ผมกำลังนอกใจและนอกกายแฟน และคนที่ผมนอกใจไปหาก็มีแฟนแล้วด้วยเหมือนกัน

ผมคบกับแฟนมา 4 ปีแล้วครับ เป็นคู่ชาย-ชาย ตอนนี้แฟนผมอายุ 41 ตัวผมเองอายุ 24 เราเจอกันได้เพราะผมเล่นดนตรี และแฟนก็เป็นคนที่มาดูคอนเสิร์ต เราเริ่มคบกันจากตอนนั้นเค้าทักมาในข้อความเฟสบุ้คผม แล้วก็เล่าให้ฟังว่าเค้าไปดูคอนเสิร์ตและก็เคยเห็นผม หลังจากนั้นก็เริ่มจีบกันและก็ตกลงเป็นแฟนกัน

แฟนของผมเป็นคนที่ดีพร้อมสมบูรณ์ทุกอย่าง ทางบ้านเค้าก็ทำธุรกิจมีฐานะดี เป็นคนฝักใฝ่เรียนรู้ธรรมะ ไม่มีเรื่องอะไรให้ผมต้องกังวลใจเลยแม้แต่นิดเดียว ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตผมทุกอย่าง พาไปทำบุญ ฟังเทศน์ฟังธรรมตามโอกาสเอื้ออำนวย ถ้าเค้าสะดวกจะมารับไปส่งทุกครั้งที่ผมจะไปไหนมาไหน สามารถฝากชีวิตไว้กับคนๆนี้ได้อย่างสนิทใจ จนแม่บอกตลอดว่าดูแลดีกว่าคู่ชาย-หญิงปกติทั่วไปซ่ะอีก

ในช่วงที่เราคบกันเราผ่านเรื่องทุกข์เรื่องสุขมาด้วยกันหลายเรื่อง ซึ่งทุกครั้งผมจะเป็นคนที่ทำให้เค้าทุกข์ใจ แต่เค้าก็ยังอยู่กับผมตลอดมา ไม่เคยเอาใจออกห่างไปไหน แต่มีสิ่งนึงที่ตัวผมเองค่อนข้างที่จะอึดอัดใจคือตัวผมเองจริงๆแล้วพื้นฐานก็เหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆทั่วไปที่ยังอยากสนุก อยากสังสรรค์เฮฮา ยังอยากใช้ชีวิตวัยรุ่นบ้าง แต่ด้วยความเกรงใจแฟน ทำให้ผมต้องพยายามที่จะเป็นคนที่เค้าอยากให้ผมเป็น เช่น ผมทำงานเป็นนักดนตรี ครูสอนดนตรี ฟรีแลนซ์ จะตื่นกับนอนไม่ค่อยเป็นเวลา แต่แฟนจะค่อยเช็คว่าต้องตื่น 9 โมงเช้า นอน 5 ทุ่ม ไปไหนต้องรายงาน มีงานอะไรที่ไหนต้องทำตารางส่งให้เค้ารู้ ต้องรักษาศีล 5 ห้ามเที่ยวดึก ทั้งหมดนี้ถ้าขาดตกบกพร่องพร้อมจะเป็นประเด็นดราม่าได้ทุกเมื่อ หรือแม้แต่ลืมของ ลืมทำอะไร หรือลืมสิ่งที่แม้แต่เป็นธุระของผมเอง ก็เป็นดราม่าได้เหมือนกัน ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ระดับความดราม่าก็จะเป็นเรื่องใหญ่เท่ากันหมด จนทำให้ผมบางทีกลัวไปหมดว่าทำอะไรแล้วจะไปผิดใจเค้าตอนไหน ไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรเอง เพราะกลัวผิด กลัวดราม่า ไม่เป็นตัวของตัวเอง จนประเด็กเล็กๆน้อยๆมันค่อยๆสะสมในใจมาเรื่อยๆทำให้เรารู้สึกว่าตัวเราเองเข้ากับเค้าไม่ได้หลายเรื่อง ซึ่งผมไม่โทษเค้า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผมก็เป็นคนคนนึงที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ มีความรักสนุก รักความตื่นเต้น อยากทำอะไรไร้สาระบ้าง อยากมีชีวิตที่ไม่ตึงเกินไป มีส่วนที่นิสัยดี มีส่วนที่นิสัยไม่ดี ปนๆกันอยู่ในตัว แต่ตัวผมเองพื้นฐานเป็นคนไม่ได้เกเรมาก เกรดสวยมาตั้งแต่ประถมจนเรียนจบป.ตรี ได้ทุนเรียนตั้งแต่ม.ปลายจนมหาลัย เรียนจบเกียรตินิยมอันดับ 1 เกรด 3.87 คือเป็นคนมีความรับผิดชอบพอสมควร ถ้าตั้งใจทำอะไรก็จะตั้งใจทำให้ดี คือก็ไม่ถึงขั้นเป็นคนเละเทะ ไม่เอาถ่าน มีกรอบของตัวเองอยู่ในระดับนึง

ก่อนจะเล่าเหตุการณ์เรื่องมือที่สามที่เกิดขึ้นขอเกริ่นสภาพครอบครัวของผมก่อน บ้านผมเป็นบ้านที่ฐานะปานกลางค่อนไปทางยากจน โอกาสก็แล้วแต่ลูกๆจะขวนขวายได้เอง ปกติผมกับแม่จะไม่ได้คุยกับพ่อเพราะทั้งบ้านเคยมีแผลในใจจากพ่อตั้งแต่ผมยังเด็กๆ ทำให้ไม่สนิทกัน ไม่คุยกัน แต่ยังอยู่บ้านเดี๋ยวกัน  แต่ตัวผมเองจะสนิทกับแม่มาก คุยกันได้ทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องคนไหนมาจีบ คนไหนมาชอบ ไปทำอะไรที่ไหน จะคุยกับแม่ตลอด แม่จะรับรู้ทุกเรื่อง แต่แม่จะมีความห่วง และหวงลูกมากกว่าแม่ลูกคู่อื่นๆ อาจจะเพราะตัวผมเองเป็นลูกคนสุดท้องด้วยเลยทำให้แม่หวงมาเป็นพิเศษ แม่จะไม่ได้เห็นผมใช้ชีวิตอย่างที่วัยรุ่นวัยทำงานหลายๆคนทำเช่น ออกไปสังสรรค์ ไปดื่ม ไปทำอะไรไร้สาระบ้าง(อย่างมีขีดจำกัด) ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะเราไม่อยากไป ในใจจริงๆแล้วก็อยากไป อาจจะไม่ต้องบ่อย อาจจะบางครั้ง นานๆที แต่ก็เพราะเกรงใจแม่ กับแฟน ก็เลยได้แต่คิดว่าไม่เป็นไร ไม่ไปก็ไม่ไป แถมแฟนเป็นคนเคร่งเรื่องศีลธรรมมากด้วย เลยไม่ได้คิดแม้แต่จะเอ่ยปาก

จนกระทั่งเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาผมได้รู้จักกับคนๆนึงที่ยิม เค้าคนนี้อายุ 28 ไม่ห่างจากผมมาก เป็นคนทำงานประจำปกติ ผมก็เริ่มทำความรู้จักกับคนๆนี้จนกระทั่งความสัมพันธ์เริ่มที่จะเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อน ผมก็มีใจให้เค้า และเค้าเองก็ยอมรับว่าเค้าก็มีใจให้ผมเหมือนกัน ตลอดเวลาที่ผมอยู่กับเค้า ผมรู้สึกได้เป็นตัวของตัวเอง มีอะไรที่คุยแล้วเข้ากันได้ดี เหมือนเป็นจิ๊กซอว์ตัวที่หายไปแล้วมาต่อลงล๊อคพอดี แต่เค้าเองก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน และเมื่อเดือนที่แล้วช่วงสงกรานต์ คนที่ผมได้รู้จักใหม่นี้ก็ชวนผมไปนั่งดื่มกัน ผมก็ขอแม่ว่าจะไปออกไปนั่งดื่มกับเพื่อน แน่นอนว่าแม่ไม่ให้ซึ่งครั้งนั้นผมก็ไม่ได้ไป แต่สถานการณ์ระหว่างผมกับแม่ก็เริ่มตึงๆ แม่ของผมก็เดินทางกลับต่างจังหวัด ผมก็อยู่กับพ่อสองคน ผมเองไม่ได้โทรติดต่อแม่เลยช่วงสงกรานต์ที่แม่อยู่ต่างจังหวัด และในช่วงเวลาเดียวนี้ด้วยครับที่ผมเริ่มแอบ(คนที่บ้าน และไม่บอกแฟน)ออกจากบ้านไปเที่ยวกลางคืนกับคนนี้ เที่ยวเสร็จผมก็ไปค้างบ้านเค้า และก็มีอะไรกันด้วย กลับบ้านอีกทีก็ตอนเช้า ซึ่งตอนกลับบ้านพ่อผมก็จะเห็นแต่ไม่ได้ถามว่าเราไปไหน จนเวลาผ่านไปถึงเวลาที่แม่กลับมาจากต่างจังหวัด แม่ก็มาถามว่าช่วงสงกรานต์ไปไหนมา กลับบ้านเช้า เพราะพ่อโทรไปบอกแม่ ผมก็เล่าให้แม่ฟังว่าได้ไปเจอคนที่ยิม และเล่าว่าไปเที่ยวกันมา แม่ก็ไม่ได้ชอบใจนักเท่าไหร่ จนสุดสัปดาห์นั้นเค้าก็ชวนผมไปเที่ยวอีก รอบนี้ผมก็บอกแม่อีกว่าจะไปข้างนอก แล้วก็พยายามพูดกับแม่ว่าผมโตแล้ว น่าจะปล่อยๆบ้าง อายุก็ 24 เรียนจบ ทำงานหาเงินใช้เอง ไม่ได้เดือดร้อนอะไรที่บ้านแล้ว มีการต่อต้านบ้าง แต่คืนนั้นก็จบด้วยการที่ไม่ได้ไปเที่ยว แต่สถานการณ์ระหว่างผมกับแม่ก็ยิ่งแย่ลงไปอีก

วันต่อมาผมไปทำงาน และพอทำงานเสร็จแฟนก็ขับรถมาส่งที่บ้าน เสร็จแล้วแฟนเห็นว่าแม่กลับมาจากต่างจังหวัดแล้ว ก็เลยเข้าบ้านไปสวัสดีทักทายนั่งคุยเล็กน้อย แม่ผมก็เปิดประเด็นเรื่องที่ผมไปเจอคนที่ยิม และเรื่องแอบหนีออกไปเที่ยวกลางคืนเล่าให้แฟนผมฟัง ซึ่งแฟนผมก็บอกว่าเค้าไม่ติดใจอะไรเค้ายังพร้อมให้โอกาสถึงแม้ว่าผมจะทำให้เค้าเสียใจ แต่ความไว้ใจที่เคยมีให้กันหายไปแน่นอน หลังจากนั้นแฟนกับผมก็แยกจากแม่มาคุยกันสองคน และผมเองก็ตัดสินใจบอกเค้าไปว่าผมขอห่างจากเค้าสัก 1 เดือนเพื่อทบทวนตัวเอง ผมกำลังสับสนในความรู้สึกของตัวเอง แฟนผมเค้าก็เสียใจที่ผมตัดสินใจไปแบบนั้นแต่ก็เคารพการตัดสินใจของผม และเค้าก็พร้อมจะยอมรับคำตอบในอีก 1 เดือน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

กับคนที่ใหม่ที่ผมได้รู้จักเค้าเองก็รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับชีวิตของผมในช่วงนี้ทั้งหมด และผมก็ตัดสินใจบอกเค้าไปว่าผมจะขอออกมาจากชีวิตเค้าจนกว่าผมจะทำใจได้ แล้วถึงเวลานั้นอาจจะกลับมาเป็นเพื่อนกันดีกว่า ผมยอมรับครับว่าผมเผลอใจรักคนๆนี้ไปแล้ว แต่มันก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ผมเองก็ไม่มั่นใจว่านี้เป็นสิ่งที่แท้จริง หรือมันแค่เหมือนเป็นแค่โปรโมชั่น ผมเคยบอกกับเค้าว่านับไป 6 เดือนหลังจากวันที่เราคุยกันวันแรก วันนั้นเราอาจจะเป็นอะไรกันไม่รู้ เราอาจจะไม่ได้รู้จักกันแล้วก็ได้ แต่ขอให้วันที่นับจากวันที่เรารู้จักกันวันแรกจนครบ 6 เดือนเป็นวันที่เราจะมาบอกความรู้สึกกันว่าเรารู้สึกยังไงกันแน่ในช่วงเวลาที่เราได้รู้จักกัน โดยผมใช้เกณฑ์ 6 เดือนเพื่อจะสามารถตัดสินได้ว่าความรู้สึกที่เรารู้สึกว่าทำไมเรารักคนๆนี้ได้มากขนาดนี้มันอาจจะเป็นแค่โปรโมชั่น อาจจะแค่เราตาบอดไปชั่วขณะ อาจจะเป็นความหลงจนที่ทำให้เราลืมคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรมที่สังคมสอนเรามาตลอด อาจจะทำให้เราลืมไปว่าเค้าก็มีแฟนของเค้าที่ถ้าแฟนเค้ารู้ก็จะต้องเสียใจมากๆไม่ต่างจากที่แฟนของผมเองเป็นอยู่ตอนนี้

เวลานี้ผมบอกตรงๆว่าตัวผมเองรู้สึกแย่จากการกระทำของตัวเองมาก ผมทำเหมือนผมเองเอาความรู้สึกตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วมองข้ามความดีที่แฟนดีๆทำมาให้ผมเสมอต้นเสมอปลายตลอด 4 ปี แต่ผมเองก็ไม่อยากทำร้ายเค้าอีกแล้ว ผมรู้ว่าถ้าผมกลับไป นี้อาจจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ผมจะทำร้ายความรู้สึกเค้าอีก และผมก็ไม่อยากเสียความเป็นตัวเองไปมากกว่านี้ ผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอายุเราต่างกันเกินไปจนบางครั้งไลฟ์สไตล์มันจูนเข้าหากันไม่ได้จริงๆ หรือเป็นเพราะตัวผมเองที่รักเค้าน้อยลง จนบางครั้งเราเกิดความเบื่อ พอได้เจอกับสิ่งใหม่ๆ เราก็เลยหลงระเริงไปกับมัน

ผมเองก็อยากจะซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองด้วย ภายใน 1 เดือนนี้ผมคงจะใช้เวลาในการเช็คความรู้สึกตัวเองว่าผมต้องการอะไร แต่ผมก็รู้อยู่แก่ใจว่าการที่ตัวผมเองเปิดช่องให้มือที่สามเข้ามาในชีวิตมันก็แสดงให้เห็นอยู่แล้วว่าความรู้สึกผมเองนั้นก็เปลี่ยนไป ผมเองก็ใจหายกับการที่จะต้องเสียแฟนที่ดีไปเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเค้าจะให้โอกาสผมแต่ถ้าผมรักเค้าน้อยลง ไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิมแล้วผมก็ไม่ควรจะให้เค้ามาทุกข์ทรมานกับผมถูกมั้ยครับ ในเมื่อผมไม่สามารถรักษารักดีๆได้ ผมก็ควรปล่อยเค้าไปถูกมั้ยครับ เพื่อความเป็นตัวของตัวผมเอง เพื่อแฟนผมเค้าจะได้ไม่ต้องมาทุกข์กับตัวผมถูกมั้ยครับ

ผมยอมรับทุกความคิดเห็นครับ เพราะผมพิมพ์ไปอ่านไปยังรู้สึกว่าทำไมตัวผมถึงได้เลวขนาดนี้ ใช้ความรู้สึกเหนือเหตุผลได้ขนาดนี้ แต่..ครับ..ผมพยายามจะรับความจริงครับ ผมรู้สึกแบบนี้ และนี้เป็นโอกาสที่ผมจะได้พูดตรงๆแบบโลกไม่สวยที่นี้ครับ เพราะฉะนั้นแสดงความคิดเห็นมาเลยครับ ผมยินดีรับฟัง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่