[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.mindfulnews.net/2016/05/blog-post_22.html
ถ้ามุสลิมมีอำนาจในที่ใด เขาจะใช้อำนาจลิดรอนสิทธิทางศาสนาของผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมในที่นั้นทันที ด้วยข้ออ้างที่ว่า ถ้าเขาทำไม่ได้คนอื่นก็ไม่ควรทำเช่นเดียวกัน
เช่นที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส สมัยหนึ่งนายอำเภอเป็นมุสลิม เมื่อท่านย้ายมาท่านก็ไล่พระพุทธรูปและโต๊ะหมู่บูชาออกจากห้องนายอำเภอ
เราคงจำกันได้ว่า เมื่อครั้งที่มุสลิมคนหนึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านก็ไล่พระพุทธรูปเก่าแก่ออกจากห้องทำงานรัฐมนตรี
พระพุทธรูปองค์นั้นประดิษฐานมาตั้งแต่สมัยสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย
พระพุทธรูปและโต๊ะหมู่บูชาประจำสถานที่ราชการไทยไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของนายอำเภอคนใดๆ หรือของรัฐมนตรีท่านไหนๆ
หรือของหัวหน้าส่วนราชการคนไหนทั้งสิ้น แต่เป็นสมบัติส่วนรวมของคนไทย สมบัติของสังคมไทย ตามวัฒนธรรมของไทย
เมื่อสมัยที่ผู้บัญชาการทหารบกท่านหนึ่งเป็นมุสลิม เมื่อไปเยี่ยมหน่วยทหาร การรวมพลฟังโอวาทที่ศาลาหอพระ ต้องเอาผ้าม่านมาขึงบังพระพุทธรูปไว้
เพราะถ้าเห็นพระพุทธรูปอยู่ตรงนั้นมันขัดต่อหลักศาสนาของท่าน
พิธีพระราชทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ไม่ตั้งโต๊ะหมู่บูชา
ไม่มีพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถาตามแบบธรรมเนียมของพิธีพระราชทานปริญญาบัตรทั่วไป
ด้วยข้ออ้างว่ามีมุสลิมเข้ารับพระราชทานและร่วมอยู่ในพิธีด้วย โต๊ะหมู่บูชาและพระสงฆ์สวดมนต์ขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม
จะเห็นได้ว่า อำนาจนี่แหละคือมาตรการที่ศักดิ์สิทธิ์ในการรุกไล่ศาสนาอื่นและสถาปนาศาสนาของตนขึ้นแทน
เวลานี้มีการดำเนินการหลายอย่างโดยพี่น้องมุสลิมเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในทางการเมืองซึ่งเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
เมื่อใดที่รัฐสภาของไทยมีสมาชิกที่เป็นมุสลิมมากขึ้น ถึงตอนนั้นประเทศไทยจะต้องมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นมุสลิม
อะไรจะเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาในประเทศไทย-เชิญจินตนาการกันได้ตามสบาย
ถึงตอนนั้นเมืองไทยจะมีกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้ศาสนาอิสลาม แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่ลิดรอนสิทธิประโยชน์ของชาวพุทธออกมาอย่างชัดเจน
ร่างกฏหมายอิสลาม ที่กำลังมุดดินเข้าสภาเขาทำแบบนั้นเพื่ออะไร?
ถ้ามุสลิมมีอำนาจในที่ใด เขาจะใช้อำนาจลิดรอนสิทธิทางศาสนาของผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมในที่นั้นทันที ด้วยข้ออ้างที่ว่า ถ้าเขาทำไม่ได้คนอื่นก็ไม่ควรทำเช่นเดียวกัน
เช่นที่อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส สมัยหนึ่งนายอำเภอเป็นมุสลิม เมื่อท่านย้ายมาท่านก็ไล่พระพุทธรูปและโต๊ะหมู่บูชาออกจากห้องนายอำเภอ
เราคงจำกันได้ว่า เมื่อครั้งที่มุสลิมคนหนึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านก็ไล่พระพุทธรูปเก่าแก่ออกจากห้องทำงานรัฐมนตรี
พระพุทธรูปองค์นั้นประดิษฐานมาตั้งแต่สมัยสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย
พระพุทธรูปและโต๊ะหมู่บูชาประจำสถานที่ราชการไทยไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของนายอำเภอคนใดๆ หรือของรัฐมนตรีท่านไหนๆ
หรือของหัวหน้าส่วนราชการคนไหนทั้งสิ้น แต่เป็นสมบัติส่วนรวมของคนไทย สมบัติของสังคมไทย ตามวัฒนธรรมของไทย
เมื่อสมัยที่ผู้บัญชาการทหารบกท่านหนึ่งเป็นมุสลิม เมื่อไปเยี่ยมหน่วยทหาร การรวมพลฟังโอวาทที่ศาลาหอพระ ต้องเอาผ้าม่านมาขึงบังพระพุทธรูปไว้
เพราะถ้าเห็นพระพุทธรูปอยู่ตรงนั้นมันขัดต่อหลักศาสนาของท่าน
พิธีพระราชทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ไม่ตั้งโต๊ะหมู่บูชา
ไม่มีพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถาตามแบบธรรมเนียมของพิธีพระราชทานปริญญาบัตรทั่วไป
ด้วยข้ออ้างว่ามีมุสลิมเข้ารับพระราชทานและร่วมอยู่ในพิธีด้วย โต๊ะหมู่บูชาและพระสงฆ์สวดมนต์ขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม
จะเห็นได้ว่า อำนาจนี่แหละคือมาตรการที่ศักดิ์สิทธิ์ในการรุกไล่ศาสนาอื่นและสถาปนาศาสนาของตนขึ้นแทน
เวลานี้มีการดำเนินการหลายอย่างโดยพี่น้องมุสลิมเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในทางการเมืองซึ่งเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
เมื่อใดที่รัฐสภาของไทยมีสมาชิกที่เป็นมุสลิมมากขึ้น ถึงตอนนั้นประเทศไทยจะต้องมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นมุสลิม
อะไรจะเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาในประเทศไทย-เชิญจินตนาการกันได้ตามสบาย
ถึงตอนนั้นเมืองไทยจะมีกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้ศาสนาอิสลาม แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่ลิดรอนสิทธิประโยชน์ของชาวพุทธออกมาอย่างชัดเจน