ดอกเบี้ยมุดลดดินกับทางเลือกใหม่ by มั่วหุ้น
เมื่อสัปดาห์ก่อนมีคนออกมาโวยวายว่า ME by TMB ลดดอกเบี้ยเป็นการเอาเปรียบลูกค้า ..... ผมเลยถือโอกาสเขียนบทความนี้ขึ้นมาเอง หากคนของ ME ผ่านมาเห็นอยากจ่ายค่าจ้างก็โอนมาได้เลยนะครับ 5555 (แซวเล่นๆแต่คาดว่าน่าจะมีอยู่แล้ว)
ถ้าดูกราฟดอกเบี้ย 5 ปีย้อนหลังมาเราจะเห็นได้ว่าดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีนั้นค่อนข้างจะทรงตัวจนถึงช่วงปลายปี 2014 และหลังจากนั้นก็ลดลงฮวบอย่างน่าใจหายซึ่งทำให้กลุ่มที่การันตีผลตอบแทนที่เป็น fixed rate ประสบปัญหาเยอะ อย่างเช่น ประกันชีวิต กองทุนตราสารเงินที่กำหนดผลตอบแทนขั้นต่ำ หรือ เงินฝากอย่าง ME เนื่องจากไม่สามารถหาผลตอบแทนที่เทียบเท่ากับการการันตีได้
กองทุนตราสารเงินหลายๆกองที่เคยใช้พักเงิน ตอนนี้ผลตอบแทนลงไปต่ำกว่า 1% แล้ว ซึ่งเมื่อก่อนอยู่ในระดับเทียบเคียงใกล้ๆ 2% นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่ของวงการตราสารหนี้ในไทยเหมือนกัน ซึ่งทำให้หลายๆที่ต้องลดดอกเบี้ยกันตาม ประกันชีวิตที่การันตีผลตอบแทนไว้ช่วง 2.5-3.0% ก็เริ่มเกิดอาการระส่ำเล็กน้อย เนื่องจากยังไม่ได้รับเบี้ยปีต่อ และเมื่อรับเบี้ยปีต่อมาก็ต้องหาที่ลงทุนให้ได้รับผลตอบแทนตามที่ได้การันตีกับลูกค้าไว้
ตอนนี้แม้ดอกเบี้ยจะเหมือนกับเด้งขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีการการันตีได้ว่าดอกเบี้ยจะเด้งขึ้นไปยืนในระดับ 2.0% ได้เลยในสายตาผม หากเศรษฐกิจไทยยังเป็นอยู่แบบนี้ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร คนที่คิดว่าจะฝากเงินก็ต้องคิดดีๆแล้วนะครับ ผลตอบแทนในระดับฝากเงิน 10 ปีกับพันธบัตรรัฐบาล อยู่ที่ 1.5-1.8% เท่านั้นในปัจจุบัน (ถ้าเทียบกับเอกชนน่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.2-4.8% เป็นดอกเบี้ยกับบริษัทที่เกรด BBB อ้างจาก Spread ใน ThaiBMA)
สิ่งเหล่านี้เลยไม่น่าแปลกใจที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ REIT หรือ Infra Fund จะมีราคาขึ้นสูงมากในช่วงต้นปี เนื่องจากเงินที่เข้ามานั้นต้องมีที่ไป ในแหล่งที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า และมีความเสี่ยงที่รับได้มากที่สุด ซึ่งหลักทรัพย์ที่กล่าวมาข้างต้นก็ให้ผลตอบแทนในระดับ 6-8% ในช่วงปลายปีที่ผ่านแต่กลับมาลดลงถึงระดับ 4-6.x% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยรวมแล้วกลุ่มนี้น่าจะปรับตัวแรงถึง 20% เลยโดยเฉลี่ย ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา โดยราคาที่ขึ้นนั้น ก็เปรียบเสมือนการลดลงของผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผล (dividend yield) โดยจริงๆมีบางหลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนต่ำกว่า 3% ด้วย ซึ่งก็ยังมีบางหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงอยู่เพียงแต่ถูกมองข้ามไป บางครั้งการเข้าไปลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทนี้ก็อาจจะปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความเสี่ยงนะครับ
เดี๋ยวบทความหน้าจะมาเขียนถึงพวกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ REIT และ Infra Fund กันว่ามันคืออะไร ความเสี่ยงเป็นแบบไหน และอะไรที่ต้องวิเคราะห์ โดยจะเขียนให้เข้าใจง่ายๆภาษาบ้านๆแบบมั่วหุ้น ไม่เอาวิชาการเยอะๆครับ ปวดหัวไม่เข้าใจแถมยุ่งยากอีก !!!!!!
https://www.facebook.com/guessingstock/
ME by TMB ลดดอกทำไม
เมื่อสัปดาห์ก่อนมีคนออกมาโวยวายว่า ME by TMB ลดดอกเบี้ยเป็นการเอาเปรียบลูกค้า ..... ผมเลยถือโอกาสเขียนบทความนี้ขึ้นมาเอง หากคนของ ME ผ่านมาเห็นอยากจ่ายค่าจ้างก็โอนมาได้เลยนะครับ 5555 (แซวเล่นๆแต่คาดว่าน่าจะมีอยู่แล้ว)
ถ้าดูกราฟดอกเบี้ย 5 ปีย้อนหลังมาเราจะเห็นได้ว่าดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีนั้นค่อนข้างจะทรงตัวจนถึงช่วงปลายปี 2014 และหลังจากนั้นก็ลดลงฮวบอย่างน่าใจหายซึ่งทำให้กลุ่มที่การันตีผลตอบแทนที่เป็น fixed rate ประสบปัญหาเยอะ อย่างเช่น ประกันชีวิต กองทุนตราสารเงินที่กำหนดผลตอบแทนขั้นต่ำ หรือ เงินฝากอย่าง ME เนื่องจากไม่สามารถหาผลตอบแทนที่เทียบเท่ากับการการันตีได้
กองทุนตราสารเงินหลายๆกองที่เคยใช้พักเงิน ตอนนี้ผลตอบแทนลงไปต่ำกว่า 1% แล้ว ซึ่งเมื่อก่อนอยู่ในระดับเทียบเคียงใกล้ๆ 2% นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่ของวงการตราสารหนี้ในไทยเหมือนกัน ซึ่งทำให้หลายๆที่ต้องลดดอกเบี้ยกันตาม ประกันชีวิตที่การันตีผลตอบแทนไว้ช่วง 2.5-3.0% ก็เริ่มเกิดอาการระส่ำเล็กน้อย เนื่องจากยังไม่ได้รับเบี้ยปีต่อ และเมื่อรับเบี้ยปีต่อมาก็ต้องหาที่ลงทุนให้ได้รับผลตอบแทนตามที่ได้การันตีกับลูกค้าไว้
ตอนนี้แม้ดอกเบี้ยจะเหมือนกับเด้งขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีการการันตีได้ว่าดอกเบี้ยจะเด้งขึ้นไปยืนในระดับ 2.0% ได้เลยในสายตาผม หากเศรษฐกิจไทยยังเป็นอยู่แบบนี้ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร คนที่คิดว่าจะฝากเงินก็ต้องคิดดีๆแล้วนะครับ ผลตอบแทนในระดับฝากเงิน 10 ปีกับพันธบัตรรัฐบาล อยู่ที่ 1.5-1.8% เท่านั้นในปัจจุบัน (ถ้าเทียบกับเอกชนน่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.2-4.8% เป็นดอกเบี้ยกับบริษัทที่เกรด BBB อ้างจาก Spread ใน ThaiBMA)
สิ่งเหล่านี้เลยไม่น่าแปลกใจที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ REIT หรือ Infra Fund จะมีราคาขึ้นสูงมากในช่วงต้นปี เนื่องจากเงินที่เข้ามานั้นต้องมีที่ไป ในแหล่งที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า และมีความเสี่ยงที่รับได้มากที่สุด ซึ่งหลักทรัพย์ที่กล่าวมาข้างต้นก็ให้ผลตอบแทนในระดับ 6-8% ในช่วงปลายปีที่ผ่านแต่กลับมาลดลงถึงระดับ 4-6.x% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยรวมแล้วกลุ่มนี้น่าจะปรับตัวแรงถึง 20% เลยโดยเฉลี่ย ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา โดยราคาที่ขึ้นนั้น ก็เปรียบเสมือนการลดลงของผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผล (dividend yield) โดยจริงๆมีบางหลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนต่ำกว่า 3% ด้วย ซึ่งก็ยังมีบางหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงอยู่เพียงแต่ถูกมองข้ามไป บางครั้งการเข้าไปลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทนี้ก็อาจจะปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความเสี่ยงนะครับ
เดี๋ยวบทความหน้าจะมาเขียนถึงพวกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ REIT และ Infra Fund กันว่ามันคืออะไร ความเสี่ยงเป็นแบบไหน และอะไรที่ต้องวิเคราะห์ โดยจะเขียนให้เข้าใจง่ายๆภาษาบ้านๆแบบมั่วหุ้น ไม่เอาวิชาการเยอะๆครับ ปวดหัวไม่เข้าใจแถมยุ่งยากอีก !!!!!!
https://www.facebook.com/guessingstock/