คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
ถ้าคุณลองได้ช่วยคนที่ต้องตายแน่ๆให้เป็นรอดสักคนดูแบบตั้งใจจริงไม่คิดเรื่องผลประโยชน์ดูครับ
และหลังจากออกจากร.พ.ไปแล้วเขาพาครอบครัว พ่อ แม่ลูกมาพบกับคุณที่OPD
ถ้าคุณเคยได้ความรู้สึกตอนรู้ว่าคนไข้รอดแน่ และได้เห็นเขากลับไปอยู่กับครอบครัวที่เขารัก
มันเป็นผลประโยชน์ทางจิตใจของคนที่เป็นหมอ ไม่เกี่ยวกับรายได้
แต่ขณะเดียวกันการบอกข่าวร้าย กับคนไข้หนัก หรือเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษา โดยเฉพาะคนไข้เด็กที่ไม่มีทางรักษา ที่ผมจำเป็นต้องบอกข่าวแบบนี้กับคนที่เป็นพ่อแม่ เป็นสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดในชีวิตแพทย์
อย่างไรก็ตามในฐานะข้าราชการและแทบไม่เคยทำคลีนิค หรือโรงพยาบาลเอกชนเลย รายได้ผมมีตามสิทธิทางราชการทั่วไป ไม่ได้ร่ำรวย แค่เลี้ยงครอบครัวได้
ให้ผมย้อนเวลาไปได้ ผมก็คงยังเลือกเป็นแพทย์ เลือกต่อเฉพาะทางเป็นประสาทศัลยแพทย์ และรับราชการในร.พ.รัฐอยู่ดีครับ
และหลังจากออกจากร.พ.ไปแล้วเขาพาครอบครัว พ่อ แม่ลูกมาพบกับคุณที่OPD
ถ้าคุณเคยได้ความรู้สึกตอนรู้ว่าคนไข้รอดแน่ และได้เห็นเขากลับไปอยู่กับครอบครัวที่เขารัก
มันเป็นผลประโยชน์ทางจิตใจของคนที่เป็นหมอ ไม่เกี่ยวกับรายได้
แต่ขณะเดียวกันการบอกข่าวร้าย กับคนไข้หนัก หรือเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษา โดยเฉพาะคนไข้เด็กที่ไม่มีทางรักษา ที่ผมจำเป็นต้องบอกข่าวแบบนี้กับคนที่เป็นพ่อแม่ เป็นสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดในชีวิตแพทย์
อย่างไรก็ตามในฐานะข้าราชการและแทบไม่เคยทำคลีนิค หรือโรงพยาบาลเอกชนเลย รายได้ผมมีตามสิทธิทางราชการทั่วไป ไม่ได้ร่ำรวย แค่เลี้ยงครอบครัวได้
ให้ผมย้อนเวลาไปได้ ผมก็คงยังเลือกเป็นแพทย์ เลือกต่อเฉพาะทางเป็นประสาทศัลยแพทย์ และรับราชการในร.พ.รัฐอยู่ดีครับ
แสดงความคิดเห็น
คุณว่า"ถ้าทุกอาชีพมีรายได้เท่ากัน มีคนอยากเป็นหมอมั้ยคะ?"
จากข่าวโกงข้อสอบจากการสอบเข้าคณะแพทย์ ในมหาวิทยาลัยเอกชน
สำหรับคนไข้ทั่วไปอย่างดิฉัน เห็นอาชีพนี้เป็นงานหนัก ต้องเสียสละทั้งเวลาส่วนตัวและทุนทรัพย์ในการศึกษาเล่าเรียน
แต่ปัจจุบันนี้กลายเป็นการลงทุนเพื่อผลประโยชน์ในภายหน้า (ขอความคิดเห็นแบบปัญญาชนนะคะ )