22 วันกับการเดินทางในอินเดียจาก เดลี-เลห์-ซันสการ์-อักรา

ติดตามเรื่องราวตอนที่แล้วได้จาก

ตอน1: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-I ตอนดีเลย์เดลี http://ppantip.com/topic/35118550
ตอน2: 22 วันตกหลุมรัก Ladahk & Kashmir-II ตอนกฏแห่งแรงดึงดูดที่ปันกอง http://ppantip.com/topic/35123718

Royal Enfield 500cc, Hunder@Nubra Valley

ใกล้แระ..ใกล้ถึงจุดพีค ยิ่งเขียนยิ่งมันส์เพราะความทรงจำเริ่มพรั่งพรู   เลยไม่หลับไม่นอน กลับมาปั่นยิ่งมันส์เมื่อเจอแรงดึงดูดที่พาน้องอีก 2 คนมาร่วมทริป 1 อาทิตย์และเป็นช่วงที่สนุกไม่น้อยเลย..โดยเฉพาะเรื่องกิน 555

ปิงปองและโด่งขับ Royal Enfield 500cc  ไปปันกอง เย็นนั้นเราเลยแวะไปร้านเช่ามอเตอไซค์ เพื่อที่จะเช่าขับไปนูบรา โดยผ่าน Khardungla Pass จุด ไฮเวย์ที่สูงที่สุดในโลก 5 พันกว่าเมตร

หัวใจเริ่มเต้นแรง ทั้งอยากขี่เพราะฝันที่จะได้ขี่ผ่าน pass นี้ ผสมปนเปกับความกลัวขับตกเขา..ไ่ม่รู้อันไหนมากกว่ากัน...

กฏการขี่ Royal Enfield
ข้อที่ 1 ขาต้องยาว

"ขาไม่ถึงอ่ะ.. "  เราต้องใช้วิธีเขย่งเพื่อยันมอไซค์ให้ทรงตัวตอนจอดนิ่ง ขณะลองยกจับรถที่ร้านเช่า

"มันอันตรายเกินไปครับ คุณควรมาฝึกขับแถว Shey สักวันสองวันก่อน .. มันไม่ปลอดภัยที่คุณจะขับขึ้น Khardungla เลย  มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยกับมอเตอร์ไซค์  เสียใจด้วยครับ"

เป็นการปฏิเสธที่จะให้เช่าอย่างสุภาพ เพราะดูทรงแล้วอาจไม่คุ้มกับอันตรายที่จะเกิดภายหลัง..ก็ดันเกิดมาขาสั้น..

ข้อที่ 2 ใจต้องนิ่ง

ถ้าเป็นการขี่ทางราบธรรมดา สติในการขับขี่ต้องมีเป็นปกติ แต่นี่เป็นทางลัดเลาะโค้งขึ้น-ลงตามเขา แถมเป็นถนนลูกรังแคบๆ บางช่วงถนนโดนน้ำเซาะต้องใช้ การทรงตัวอย่างมาก   บางจุดที่ผ่านเราเห็นเสาธงปักไว้ เป็นที่เตือนใจในจุดที่นักท่องเที่ยวขับตกเขาและเสียชีวิต   ต้องการมากกว่าสติ ควรมีทั้งสมาธิ และปัญญา..

ข้อ 3 ฝึกใช้เกียร์แบบคลัช

ไม่ใช่เกียร์แบบอัตโนมัติ ที่บิดกุญแจสตาร์ทไปได้เลย  บีบคลัชตบเกียร์หน้าให้สุดแล้วตบหลังครึ่งนึงเป็นเกียร์ว่าง หัดไปอย่างงี้ใช้ชิน

ข้อ 4 (เพิ่มเติม) ใบขับขี่สากล

ตามกฎต้องมีใบขับขี่สากลระบุขี่มอเตอร์ไซค์  แต่เราทำไม่ทันมีแต่ใบขับขี่สากลรถยนต์ธรรมดา ดีที่ทางร้านอลุ้มอล่วยให้

ข้อ 5 อุปกรณ์เสริมเพื่อความปลอดภัย

หมวกกันน้อคทางร้านมีให้เลือกแล้ว แต่ถ้ามีอุปกรณ์อื่นเช่น ถุงมือ เสื้อหนังกันล้ม แว่นตาก็จะดี  กลับมาบ้าน ณ ปัจจุบันผ่านไปครึ่งปีมือยังดำไม่หายเพราะขับมอไซค์ป๊อบรอบเลห์     ควรใส่เสื้อกันหนาวไปด้วยค่ะ ขับขึ้นไปอากาศจะเย็นกว่าข้างล่าง

ปล. อีกที เราพบฝรั่งนักท่องเที่ยวใส่เฝือกยันไม้เท้าเพราะอุบัติเหตุจากการขับมอไซค์ทางราบในเลห์..

สรุปทั้งหมดทั้งมวลนี้คนที่ขี่มอไซค์  Royal Enfield ข้าม Khardungla Pass ไปนูบราเป็นประวัติจารึกครั้งหนึ่งในชีวิตมี 2 คนคือพี่ต๋อง (500cc) กับน้องปิงปอง (350cc) ค่าเช่าที่ 1000 และ 800 รูปี (พวกเรานั่งรถเก๋งตามค่ะ ไม่ได้ขับเอง 555)

คืนแรกที่ Leh - Dewa Guesthouse
คืนนี้เป็นคืนที่เรานอนในเกสต์เฮาส์ที่จองจาก Agoda ราคาประมาณ 600 บาทต่อห้องพร้อมอาหารแต่วิวประเมินค่าไม่ได้ค่ะ อาจจะไม่สะดวกเพราะไกลจากตัวตลาดเลห์ไปหน่อย  คุณป้าใจดี น่ารัก มีไวไฟที่ไม่ค่อยไว

วิวจากที่พัก

เส้นทางสู่ Kardungla Pass

..ตื่นเต้นๆ เช้าวันนี้เราเอ๊ย ต๋องสิลองเอามอเตอร์ไซค์ของปิงปองมาหัดขี่ก่อนไปเช่าจริงตามคลิปท้ายรีวิวค่ะ

จากนั้นทั้งสองคนไปรับรถที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์..ขอฝากร้านด้วยนะคะ (เหมือนขายของออนไลน์ 555)

คือ Marzoo เป็นคนเดลีที่ไปทำมาหากินที่เลห์ ซึ่งเลห์จะเปิดหน้าท่องเที่ยวเมษาถึงตุลา นอกจากให้เช่ามอเตอร์ไซค์แล้ว เค้ายังจองตั๋วเครื่องบิน จัดทัวร์ รถเช่า ตอนเราไป Kargil และมีปัญหาเรื่องแทกซี่ก็เช่ารถจากเค้า  ปรึกษาปัญหาหัวใจ..เอ๊ยไม่ใช่มีเมียแล้ว  เค้าไว้ใจได้ดีที่เดียว  สมควรแนะนำและบอกต่อ "Virgo Adventure Holidays" ตามนั้นเลยค่ะ



เราเริ่มออกจากเลห์ 9 โมงเช้าโดยทีมอเตอร์ไซค์ 2 คันสลับนำหน้าบ้าง ส่วนเราสามคน นั่งบนรถของลุงรอเป็นระยะและคอยถ่ายวีดีโอและให้กำลังใจ

อันนี้ไม่เกี่ยวกับรีวิว แต่เป็นหนุ่มน้อยเยอรมันอายุ 17 ออกแบคแพคเอเชียคนเดียวมาเกือบปี เราเจอตอนเติมน้ำมัน หน้าตาน่ารักคล้ายๆแบรดพิทเด็กๆ






ซึ่งระหว่างทางก็มีป้ายหลุมศพหลายจุดที่นักท่องเที่ยวเกิดอุบัติเหตุตกเขาตาย และตายมาหลายราย

ป้ายเตื่อนพร้อมให้กำลังใจ
ณ ที่จุด Khardungla Pass เป็นจุดให้นักท่องเที่ยวแวะพักถ่ายรูป มีร้านอาหารที่เราสั่งมามาอินเดียเป็นอาหารเที่ยง และเป็นมีจุดผูกธงมนตรา



ต๋องเล่าว่า  "ระหว่างทางเกือบจะล้มหลายครั้งแต่ก็ประคองอยู่ รถหนักมากดีที่ผมสูงขายาวพอค้ำไว้ได้ และกำหนดให้น้ำหนักไม่ลงที่ขาขวาที่หัวเข่าเจ็บอักเสบ ภายใต้ทางที่ขุรขระไต่หน้าผาสูงชัน ข้างๆเหวทั้งนั้น กับสภาพทางที่ทุรกันดาร ขี่ผ่านน้ำ ธารน้ำ ผมปล่อยใจให้ว่างไม่คิด ไม่วิตก ทั้งๆในใจก็มีความกลัว แต่เมื่อนิ่งสงบก็ไม่คิดอะไรมาก เมื่อไปถึง Nubra ระบมไปทั้งตัว เจ็บกล้ามเนื้อแทบทุกส่วน หลับเป็นตาย"
















เราไปถึงร่วม 16.00 น. แวะหาที่นอนที่ Diskit ใกล้ Gompa แล้วขี่รถไปเที่ยวต่อที่ Hunder ที่มีทะเลทราย

ระหว่างที่เข้าสู่ Nubra เพื่อหาที่พัก เราเห็นบางป้ายเขียนว่า Nobra ทำเอาหนุ่มๆตาแตก..

"ไม่เห็นมีอูฐเลย" ผิดความคาดหวังที่เรามานูบราตามรูปถ่ายที่จะได้รูปอูฐเดินบนสันทรายท่ามกลางแสงยามเย็น

"เค้าคงเก็บไปแล้วมั้ง.." เราเดาเอาว่าคงเอามาให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปเป็นเวลา เพราะที่ Hunder เห็นมีนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นบ้าง

"ทำไมมันแห้งแล้งอย่างงี้.." เสียงฮึมจากน้องอีกคน

"อ้าว ก็นี่มัน Sand dune นิ  ถ้าเป็นช่วงดอกไม้บานคงอีกฤดู"











เช้ารุ่งขึ้นเราถ่ายรูป Diskit Gompa แบบระยะไกล





ขากล้บเราก็ยังสนุกกับการแวะถ่ายรูป


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสุดท้ายเราก็มาและขับกลับได้อย่างปลอดภัย ถือเป็นอันดับแรกของการเดินทาง ไม่ว่าจะผจญภัยแค่ไหน ขอให้สมาชิกทุกคนได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย  แม้เราเสียดายว่าจะไม่ได้ขี่มอไซค์ แต่คิดว่าสักครั้งหนึ่งคงได้ไปขี่มอไซค์ป๊อบหรือจักรยานขึ้น Khardung pass แทน

"การเพิกเฉยไม่สนใจเรื่องร้ายๆเป็นวิธีสุดยอด ยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่คุณยิ่งมั่นใจในแนวทางการแก้ไขปัญหามากเท่านั้น ความสำเร็จไม่เกิดขึ้นมาง่ายๆถ้าคุณไม่รู้จักวางเฉย  (อุเบกขา)" - Tong
คลิปในตอนนี้
https://youtu.be/15_sfA9UydY

ติดตามเพจของเราได้ที่
https://www.facebook.com/Travel-Freedom-553376888142638/
https://travelfreedomthai.com/