คบกัน9ปี ไม่ช่วยอะไร!! "หญิงแย้" ลั่นไม่ขอเจอหน้า "หมอ" ตลอดชีวิต

"หญิงแย้" ลั่นไม่ขอเจอหน้า "หมอ" ตลอดชีวิต เคลียร์! ควักเงิน 2 ล้าน จ่ายค่างานแต่งเอง

ยังคงเป็นกระแสร้อน ประเด็นฮิตที่ฮืฮฮาอยู่ในโลกโซเชียล สำหรับกรณีที่ "หญิงแย้ นนทพร ธีระวัฒนสุข" ออกมาแถลงข่าวจบชีวิตคู่กับ "นพ.นพรัตน์ รัตนวราห" ทั้งที่เพิ่งแต่งงานไปได้แค่ 3 เดือน ล่าสุดวันนี้ (11 พ.ค. 2559) เจ้าตัวได้เดินทางมายังรายการ "ปากโป้ง" ทางช่อง 8 กดเลข 27 ทีมี "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" และ "หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ" เป็นพิธีกรร่วมพูดคุยถึงกรณีและสาเหตุต่าง ๆ ที่ "หญิงแย้" ตัดสินใจแยกทางแบบละเอียด และเจาะลึก จะเป็นอย่างไรไปฟังกัน

"คือหลังจากที่เขาลงรูปและเขียนข้อความตีความหมายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพานส่งตัวบ้าง หรืออะไรบ้าง คือคนเขาก็จะเข้าไปตีความกันว่า เราเที่ยว ไม่ค่อยกลับบ้าน ซึ่งจริง ๆ แล้วแย้ไม่ใช่เป็นคนปาร์ตี้ คืออย่างหนึ่งแย้มีเคอร์ฟิวจากคุณหมอ และแย้เชื่อฟังเค้ามาก กลัวหัวหด คือแย้ยอมรับเลย หมอโทรมา โทรศัพท์แทบหล่น สำหรับแย้คือมีเคอร์ฟิวสี่ทุ่มครึ่ง คือต้องกลับบ้าน และไม่ใช่ทุกวันแย้กลับสี่ทุ่มครึ่งนะ บางวันสามทุ่มก็กลับ ถ้าเกินเวลาก็จะโดนด่า ก็คือคุณหมอจะเป็นคนที่พูดสั่งสอน ตัวเอง ตัวเองไม่ควรจะทำอย่างนี้ ตัวเองรู้ไหมว่าการกลับดึกเนี่ย มันเสียภาพลักษณ์ ถ้าคนมาเห็นจะทำอย่างไร คือเค้าเป็นห่วงเรา ซึ่ง 4 ทุ่มครึ่ง แย้ไม่ได้มายด์อยู่แล้ว แย้รู้สึกว่ามันดีกับตัวแย้เอง จนทุกวันนี้แย้ไม่ได้มีคุณหมอมาคอยเคอร์ฟิว แย้ก็กลับเร็วกว่านี้อีก"

แล้วในกรณีที่มีแฮชแท็ก (ในอินสตาแกรมของคุณหมอที่มีรูปแมว รูปพาน) ถามคุณว่า ถ้าไม่พร้อมแล้วแต่งงานทำไม?

"แฮชแท็กอันนั้นอะ แย้ยอมรับว่าเสียใจมาก และก็ค่อนข้างจะเดือดนิดหนึ่งว่า เราเคยบอกเลิกคุณแล้ว บอกเลิกช่วงปลายปีที่แล้ว ก่อนแต่งงาน แต่ที่กลับไปแต่งงานเพราะมันรักอะ เพราะเรายังรักเขาอยู่มาก พอเราได้ยินอะไร เขาก็ให้เหตุผลมาว่า ตัวเองอย่าเพิ่งเลิกกับเค้า เค้าจะอย่างนั้น อย่างงี้นะ เราก็ฟัง และคุณหมอเป็นคนที่มีจิตวิทยาในการพูดค่อนข้างดี หรือพูดง่าย ๆ คือเค้าฉลาดกว่าแย้"

แล้วเรื่องที่บอกว่า คุณเคยขอเลิกกับคุณหมอสองแล้ว แต่มันกลับมีคลิปที่เค้าขอคุณแต่งงานผุดออกมา เลยทำให้คุณต้องตกกระไดพลอยโจน คือมันเป็นอย่างไร?

"ก่อนวันที่คุณหมอจะปล่อยคลิปขอแต่งงาน เพื่อที่จะปูทางไปสู่งานแต่งงานในวันที่ 14 ก.พ. ที่เขาแพลนไว้เนี่ย คือแย้ก็บอกเลิกก่อน ยังพูดว่า ตัวเองถ้าเราเลิกกันอะ เค้ายังรู้สึกเลยว่าเค้ายังไม่พร้อม คือคุณหมอเขาก็บอกว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะ มันไม่มีอะไรที่เหมาะสมไปมากกว่านี้แล้วนะ ตัวเองอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วคือแย้เป็นผู้หญิงที่อะไรก็ได้ ไม่ว่าจะทำอะไร เราทำธุรกิจก็จะโดนโกงตลอด เพราะว่าเป็นคนยอมเสียเปรียบ และหนีปัญหา ยอมรับว่าเป็นคนที่หนีปัญหา เราเลยปล่อยผ่านไป เพราะสุดท้ายแล้วเชื่อว่าความรักจะนำพาทุกอย่าง ฟันฝ่าอุปสรรคไปได้เอง"

ตอนแต่งงานทรัพย์สินเกือบสองล้อยล้าน?

"ทรัพย์สินจะแบ่งออกเป็นสองอย่างคือ ร้อยกว่าล้าน และก็สามสิบล้าน ทรัพย์สินก็คือของของเค้า มีโรงพยาบาล รถยนต์ อันนั้นเป็นทรัพย์สิน เป็นชื่อเค้าไม่เกี่ยวกับแย้ แล้วสินสอดจริง ๆ ที่เราชี้แจงกับทางสื่อไปคือสามสิบล้าน โดยประมาณ สินสอด มีเช็ค 20 ล้าน เงินสด 2 ล้าน ทอง 2 กก. และก็มีแหวนเพชร ต่างหูเพชร และก็กำไลเพชร"

มีคนตั้งประเด็นว่าที่หย่ากัน เพราะหญิงแย้จะได้สินสอด 30 ล้าน ไปเลย?

"ก็มีหลายคนคิดแบบนั้นค่ะ แต่ต้องบอกเลยว่า แย้ไม่ได้รับตั้งแต่แรกแล้ว เงินสด 2 ล้าน ก็เอาคืนคุณหมอ เช็ค 20 ล้าน ก็ไม่ได้เอาไปขึ้นเงินค่ะ แค่เอามาวางให้ดูเหมือนว่า คือจริงๆ เราตกลงกันแล้วค่ะ คุณหมอบอกว่า เอางี้ไหมตัวเองเพื่อให้เกียรติแก่ฝ่ายแย้ และวงค์ตระกูลแย้ ให้สมฐานะ สมเกียรติ เราจะวางสินสอดไว้เฉย ๆ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดี คือเป็นการตกลงกัน เพราะยังไงก็ต้องใช้ชีวิตด้วยกันอยู่แล้ว"

สิ่งที่คุณได้มามีอะไรบ้าง?

"มีแหวนเพชร 4 กะรัต มีต่างหู และก็มีกำไลเพชร แต่สุดท้ายวันที่แย้ออกมาจากเค้า แย้ถอดแหวน ต่างหูอยู่ในตู้เซฟ แต่แย้มีกำไลข้อมือที่อยู่กับตัวแย้ จะอยู่ในกระเป๋าติดมา ตอนที่มันจุดพีคจริง ๆ เราก็ไม่ได้คิดหรอกว่าต้องเลิกกันจริง ๆ ก็เดี๋ยวจะคืนกำไลเค้าค่ะ ไม่เอา"

แสดงว่า 9 ปีที่คบกันมา หญิงแย้ไม่ได้อะไรเลย?

"ได้สิ่งที่เค้าสั่งสอน"

ได้ยินข่าวมาว่าหญิงแย้เอาเงินส่วนตัวจัดงานแต่งงานด้วย?

"สำหรับแย้นะ แย้ว่างานแต่งงานมันก็คือชีวิตของคนสองคนที่ต้องมาอยู่ร่วมกัน แย้ก็รู้สึกว่าแย้ควรจะช่วย แต่เงินจำนวนนั้นของแย้ มันก็อาจจะไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมดอยู่แล้ว"

คุณช่วยไป 2 ล้านในงานแต่งงานครั้งนั้น?

"ทำไมรู้ได้ไง (ยิ้ม) ก็จ่ายจริงค่ะ แต่จ่ายด้วยความเต็มใจ ด้วยความรู้สึกที่ว่าคนเรารักกัน ช่วยกัน"

มีบางกระแสบอกว่า การแต่งงานที่เกิดขึ้นของคุณ มันเหมือนกับเป็นการเซ็ตเพื่อโปรโมทโรงพยาบาลใหม่ของคุณหมอ?

"ก็ถ้าจะโปรโมทโรงพยาบาลแห่งใหม่ ก็โปรโมทไปเหอะ แย้ไม่เกี่ยวข้องแล้วค่ะ แย้ไม่คิดหรอกว่าคุณหมอจะใช้ตรงนี้ในการโปรโมท ตอนนี้แย้ขอไม่รู้สึกอะไรดีกว่า"

อีกเรื่องหนึ่งที่มีกระแสมาว่าที่คุณทนไม่ได้เพราะเรื่องนอกใจหรือเปล่า?

"อันนี้แย้ไม่รู้นะคะ แต่ก็ไม่น่าจะมีค่ะ แย้ไม่เคยเจอค่ะ"

อีกประเด็นหนึ่งที่เขาพูดกันมาว่าคุณหมอ เป็นเก้ง กวาง?

"สำหรับแย้ แย้ว่าไม่ใช่นะคะ แต่เขาเป็นคนดูสุภาพเรียบร้อย สุขุม พูดดี เป็นผู้ใหญ่"

รู้สึกอย่างไรที่ทุกวันนี้กระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์หญิงแย้ติดลบ?

"ก็ต้องยอมรับนะคะ เพราะมันเหมือนกับแย้ ก็คงจะพูดค่อนข้างเยอะ คือมันเป็นยังไงก็พูดไปอย่างนั้น ตอนแรกจะปล่อยเรื่องนี้ให้เงียบ แต่ด้วยความที่มีคนมาด่าเยอะมาก เพราะเห็นภาพที่เขาลง เห็นแมว เห็นการตีแบต ที่แบบเสียเหงื่อให้กีฬาดีกว่า อะไรแบบนี้อะค่ะ มันเหมือนกับเรากลายเป็นจำเลยไปเลย การเลิกครั้งนี้ เพราะเราคนเดียว"

ล่าสุดหลังจากที่หญิงแย้ออกมาแถลงข่าว คุณหมอก็ได้เคลื่อนไหวไอจีเหมือนกันว่า ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย และก็บอกว่า ไม่อยากให้เป็นการสาดโคลนเข้าหากัน ณ วันนี้ ได้มีการพูดคุยกันหรือยัง?

"แย้คุยกับเขาวันเดียวคือวันที่ 26 หรือไม่ก็ 27 เมษายน ก็คือ หมอโทรมาง้อ หลังจากที่หมอหายไปเลย หลังจากวันที่ 16 เมษายน รวมทั้งวันเกิดแย้ คือ 20 เมษายน คือเค้าก็หายไปเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ วันที่ 7 เมษายน เรายังไปเที่ยวกันอยู่เลย และแย้ก็ยังไม่กล้าวนกลับไปดูภาพเหล่านั้นเลย คือพอมันกลับมาอยู่ที่เดิมปุ๊บ มันเหมือนกับว่า ทำไมเราไม่อยากจะกลับไปที่บ้านนั้นอะ คือปัญหามันสะสม อย่างที่แย้บอกว่า แย้อยากเลิกเพราะว่าแย้เปลี่ยนตัวเองเพื่อเค้าเยอะมาก คือมันเปลี่ยนได้ แต่มันอึดอัดมากกับทุกอย่าง ยิ่งย้ายไปอยู่บ้านใหม่ ยิ่งไม่เหมือนเดิม"

มีโอกาสจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ไหม?

"จริง ๆ เมื่อวานที่แย้แถลงข่าวบอกไปว่า มันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ถ้าวันนี้แย้ตอบได้เลยว่า ไม่นะ เพราะว่าเรามีเวลาทบทวนตัวเองมานาน ตั้งแต่วันที่ 16 แล้ว"

ว่าในวันที่ไม่มีเค้า เราเป็นอย่างไร ผลคือทุกวันนี้ แย้มีความสุข อยากทำอะไรก็ได้ทำ โดยที่แย้ไม่ได้เละเทะ ถามหน่อยว่าที่ออกมาว่า แย้แต่งตัวโป๊ นี่คือเคยเห็นหรอ ในไอจี แย้เคยโชว์นม หรือทำอะไรน่าเกลียดหรอ แย้เที่ยวดึกกว่าเดิมไหม คือมันจะมีแค่ 2-3 วันเท่านั้นแหล่ะที่มันแบบ คือเข้าใจคน 9 ปีไหม แล้วเลิกกัน คือมันมีอยู่แล้วประมาณ 2-3 คืนได้ที่ออกไป ที่เหลือคือทุ่มหนึ่งกลับบ้านละ เพราะว่ามันมีงานตลอด วันนี้แย้ยืนยันได้เลยว่าจะไม่กลับไปแล้ว ไม่กลับค่ะ

อยากฝากบอกอะไรถึงคนที่มาว่าเรา ตำหนิเรา?

"คนตำหนิเราเข้าใจว่าคนนอกที่เค้ามองมา เค้ามีสิทธิ์ที่จะตัดสินอะไรก็ได้ จริง ๆ แย้ยอมรับว่าแย้ผิดเอง ที่แย้ไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองเพื่อใครได้ ก็อยากจะฝากบอกถึงทุกคนว่า ใครที่คิดจะแต่งงาน แต่จริง ๆ แล้วเราเปลี่ยนตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า เพื่อให้ใครคนหนึ่งรักเรา เพราะสุดท้ายแล้ว มนุษย์เราอะ มันไม่สามารถจะเปลี่ยนตัวเองได้นานหรอก ขนาดแย้เปลี่ยนมา 9 ปี สุดท้ายเราก็รู้สึกว่ามันไม่ไหว"

หลังจากที่ออกมาแถลงข่าว คุณหมอติดต่อมาหรือยัง?

"ยังค่ะ ถ้าเขาจะออกมาพูดก็ได้เลยค่ะ ถ้าให้เจอกัน แย้ไม่ขอเจออีกแล้ว ก็เพราะรักเนี่ยแหล่ะ เลยไม่อยากเจอ มันไม่มีอะไรการันตีได้ว่า แย้จะใจอ่อนหรือเปล่า เพราะอย่างที่รู้กันอยู่ว่า คุณหมอเขาพูดจาดี พูดหวาน รายการไหน ไม่ต้องมาทำเซอร์ไพรส์ ขอไม่เจอนะ"

ที่ออกมาพูดแบบนี้คิดว่าเป็นการสาดโคลนให้คุณหมอเสียหายไหม?

"แย้ก็ว่าแย้ไม่ได้พูดอะไรถึงคุณหมอเสียหายนะ คือแย้ผิดเอง เพราะคุณหมอเป็นแบบนี้ตั้งแต่ต้น (ร้องไห้) คือสำหรับคนที่เข้ามาด่า แย้อยากจะบอกว่า แย้เสียหาย แย้แต่งงานแล้ว แย้เป็นแม่ม่าย ทำไมลูกผู้หญิงด้วยกัน ต้องมาด่ากันด้วย ต้องเข้าใจกันสิ (ร้องไห้)"
http://news.sanook.com/1993686/
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
สงสารฝ่ายหญิงมาก.. และโคดเข้าใจ เราว่าเธอทำดีที่สุดแล้วล่ะ คบกันเก้าปี ไม่เคยได้อะไรจากหมอ เธอไม่ต้องการด้วย คบกันตั้งแต่หมอยังไม่ดัง จนมาถึงวันที่ชื่อเสียงติดอันดับ top ของประเทศ (ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้เธอก็มีส่วนช่วยสร้างมาด้วยกัน ทั้งสนับสนุนให้คุณหมอเป็นที่รู้จักโดยเฉพาะในหมู่ดารา ใครที่เคยเป็นคนไข้ของคุณหมอ โดยเฉพาะช่วงที่กำลังเริ่มดัง จะรู้ว่าเธอนี่แหละ เป็นคนช่วยคุณหมอดูแลเทคแคร์ลูกค้าด้วย) จนวันที่หมอมีฐานะเรียกได้ว่ารวยมากๆ แต่เธอก็ไม่เคยเรียกร้องอะไร (กระเป๋าสักใบยังไม่เคยได้จากหมอ) แถมงานแต่งงานยังต้องควักเงินตัวเองช่วยออกอีก จนเลิกกัน ยังไม่เคยเอาตรงนี้มาเป็นประเด็น

ทั้งๆที่เรียกได้ว่าสวย สาว เป็นที่รู้จักพอสมควรมาตั้งแต่เด็ก แต่เธอก็เป็นคนรักเดียวใจเดียวมาตลอด หมอว่าอะไรก็พยายามเชื่อและทำตาม ทั้งๆที่ขัดกับนิสัยของตัวเอง แต่ทุกอย่างที่ยอมคือรัก.. จนมาถึงวันที่มันสะสมมากจนฟางเส้นสุดท้ายทำให้หลังหัก ตั้งแต่ก่อนแต่งจนหลังแต่ง ฝ่ายชายไม่เคยซัพพอร์ทเรื่องเงิน จดทะเบียนก็ไม่ยอมจดด้วย มันก็คงไม่ไหวแล้ว ก็คงคิดว่า แล้วจะแต่งมาทำไม มันไม่ใช่การร่วมสร้างครอบครัว แต่เป็นต่างคนต่างหา ต่างคนต่างใช้ แถมฝ่ายหญิงยังต้องอยู่ในกรอบที่แน่นหนากว่าเดิม เพราะคำว่าภรรยาต้องเชื่อฟังสามี อะไรแบบนี้ (เรื่องเที่ยว เธอก็บอกอยู่ว่าไม่มีโอกาสไป ไม่เคยได้อยู่นอกบ้านเกินสี่ทุ่มครึ่งถ้าไม่มีหมอไปด้วย)

แต่ก็เข้าใจฝ่ายชายเหมือนกัน คุณหมอเป็นเด็กต่างจังหวัด ไม่ได้มาจากครอบครัวร่ำรวย กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ทำงานหนักมากกกก แทบจะเรียกได้ว่าทั้งวันทั้งคืน คุณหมอจะยอมจ่ายหนักๆอยู่เรื่องเดียว คือเรื่องเที่ยว ทุกอย่าง first class ประมาณทำงานหนักเวลาพักก็ต้องเต็มที่ แต่เรื่องอื่นๆ รวมไปถึงเรื่องแฟน เป็นคนที่ frugal มาก (แต่ถึงวันนี้อาจคิดว่า นี่ไง ดีแล้วที่ไม่เคยเปย์ 5555)

ที่บอกสงสารฝ่ายหญิง เพราะเลิกกันก็โดนเต็มๆ ทั้งๆที่จริงๆมันก็ผิดทั้งสองฝ่ายแหละ ฝ่ายชายคงจะลืมว่า ต่อให้รักแค่ไหน แต่ความอดทนของทุกคนมีขีดจำกัด ฝ่ายหญิงก็แมนเกิน แบกไว้เกิน พยายามจะสร้างภาพความสมบูรณ์แบบมากจนเกินไป พอมันขาดผึง มันก็ยากสำหรับฝ่ายชายที่จะเข้าใจ ในเมื่ออยู่ดีๆ สิ่งที่เคยทำมาตลอดเก้าปีที่คบกัน มันกลายเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายทนไม่ได้ไปซะงั้น เลยเกิดเป็นข้อความประชดประชันตัดพ้อออกสู่สาธารณะ กลายเป็นประเด็นให้คนนอกรุมฝ่ายหญิงไปซะนี่
ความคิดเห็นที่ 34
เราดูสัมภาษณ์รายการปากโป้ง เอะใจกับที่หญิงแย้พูดว่า "รู้สึกว่าไม่ใช่บ้านของเรา"
ฟังแล้วตกใจมากเรื่องที่เธอกลัวไปทำบ้านคุณหมอรก ไม่อยากให้แม่บ้านของคุณหมอต้องมาซักให้ ฯลฯ
เราว่าการไม่มีชื่อตัวเองเป็นเจ้าของสิ่งของไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือแม้กระทั่งเรื่องช่วยแชร์ค่าใช้จ่ายต่างๆ (เราว่าก็ถูกต้องแล้วที่จะช่วยกัน)
แต่กับ"บ้าน"ที่เป็นที่ที่ควรจะอยู่แล้วสบายใจที่สุด ปลอดภัยที่สุด เราควรพูดได้ว่าที่นั่นคือ "บ้านของเรา"

ลองคิดดูว่าบ้านที่เราอยู่ทุกวันนี้เป็นชื่อของ พ่อหรือแม่ แต่ทำไมเราถึงรู้สึกว่ามันคือ "บ้านของเรา" ??
สิ่งสำคัญเลยคือเรามีสิทธิมีเสียงในบ้าน เราออกความเห็นได้ แม้สุดท้ายอำนาจการตัดสินใจจะเป็นของผู้ใหญ่ในบ้าน แต่เราต้องมีสิทธิมีเสียงมากพอที่เราทำให้รู้สึกว่านี่คือที่ที่ความคิดความเห็นของเรามีความหมาย
เราเองยังไม่แต่งงาน แต่เคยคุยกับแฟนถึงปัญหานี้เหมือนกัน ว่าหากต้องย้ายไปอยู่บ้านแฟน สิ่งที่จะทำให้เรารู้สึกว่าตรงนั้นคือ "บ้านของเรา" คือ เราต้องมีสิทธิแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆในบ้านได้ เพราะถ้าต้องก้มหน้ายอมรับทุกอย่าง เราจะรู้สึกว่านั่นคือ "บ้านของเรา" ได้อย่างไร?

คนเราตื่นมาทุกวัน ต้องออกไปสู้รบปรบมือกับคนข้างนอก ตกเย็นก็อยากกลับมาที่ที่ตัวเองรู้สึกปลอดภัย ได้เป็นตัวเองอย่างสบายใจ
แต่ถ้าเรารู้สึกว่าที่ตรงนั้นไม่ใช่ที่ของเรา ไม่ใช่บ้านของเรา
ใครจะอยากกลับบ้าน...

เราเลยรู้สึกเห็นใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้จากปากหญิงแย้ มันต้องมีเหตุที่ทำให้เธอรู้สึกว่านั่นไม่ใช่ที่ของเธอ
เรายอมรับว่าเราเห็นใจฝ่ายหญิงมากกว่า เพราะเราว่าเธอก็รักคุณหมอมากจริงๆ ส่วนดีคงมีเยอะพอสมควรจึงอยู่กันมาได้นานจนตกลงปลงใจแต่งงาน แต่มันต้องมีส่วนเสีย"มากพอ"ที่จะทำให้ผู้หญิงคนนึงตัดสินใจเลิกทั้งที่เพิ่งแต่งงาน 3 เดือน
สุดท้ายก็เป็นเรื่อง "ความสุข" ไม่ใช่ว่าใครผิดกว่าใคร อาจไม่มีใครผิดเลยก็ได้ เพียงแต่ถ้าอยู่กันแล้วทุกข์มากกว่าสุข มันก็คงต้องจบกันไป

ได้บทเรียนจากเรื่องนี้เยอะเหมือนกัน
ความคิดเห็นที่ 44
ขอย่อไว้หน่อย...

ภรรยา เป็นคนทำงานหนัก ทำงานเยอะ เพื่อนเยอะ สีสันเยอะ เป็นไอดอล เป็นโซเชียลเกิร์ล
สามี เป็นคนทำงานหนักกว่า ต้นทุนน้อย เลยงก พอมีตังก็ชอบอวด นิสัยหัวโบราณ กิจวัตรน่าเบื่อเดิมๆ

(ตามเนื้อข่าว&การแถลงข่าว) เรื่องเกิดเมื่อ...

สามีขอให้กลับบ้านก่อน 4 ทุ่ม เป็นกฎที่ยอมรับร่วมกัน >> ภรรยาไปเจอเพื่อนๆ >> เพื่อนชวนเที่ยวต่อ >>
ภรรยาติดต่อสามีไม่ได้ ส่ง Line ไปบอก >> สามีทราบโทรมาดุ >> ทะเลาะกัน >> ภรรยาเที่ยวต่อ >>
กลับถึงบ้านสามีรอบ่น >> ภรรยาเก็บของ คืนแหวน บอกขอเลิก >> สามีไม่ง้อ


แยกกันอยู่ >> 4 วันผ่านไป วันเกิดภรรยา >> ภรรยาคาดหวังสามีจะลืมเรื่องเก่ามาเซอไพร้  >> สามีไม่ง้อ >>
ภรรยาบอกพ่อแม่เลิกกับสามีแล้ว >> ภรรยาใช้ชีวิตโสดรัวๆ >> สามีประชด เชิงสอนสั่งลงสื่อส่วนตัวรัวๆ ดูงอลขี้ประชด >>
ภรรยาประกาศ โสด ลงสื่อส่วนตัว >> ชาวบ้านรับทราบ พร้อมๆ กับสามีและครอบครัวสามี...

ภรรยาไม่ทนการไม่ง้อของสามีอีกต่อไป! >> ภรรยาจัดแถลงข่าว แต่งงานทำชีวิตส่วนตัวเปลี่ยน ทนไม่ไหว >>
สรุปโอกาสคืนดีเป็นเรื่องอนาคต >> ภรรยาเดินสายออกรายการ >> สามีเงียบไม่ตอบโต้

ภรรยาแถลงข่าวอีกหน ตานี้มีแฉเรื่องเงิน >> สรุปไม่ขอเจอหน้าตลอดชาติ >> สังคมเกลียดสามีงกด่ารัวรัว >>
สามีเงียบไม่ตอบโต้


ปัจจุบัน...To Be Con...


เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

1) ความในอย่าเอาออก ความนอกอย่าเอาเข้าครอบครัว...เมื่อเผลอทำ มันจะย้อนกลับไม่ได้
2) คนบางคนทำลายทั้งตัวเองและคนใกล้ตัว เพื่อให้ใครก็ไม่รู้พอใจ ???
3) คนไทยส่วนมากฟังความข้างเดียว เชื่อคนง่าย ชอบมโนและดราม่า
4) สามีที่ดีห้ามงกกับภรรยา ไม่ควรห้ามสิ่งที่ภรรยาต้องการ ไม่งั้นต้องหย่าซะ...!?!?!?


ส่วนตัวเข้าข้างฝั่งสามีออกนอกหน้า เพราะเป็นคนที่บ้านหัวโบราณ และไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแคร์สายตาเพื่อนและชาวบ้านมากนัก
ไม่ว่าจะเพราะอะไร เมื่อเลือกจะแต่งงานแล้ว ก็ต้องแชร์และรับฟังกัน ปรับเข้าหากัน เพราะชีวิตเป็นคู่แล้ว ต้องคุยกันให้จบ
ถึงจะเลิกกัน ก็จบสวยๆ เพราะต่างคนย่อมมีส่วนผิด แล้วไม่ควรเอาขี้ปากชาวบ้านหรือเพื่อนมามีส่วนด้วย ชีวิตเรา สร้างเองจบเอง
สาวไส้ให้กากิน นอกจากจะบอกความไม่ดีของฝั่งศัตรู มันก็จะย้อนเข้าตัวด้วย เจ้าคิดเจ้าแค้น ควรดูคู่ปีเตอร์กับพลอยเป็นตัวอย่างสวยๆ
ภรรยาที่เป็นตัวอย่างที่ดีมีมาก ในกรณีสามีรวยก็ เช่น นุชบา บัวชมพู เป้ย นุ่น ฯลฯ ลดทิฐิส่วนตัวเพื่อสร้างครอบครัว
โฟกัสเงินน้อยลง ไปมุ่งทางลูก หรือคุณค่าอื่นๆ เพราะมันคือสิ่งที่เราเลือก และทำไปแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุดก่อน

ญ แย้ เป็นไอดอลของสาวๆ เพราะฉลาดหาเงินเก่ง แต่สอบตกเรื่องวุฒิภาวะอย่างแรง


ปล.ทำงานโฆษณามาทั้งชีวิต ไม่เคยต้องประชุมลูกค้าหลังเลิกงาน หรือที่ผับเลย งานแนวนี้ ทุกคนจะหวงเวลาส่วนตัวมาก!!!
เลิกงานแทบจะทิ้งงานออกนอกตัว โดยเฉพาะ ลค เองจะไม่ยอมทำงานนอกเวลา ถ้าไม่คอขาดบาดตาย ปีนึงจะเจอสักที
สรุปคือ ที่ต้องไปกินข้าวดึกๆ ทำงานดึกๆ เพราะประชุม ลค ที่แถลงข่าว มันดูแปลก ไม่นาเอามาพูดเลยจริงๆ...และอีกหลายแปลก
ความคิดเห็นที่ 6
อยากจะถอดบทเรียน
1.สินสอดไม่คืน หรือคืน ก็ต้องเก็บเงินชื่อของผู้หญิง
2.ทะเบียนสมรส สำคัญกว่าทะเบียนรถ
3.ถ้าทะเลาะกับสามี ออกจากบ้าน อย่าเอาเสื้อผ้าออกไปด้วย เผื่อเขาไม่ง้อ จะได้กลับมาได้
4.ถ้าได้แต่งงานออกหน้าออกตาแล้ว อย่าขัดใจสามีโดยไม่จำเป็น เพราะเขาจะไม่ตามใจ หรือเอาใจเราอีกแล้ว
5.ชื่อ ใครว่าไม่สำคัญ ต้องดูดี มีสกุล
ุ6.ระยะโปรโมชั่นหลังแต่งงาน อาจจะสั้นแค่สองสามเดือน
7.อาชีพที่เราคิดว่าดี ถ้าเขาคิดว่า เราไม่ดี อาชีพนี้ ก็ไม่ดี ไม่มีมูลค่าอะไร
8.จะทำอะไร ต้องมองให้ออกว่า ถ้าหากว่า เราแพ้แล้ว เรายังสามารถกลับมาเล่นเกมนี้ใหม่ได้ในวันพรุ่งนี้ เพื่อถอนทุนคืน พร้อมกำไร
ความคิดเห็นที่ 26
ทำไมคนสมัยนี้นึกถึงแต่ความต้องการ ไม่นึกถึงความเหมาะสมบ้าง??
เรื่องของคนสองคนไม่อยากยุ่งเลย แต่พอแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว มันก็ควร กาลเทศะ ในการใช้ชีวิตบ้าง
ดันเป็นตัวอย่างของคนอื่นๆ หลักครองเรือน อะไรที่ดี มันก็ควรมีบ้าง เก่อนแต่งก็ควรคิด พอแต่งก็ควรเปลี่ยนไปในทางที่ดี
ลดเที่ยว มีลิมิต ใช้ชีวิตคู่ เป้ย ยังเลิกทำงานตามสามีไป ตจว ได้เลย ก็ชีวิตคู่แล้ว ก็ใช้เวลาด้วยกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขสิครับ
ยอดการหย่าร้างสมัยนี้สูงมากๆ ก็เพราะคนขาดความอดทน ขนาดดารายังวิบัติขนาดนี้ แฟนคลับก็ซึมซับ แย่ๆ


ญ พูดแบบนี้ ยิ่งรู้สึกว่าเก็บกดเรื่องเงิน เรื่องงาน เรื่องไลฟ์สไตน์

เงิน ถ้าไม่หวังอะไรจะยกมาพูดบ่อยๆ ทำไม เวลาใช้ด้วยกันก็ช่วยกันจ่าย มันก็ปกตินิครับ จะให้จ่ายเงินเดือนเลยรึเปล่าละ?
พูดเหมือนหมอไม่จ่ายสักบาท ทั้งที่คิดดีๆมันก็ต้องมีจ่ายแหละ แต่ถ้าพูดแบบนี้ เหมือนหมอขอ ญ กิน??
หมอไม่สปอร์ต ผมว่ามันก็ไม่ดี แต่ไม่แปลก มันไม่ใช่ข้อเสียเลวร้าย ถ้าจำเป็นก็บอก ถ้าขอแล้วเค้าไม่ให้นี้ถึงแปลก

งาน ต่างคนต่างทำงาน พอหมดเวลางานก็มาใช้ชีวิตร่วมกัน ก็ถูกนิครับ?!!?!?
หมอขอให้กลับบ้านหลัง 4 ทุ่ม ผมว่าไม่แปลกที่หมอจะดุ ผมก็ดุ มันดึกเกินไป ทั้งห่วงและหวง แล้วเมื่อไหร่จะเจอกัน???
ถ้ามีใครจะเที่ยวจะอยู่กับเพื่อน ไม่มีคู่ไหนไปรอดหรอก ปกติจะเป็นปัญหาของ ช แต่นี้เป็น ญ ที่แปลกมาก
ช ที่ยอมให้ ญ เที่ยวใช้ชีวิตไม่แย่แสไม่ดุไม่เตือน แสดงว่า ช คนนั้นไม่ได้ใส่ใจ ญ อย่างจริงจัง
ขนาดตอนนี้เป็นข่าว เพื่อนยิ่งโพสชวนเที่ยวบน Fb เยอะมากๆ ปลอบกันด้วยกันชวนเที่ยวชวนดื่มทุกวัน!?!?!?
กรณีนี้ผมว่าเพื่อนที่คบนี้นิสัยไม่ดีเลย ไม่รู้กาลเทศะ แก้ปัญหาด้วยการชวนกันเที่ยวตลอด ถ้าห่วงจริง มาหาสิครับ
ถ้าเป็นรุ่นก่อนเค้าเรียกชีวิตเสเพลมากๆเลย เป็นการสร้างนิสัยที่ไม่ดี มีครอบครัวก็ใช้เวลากับครอบครัวก่อนสิครับ

คนที่เป็นตลกส่วนมาก ชีวิตส่วนตัว เงียบและเก็บกดมากๆ เป็นพริตตี้ไม่ต้องรื่นเริงตลอดเวลาก็ได พักบ้าง
สำหรับสาวๆสมัยใหม่ หลายคนทำตัวเหมือนชีวิตมันต้องไฮเอ็นทุกอาทิตย์?? เที่ยวหนัก อยากให้เอาใจตลอด?
ทำงานหนัก เหนื่อย มันมีทุกอาชีพนะ แต่เค้าไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ไร้สาระ ไม่แคร์สังคมเกินพอดี ยิ่งคนแต่งงานแล้ว
ถึงจะเพื่อนเยอะ ก็ไม่ต้องเดินสายพบปะนินา งานหนักก็พักสิ เที่ยวก็ยิ่งเหนื่อย มันก็ยิ่งล้า ก็ยิ่งเครียด ก็ยิ่งเที่ยว!?!?!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่