต่อไปค่ะ
ด้วยความนับถือ
………… (ชื่อตัวแทน)
…… (ชื่อบริษัทประกันต่างชาติยักษ์ใหญ่ เพิ่งสร้างตึกใหม่แถวรัชดา)
หลังจากได้เมล์ก็ยังงงและไม่เข้าใจเหมือนเดิมค่ะ อะไรคือคำตอบของการที่เรารักษาเพราะได้ข้อมูลจาก Call Center ว่าเคลมได้ ก็โทรหาตัวแทนอีกครั้ง เผื่อจะมีคำขอโทษหรือหนทางอื่นๆที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกดีขึ้น
เรา : ฮัลโหลค่ะ คุณ...ใช่มั้ยคะ ดิฉันโทรจากบริษัท......ที่ร้องเรียนเรื่องเคลมไป จำได้มั้ยคะ
ตัวแทน : อ๋อออ คุณ......
เรา : ใช่ค่ะ ได้รับเมล์แล้วนะคะ ยังไงคะ ทำไมเคลมไม่ได้คะ
ตัวแทน : ใช่ค่ะ พอดีในใบเสร็จ ไม่ได้เขียนว่าทำศัลยกรรม
เรา : ใช่ค่ะ ไม่ได้ทำศัลยกรรม แต่รักษาอาการเจ็บของขากรรไกร ทำไมเหรอคะ ทำศัลกรรมเบิกได้หรือไงคะ
ตัวแทน : อ๋อ ศัลยกรรมก็เบิกไม่ได้ค่ะ
เรา : ค่ะ ก็นี่ไม่ได้ศัลยกรรมไงคะ แล้ว Call Center ก็แจ้งว่าเคลมได้ แล้วทำไมไม่ได้คะ
ตัวแทน : เอ่อ คือ เค้ามองว่าทำที่แผนกทันตกรรม แล้วทันตกรรมเบิกได้แค่ขูดหินปูน อุดฟัน
เรา : ค่ะ แล้วต้องไปรักษาขากรรไรที่แผนกไหนคะ ในเมื่อหมอเฉพาะทางด้านขากรรไกรอยู่ที่แผนกทันตกรรม แล้วก็ถาม Call Center แล้ว เค้าบอกเคลมได้
ตัวแทน : เอ่อออ ค่ะ ได้ถามชื่อ Call Center มั้ยคะ
เรา : ไม่ได้ถามค่ะ แต่เสียงที่บันทึกก็มีไม่ใช่เหรอคะ
ตัวแทน : เอ่อออ มีค่ะ แต่ถ้าไม่ถามชื่อ Call Center ก็ลำบากค่ะที่จะฟังบันทึก
เรา : สตั๊นค่ะ
ตัวแทน : ก็เลยเคลมได้แค่ 2 พันค่ะ บลาๆ
เรา : ตัดสายทิ้งสิคะ รออัลไลล ก่อนที่จะด่าแรงๆออกไป
ยอมรับค่ะ ว่าโกรธมาก โกรธแรกคือ ผลการเคลมไม่เป็นไปตามที่ได้รับแจ้งจาก Call Center ถ้าเราไม่ถามก่อนแล้วไปรักษาเลย แล้วเคลมไม่ได้ อันนี้ว่าอะไรใครไม่ได้ค่ะ โง่เอง แต่นี่เราถามแล้ว
โกรธที่สอง ไม่เคยได้ยินคำว่าขอโทษ แม้นางจะขอโทษแล้วเราไม่หายโกรธก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม นางก็ควรเอ่ยขอโทษมิใช่หรือ
โกรธที่สาม นางดูปัดความรับผิดชอบและโยนความผิดมาให้ ผิดเองที่เราไม่ถามชื่อ Call Center หึหึ
พูดเลยว่า คงไม่เป็นลูกค้าโดยส่วนตัวกับบริษัทฯนี้แน่ และมั่นใจว่าเพื่อนทั้งออฟฟิศก็คงไม่เป็นลูกค้าบริษัทฯนี้เช่นกัน มีเพื่อนบอกเพื่อน มีหลานบอกหลาน มีป้าบอกป้า มีลุงบอกลุง ถ้าไม่มีใครก็บอก Pantip และบอกถึงบริษัทประกันฯดังกล่าว
ถ้าการบริการและตัวแทนจะเป็นเช่นนี้ ก็คง บรัยยยยย!!!!!!
เจ็บใจ!!!!!!!! เสีย 8 พัน กับประกันฯ ที่บอกว่าเคลมได้!
เรารู้สึกเจ็บตรงข้อต่อขากรรไกร (เพื่อนๆลองอ้าปาก แล้ว เอามือจับๆแถวๆ ข้อต่อที่เชื่อมระหว่างขากรรไกรล่าง และกะโหลกศีรษะ อยู่ในตำแหน่งด้านข้างของใบหน้าที่บริเวณหน้าหู) โดยอาการคือ ตื่นนอนตอนเช้า รู้สึกเจ็บขากรรไกรเวลาอ้าปาก อ้าปากได้ไม่สุด เวลาอ้าปากแปรงฟันก็เจ็บ แต่พอระหว่างวันความเจ็บลดลงจากตอนเช้า แต่ก็ยังไม่สามารถอ้าปากได้เต็มที่ เวลาหัวเราะทีก็ดูเกร็งๆ (ปกติเวลาหัวเราะนี่อ้าปากเพื่อปล่อยพลังเสียงได้เต็มที่) เป็นอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ พาลให้รำคาญตัวเองนะ แต่ก็ให้โอกาสตัวเองดูซัก 1 อาทิตย์ เผื่อร่างกายจะสามารถรักษาตัวเองได้.....
1 อาทิตย์ผ่านไป (ด้วยความทรมาน) ก็เริ่มรู้สึกว่า ทำไมต้องทนวะ ประกันกลุ่มของบริษัทเราก็มี ก็ได้เวลาไปหาหมอสิคะ รออัลไลลลลล (นั่นดิ รออะไรที่ผ่านมา) ก็เลยเดินทางไปโรงพยาบาลเจ้าประจำแถวรามา 9 แจ้งความเจ็บป่วยที่ counter และถูกส่งไปที่แผนกทันตกรรม พบคุณหมอทันตกรรมเพื่อตรวจเช็ค คุณหมอก็ให้อ้าปากเพื่อเช็คความเจ็บ โดยคุณหมอก็เคาะๆฟัน เพื่อถามว่าเจ็บมั้ย ซึ่งเราไม่เจ็บ แต่เราเจ็บตอนหมอให้อ้าปากนี่แระ หมอก็กดตรงข้อต่อขากรรไกร ก็ไม่ได้เจ็บเพราะกด แต่เจ็บเพราะอ้าปาก โอเค บ้วนปาก เป็นอันเสร็จพิธี คุณหมอแจ้งว่า ตรวจดูเบื้องต้นไม่ได้เป็นอะไรเกี่ยวกับฟัน เดี๋ยวคุณหมอจะนัดให้มาพบแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับขากรรไกร ซึ่งคือ week ถัดไป ด้วยเราไม่ว่างตรงกับหมอใน week นั้น ก็ทำนัด วันนั้นไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เดินกลับบ้านด้วยความตึงๆขากรรไกรเบาๆ (ระหว่างรอวันนัด ก็ภาวนาว่า ขอให้หายเถอะๆๆๆๆๆๆ)
4 ก.พ. 59 (ก่อนวันวาเลนไทน์ 10 วัน...บอกเพื่อ!!? และเจ็บขากรรไกรสิริรวม 3 อาทิตย์ ศรีทนได้สุดๆ) ก็พบคุณหมอตามนัดเพราะมันยังไม่หายเจ็บบบ ไปที่แผนกทันตกรรมเหมือนเดิม และไปก่อนเวลานัดด้วย เพราะดันไปถึงเร็วกว่าเวลานัด (หมอนัด 18.00 น. แต่น่าจะถึงโรงพยาบาลตอน 16.30 น.) เลยโทรไปถามที่แผนกทันตกรรมในระหว่างนั่ง MRT สวยๆ ว่า เราน่าจะไปถึงก่อนเวลานัด ไม่แน่ใจว่าคุณหมอจะตรวจให้เลยมั้ย พยาบาลแจ้งว่า คุณหมอมีคนไข้ตอน 5 โมงเย็น ลองดูก่อนก็ได้ค่ะ ก็เลยไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ตรวจเลย เพราะดันไปก่อนนัดเอง
16.30 น. ถึงแผนกทันตกรรรม ก็แจ้งชื่อ วัดความดันปกติ นั่งได้พักนึง ก็ได้พบคุณหมอ ก็เล่าอาการเจ็บป่วยให้คุณหมอฟัง คุณหมอก็ทดสอบให้อ้าปาก ถามกิจวัตรประจำวัน ซึ่งคุณหมอก็เดาได้เป็นฉากๆถึงกิจวัตรประจำวันที่ทำให้เรามีอาการแบบนี้ได้ คือ
1. ช่วงนั้นเรากินแอปเปิ้ลค่อนข้างบ่อย (เกือบทุกวัน)
2. อ่านหนังสือก่อนนอน คืออ่านเสร็จ นอนเลย (ซึ่งคุณหมอแนะนำว่า หลังอ่านหนังสือเสร็จ พักซัก 30 นาที ก่อนนอนเพื่อให้สมองคลายจากอารมณ์ที่ได้รับหลังจากอ่านหนังสือ ซึ่งก็ค่อนข้างยากนะ เพราะเราอ่านจาก IPad อ่านจนไม่ไหวแระง่วง ก็นอนเลย)
3. ดื่มคาเฟอีน ซึ่งช่วงนั้นเราดื่มน้ำอัดลมสีดำค่อนข้างบ่อย
4. หมอถามว่าเครียดมั้ย เราว่าเราไม่เครียดนะ (เอ๊ะ หรือเครียดแต่ไม่รู้ตัว เอาเป็นว่าที่รู้ตัวคือไม่ได้เครียดอ่า)
5. และอื่นๆอีก บลาๆ
สรุปเราเป็นอาการของ TMD (ไม่ใช่ TMB นะ อันนั้นธนาคาร) ซึ่งปกติแล้วอาการของ TMD จะหายเองภายใน 1 อาทิตย์ แต่เราเป็นมากกว่า 1 อาทิตย์ ซึ่งนั่นเท่ากับมันเป็นอาการเรื้อรังแล้ว ดังนั้นหมอแนะนำให้ทำเฝือกสบฟัน ต้องมีการพิมพ์ฟัน ซึ่งหมอไม่แน่ใจว่าเราเบิกกับบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ ได้หรือไม่ หมอจึงให้พยาบาลโทรสอบถาม และหากเบิกไม่ได้สามารถแบ่งจ่ายได้ แต่ก็ให้เราสอบถามบริษัทประกันฯ ก่อน และ เชิญเราข้างนอกห้องตรวจก่อน หากประกันฯจ่ายให้ ก็ค่อยเข้ามาทำ เราก็เดินออกมานั่งข้างนอก ก็นั่งใกล้ๆกับที่พยาบาลโทรไปถาม Call Center บริษัทฯนั้น ก็ได้ยินบทสนทนาที่พยาบาลแจ้งกับทาง Call Center
พยาบาล : ฮัลโหลค่ะ จากโรงพยาบาล....แผนกทันตกรรม สอบถามการเบิกเคลมเคสการทำเฝือกสบฟันค่ะ มีค่าใช้จ่ายประมาณ 8 พันกว่าบาท เคลมได้มั้ยคะ
Call Center : .......... (พูดไรไม่รู้ เพราะไม่ได้ยิน)
พยาบาล : อ๋ออ ไม่ใช่การทำศัลยกรรมเพื่อความงามค่ะ เป็นการรักษาความเจ็บปวดขากรรไกร
Call Center :……… (ตอบอะไรไม่รู้ ไม่ได้ยิน)
พยาบาล : เคลมได้ใช่มั้ยคะ
Call Center :…… (ตอบอะไรก็ไม่รู้เช่นเคย เพราะไม่ได้ยิน)
พยาบาล : โอเค ขอบคุณค่ะ
พยาบาลวางโทรศัพท์ คุณคะ Call Center แจ้งว่าเคลมได้นะคะ เชิญที่ห้องตรวจคุณหมอค่ะ ดิฉันโล่งสิคะ จะได้หายซะที เพราะกะว่า ถ้าเคลมไม่ได้ก็ไม่ทำค่ะ เพราะแพงเกิน ต่อให้แบ่งจ่ายก็ตาม
ก็พิมพ์ฟัน ก๊อกๆ แก๊กๆ ของหมอไป เสร็จแล้วก็แจ้งว่าอีก 1 อาทิตย์มารับได้ (ออกมาจากห้องประมาณ 17.30 น. รู้สึกผิดต่อคิวที่นัดตอน 17.00 น. ขอโทษนะคร๊า) ก็ถึงเวลาไปแผนกการเงินเพื่อเคลมเอกสาร อย่างที่ทุกคนรู้ เคลมทันตกรรมใช้เวลานานเป็นธรรมดาอยู่แล้ว นานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ แต่รอได้ เพราะก็ไม่ได้มีเงินในกระเป๋าสำหรับจ่ายก่อน...
เวลาผ่านไป 3 ชาติ การเงินแจ้งว่าบริษัทประกันฯไม่รับเคลมค่ะ ช็อค!!!!!!!!!!!!!! เกิดอะไรขึ้น ก็ทางบริษัทประกันฯแจ้งกับพยาบาลว่าเคลมได้ เราก็เลยเดินไปถามพยาบาลที่ทันตกรรมว่า ทาง Call Center แจ้งว่าเคลมได้ใช่มั้ยคะ พยาบาลก็บอกว่าใช่ค่ะ ตอนนั้นหน้ามืด รู้สึกช็อค และงง และคิด เอาไง เอาเงินที่ไหน 8 พันอาจดูไม่เยอะถ้ามีเงินและเตรียมหามารักษา แต่เราไม่ได้เป็นแบบนั้น เลยบอกการเงินว่า แป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวไปกดเงินก่อน คือจริงๆไม่ได้กดเงินหรอกค่ะ เพราะไม่มีเงินให้กด! มีเงินติดตัวอยู่ 5 เกือบ 5 พัน ซึ่งพอสำหรับการใช้ชีวิตในอีก 3 week ที่เหลือ แต่ไม่ได้มีไว้เพื่อจ่ายค่าทำเฝือกสบฟัน!!!!!!!!!!!! โทรหาเพื่อน หาน้องสิคะ รออัลไล นาทีนั้นนอกจากจะอายคนปลายสายแล้วยังอายตัวเองด้วยค่ะ ทำไมต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ สุดท้ายก็ได้เงินมาจ่ายความซวยของตัวเองจนได้ ซึ่งกว่าจะหาได้ การเงินคงคิดว่าเราชิ่งกลับบ้านไปแล้วแน่ๆ หึหึ
หลังจากนั้นก็ไม่รอช้าค่ะ โทรหา HR บริษัทตัวเองทันที เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น และรอพรุ่งนี้เพื่อติดต่อบริษัทประกันฯดังกล่าว เดินคอตกกลับบ้าน และ นอนไม่หลับค่ะคืนนั้น สรุป ได้เครียดของจริงแระ บ้าบอ!!!
หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการเขียนเคลมค่ะ ส่งหลักฐานทุกอย่างให้บริษัทประกันฯ และทางนั้นโอนเงินมาให้เพียง 2,000 บาท (ค่าทันตกรรมที่เบิกได้ตามหลังบัตรคือ 2,000 บาท อันนี้ทราบอยู่แล้วค่ะ แค่งงว่า ไหนว่าเคลมได้ ทำไมถึงได้แค่ 2,000 บาท) ก็เลยถามตัวแทน ตัวแทนก็แจ้งว่า รบกวนเขียนคำร้องและเล่าเหตุการณ์มาทาง email แล้วจะดำเนินเรื่องให้อีกครั้ง
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ อยากได้เงินมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของจิตใจ และผลที่ได้รับจาก email เมื่อวานนี้ คือ
เรียน คุณ………… คะ (ชื่อเรา) (ฝากบอกตัวแทนนางนั้น ค่ะ เขียนเช่นนี้นะคะ)
ตามที่ได้ ทำจดหมายโต้แย้งเรื่องการขอให้พิจารณา จ่ายเคลมค่ารักษาเรื่องขากรรไกรอักเสบ
เจ้าหน้าที่แผนกเคลมได้ แจ้งกลับมา ตาม ข้อความข้างล่างนี้ค่ะ
" เรียน คุณ ….. (ชื่อตัวแทน)
ตามเอกสารเคลมที่ส่งมาเคลมไม่มีการทำศัลยกรรม
การรักษาครั้งนี้ของแพทย์ รักษาโดยการตรวจ และพิมพ์ปากเพื่อทำเฝือกสบพันเพื่อรักษาความเจ็บปวดของขากรรไกร
แนบเอกสารตามไฟล์สแกนเพื่ออ้างอิง " (เอกสารแนบดังกล่าว ก็คือเอกสารเราเองนั่นแหล่ะค่ะ ส่งกลับมาเพื่ออออ)
ดังนั้น ทางบริษัท จึงพิจารณาใบเสร็จนี้เป็นการรักษาแบบ OPD นะคะ
หากครั้งหน้า มีการทำการผ่าตัดหรือรักษาต่อเนื่อง ทางบริษัท….. (ชื่อบริษัทประกันฯ)
จะพิจารณาจ่ายในหมวดของ การรักษาพยาบาล ต่อไปค่ะ
ด้วยความนับถือ
………… (ชื่อตัวแทน)
…… (ชื่อบริษัทประกันต่างชาติยักษ์ใหญ่ เพิ่งสร้างตึกใหม่แถวรัชดา)
หลังจากได้เมล์ก็ยังงงและไม่เข้าใจเหมือนเดิมค่ะ อะไรคือคำตอบของการที่เรารักษาเพราะได้ข้อมูลจาก Call Center ว่าเคลมได้ ก็โทรหาตัวแทนอีกครั้ง เผื่อจะมีคำขอโทษหรือหนทางอื่นๆที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกดีขึ้น
เรา : ฮัลโหลค่ะ คุณ...ใช่มั้ยคะ ดิฉันโทรจากบริษัท......ที่ร้องเรียนเรื่องเคลมไป จำได้มั้ยคะ
ตัวแทน : อ๋อออ คุณ......
เรา : ใช่ค่ะ ได้รับเมล์แล้วนะคะ ยังไงคะ ทำไมเคลมไม่ได้คะ
ตัวแทน : ใช่ค่ะ พอดีในใบเสร็จ ไม่ได้เขียนว่าทำศัลยกรรม
เรา : ใช่ค่ะ ไม่ได้ทำศัลยกรรม แต่รักษาอาการเจ็บของขากรรไกร ทำไมเหรอคะ ทำศัลกรรมเบิกได้หรือไงคะ
ตัวแทน : อ๋อ ศัลยกรรมก็เบิกไม่ได้ค่ะ
เรา : ค่ะ ก็นี่ไม่ได้ศัลยกรรมไงคะ แล้ว Call Center ก็แจ้งว่าเคลมได้ แล้วทำไมไม่ได้คะ
ตัวแทน : เอ่อ คือ เค้ามองว่าทำที่แผนกทันตกรรม แล้วทันตกรรมเบิกได้แค่ขูดหินปูน อุดฟัน
เรา : ค่ะ แล้วต้องไปรักษาขากรรไรที่แผนกไหนคะ ในเมื่อหมอเฉพาะทางด้านขากรรไกรอยู่ที่แผนกทันตกรรม แล้วก็ถาม Call Center แล้ว เค้าบอกเคลมได้
ตัวแทน : เอ่อออ ค่ะ ได้ถามชื่อ Call Center มั้ยคะ
เรา : ไม่ได้ถามค่ะ แต่เสียงที่บันทึกก็มีไม่ใช่เหรอคะ
ตัวแทน : เอ่อออ มีค่ะ แต่ถ้าไม่ถามชื่อ Call Center ก็ลำบากค่ะที่จะฟังบันทึก
เรา : สตั๊นค่ะ
ตัวแทน : ก็เลยเคลมได้แค่ 2 พันค่ะ บลาๆ
เรา : ตัดสายทิ้งสิคะ รออัลไลล ก่อนที่จะด่าแรงๆออกไป
ยอมรับค่ะ ว่าโกรธมาก โกรธแรกคือ ผลการเคลมไม่เป็นไปตามที่ได้รับแจ้งจาก Call Center ถ้าเราไม่ถามก่อนแล้วไปรักษาเลย แล้วเคลมไม่ได้ อันนี้ว่าอะไรใครไม่ได้ค่ะ โง่เอง แต่นี่เราถามแล้ว
โกรธที่สอง ไม่เคยได้ยินคำว่าขอโทษ แม้นางจะขอโทษแล้วเราไม่หายโกรธก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม นางก็ควรเอ่ยขอโทษมิใช่หรือ
โกรธที่สาม นางดูปัดความรับผิดชอบและโยนความผิดมาให้ ผิดเองที่เราไม่ถามชื่อ Call Center หึหึ
พูดเลยว่า คงไม่เป็นลูกค้าโดยส่วนตัวกับบริษัทฯนี้แน่ และมั่นใจว่าเพื่อนทั้งออฟฟิศก็คงไม่เป็นลูกค้าบริษัทฯนี้เช่นกัน มีเพื่อนบอกเพื่อน มีหลานบอกหลาน มีป้าบอกป้า มีลุงบอกลุง ถ้าไม่มีใครก็บอก Pantip และบอกถึงบริษัทประกันฯดังกล่าว ถ้าการบริการและตัวแทนจะเป็นเช่นนี้ ก็คง บรัยยยยย!!!!!!