ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 11/5/2016

กระทู้คำถาม


  ***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี  ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................


ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น



ช่วงนี้ MC ฮารุจังงานยุ่งมากค่ะ เวลากินไม่ได้นอน เวลานอนไม่ได้กิน ต้องมีเสบียงเตรียมพร้อมเสมอ
วันนี้จึงขอเสนอเรื่องเบาๆ ที่ชอบนะคะ ใช่แล้ว เรื่องเกี่ยวกับของกินนั่นแหละ หิว


กูลิโกะ (Glico) ขนมชื่อดัง ใครจะทราบว่าชื่อนี้มีความหมายหรือที่มาอย่างไร ไม่น่าเชื่อว่าที่มาคือ หอยนางรม !!!

ในปี พ.ศ. 2462 นายริอิชิ อีซากิ อ่านหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า ไกลโคเจ้น (Glycogen) ที่อยู่ในหอยนางรม เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย  
เขาจึงซื้อน้ำต้มหอยนางรมมาจากชาวประมงและเอา Glycogen ไปเข้าห้องทดลองของโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย คิวชู อิมพีเรียล

  


แต่การทดลองยังไม่ทันได้ผลอะไรออกมา ลูกชายของนายอีซากิเกิดเป็นโรคไทฟอยด์ หมอยังไม่รู้จะรักษาอย่างไร

เมื่อสิ้นหวังดังนั้น ผู้เป็นพ่ออย่างนายอิซากิก็ขออนุญาตหมอขอให้ลูกชายลองกิน Glycogen ที่สกัดออกมาจากหอยนางรม
ปรากฏว่าลูกชายแกหายป่วยจริงๆ

นายอีซากิจึงเกิดความคิดว่า ถ้าเด็กของญี่ปุ่นได้มีโอกาสกิน Glycogen นี้แบบง่ายๆ เด็กญี่ปุ่นน่าจะแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย
จึงได้นำสารไกลโครเจนมาใช้ทำขนมคาราเมลหรือน้ำตาลเหนียวๆ และทำออกมาขายเป็นตัวแรก ด้วยความที่ Glycogen
เป็นสิ่งที่ดีมาก แกจึงตั้งชื่อสินค้าว่า Glyco หรือ Glico ในภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า กูลิโกะ (หรือ "กู ลิ โค เก้น" นั้นเอง)

ส่วนเรื่องโลโก้  นายอิซากิได้ไอเดียจากการที่เห็นเด็กวิ่งแข่งกัน และวิ่งเข้าเส้นชัย  ซึ่งคนที่ชนะจะชูแขนขึ้น  
นายอิซากิจึงนำมาเป็นสัญญลักษณ์ในการสื่อให้เห็นถึงคำว่า แข็งแรง



และบอกว่าเจ้าลูกอมเม็ดนึงเนี่ยสามารถให้พลังงานได้ถึง 15.4 กิโลแคลเลอรี่ ซึ่งจะเป็นพลังงานที่ใช้ในการวิ่งระยะ 300 เมตรเป๊ะ
(คำนวณจากนักวิ่งที่มีความสูง 165 เซนติมเตรและหนัก 55 กิโลกรัม) จึงเป็นที่มาของโลโก้นักวิ่งกำลังชูมือเข้าเส้นชัยมาจนถึงทุกวันนี้!!!!

เขามีปรัชญาธุรกิจว่า "ส่งเสริมสุขภาพประชาชน ด้วยอาหารที่มีคุณค่า" ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงงานเขาในโตเกียว
และโอซาก้าก็ถูกระเบิดไฟไหม้จนหมดสิ้น เขาต้องอดทนกอบกู้ขึ้นมาใหม่จนประสบความสำเร็จอีกครั้ง

จนกระทั่ง ในปี 2513 กูลิโกะเริ่มออกมาตั้งโรงงานนอกประเทศญี่ปุ่น โดยเลือกประเทศไทยเป็นประเทศแรก


กูลิโกะรักษาความเป็นผู้ผลิตขนมชั้นนำระดับโลกมายาวนาน นอกจากพัฒนาตัวสินค้าแล้ว ยังมีแผนการตลาดที่มีสีสันไม่หยุดนิ่ง
เช่น ทำ Giant Pocky เทียบแท่งกูลิโกะป๊อกกี้ยักษ์กับดาบ ไลต์ เซเบอร์ ใน Star Wars อย่างมีอารมณ์ขันและน่ากิน




ขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพประกอบ
http://board.postjung.com/710045.html
http://www.marumura.com/tips/?id=3284
http://teen.mthai.com/variety/77687.html
http://laughingsquid.com/star-wars-lightsaber-giant-pocky/



...........................................................

ริอิจิ เอซากิ เป็นตัวอย่างของคนที่ช่างสังเกต มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าทดลองสิ่งแปลกใหม่ มีวิสัยทัศน์ อดทน
และไม่ยอมแพ้แม้จะเจออุปสรรค ทั้งเรื่องลูกชายป่วย และโรงงานเสียหายหมดสิ้นจากสงครามโลก

แนวคิดที่เอซากิ ยึดถือเป็นแนวทางทำธุรกิจมาตลอดคือ

"ธุรกิจไม่ได้ทำเพื่อตนเองเท่านั้น แต่ต้องทำเพื่อสังคมด้วย"
หากคนขายได้กำไรจากการขายของและคนซื้อได้กำไรจากคุณค่าของสินค้า การใช้เงินจึงคุ้มค่า




เพลงเพราะ เนื้อหาซึ้ง นางเอกสวย ขนมอร่อยยยยย ... อุ่ย ไม่ใช่ละ ลืมตัว
ลองเปิดชมกันดูนะคะ ได้เห็นบรรยากาศเก่าๆ น่ารักดี

君がいればそれでいい (คิมิงา อิเรบะ โซเรเดะ อิ) กูลิโกะ อัลมอนด์ - เนื้อร้องและบรรยายภาษาไทย

https://www.youtube.com/watch?v=R1YuvBG0s4k
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
ชวนคุยเรื่อง กลอนกลบท มธุรส วาทีค่ะ

กลบท มธุรสวาที บังคับเพิ่มเติมจากกลอนแปด คือ
๑.ในวรรคที่ ๑ และ วรรคที่ ๓...บังคับให้มีสัมผัสสระ ๒ คู่  (คือ คำที่ ๓ กับ ๔   และ คำที่ ๕ กับ ๗ )
๒.ในวรรคที่ ๒ และวรรคที่ ๔...บังคับให้มีสัมผัสพยัญชนะ ๑ คู่ (คำที่ ๓ กับ ๔) และสัมผัสสระ ๑ คู่ (คำที่ ๕ กับ ๗)

บางตำรา ก็ปรากฏเป็น   ซ้ำเสียงสระ คำที่ ๕ และ ๖ จุดอื่นเหมือนกันทุกประการ
บทนี้ เขียนร่วมกระทู้ ของมิตรในห้องกลอนค่ะ

นานา ชอบฟังเพลงบรรเลง พร้อมกับแต่งกลอนไปด้วย ทำให้มี สมาธิ และ จินตนาการค่ะ


กลบท มธุรสวาที..... ขลุ่ยบรรเลง เพลงเว้าวอน.....
ประกอบเพลง บรรเลงขลุ่ย....ใจรัก.....

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ขลุ่ยรำพันหวานหวนชวนวิโยค
อารมณ์โศกเศร้าซมตรมผวา
เพลงขลุ่ยครวญรวนร้าวราวอุรา
โหยร่ำหาหวนลมพรมรำเพย

ผ่านนภาฟ้ากว้างพร่างพรายเมฆ
แว่ววิเวกวังเวงเพลงเฉลย
ดวงฤดีที่รอพ้อคำเปรย
ขออ้างเอ่ยเอื้อนไว้ในขลุ่ยคราง

สิ้นสำเนียงเพียงสิ้นวิญญาล่วง
รวดร้าวดวงแดขวัญพลันเคว้งคว้าง
น้ำตาเอ่อเปรอหยาดราดรินปราง
สะท้านร่างเรียกร่ำพร่ำอาลัย

โปรดเถิดหนอขอรั้งฟังคำร้อย
ผ่านลมลอยล่องลิ่วพัดพริ้วไหว
ขลุ่ยพร่ำพ้อรอคู่อยู่ร่ำไป
วอนคนไกลกลับหวน...เฝ้าครวญคอย


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่