สวัสดีค่ะ ต้องบอกก่อนว่านี่เป็นกระทู้แรกที่ลองเขียนมาแนะนำสถานที่เที่ยวหากมีติดขัดหรือผิดพลาดตรงไหน ต้องขออภัยมา ณที่นี้ด้วยนะคะ จริงๆแล้วทริปนี้จขกท.เดินทางไปเที่ยวตั้งแต่ช่วงเมษายนปีที่แล้ว และเคยแชร์รูปในเฟซบุ๊คส่วนตัวซึ่งมีเพื่อนๆให้ความสนใจหลายคน จึงเกิดเป็นไอเดียจะนำมาแชร์ให้กับอีกหลายๆคนที่สนใจแต่อาจจะยังไม่มีรายละเอียดมากนัก เนื่องจากสถานที่นี้ยังเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ดิบๆที่น้อยคนนักที่จะเคยได้ไปเยือน เผื่อว่าอาจจะเป็นประโยชน์แก่คนที่สนใจอยากจะไปสำรวจสถานที่แบบนี้สักครั้ง (ในชีวิต)
เกี่ยวกับ Hang En Cave
Hang En Cave ตั้งอยู่ในเขตอุทยาน Phong Nha-Ke Bang ในประเทศเวียดนาม เรียกได้ว่าเป็นถ้ำที่มีความใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองลงมาจากถ้ำ Soon Doong (เวียดนาม) และถ้ำ Deer Cave (มาเลเซีย) โดยมีขนาดในบางพื้นที่ที่ถูกเชื่อว่าสูงถึง 120 ม.และกว้างถึง 140 ม. ว่ากันว่าความสูงของถ้ำนี้เทียบเท่าได้กับ London Eye เลยทีเดียวนะคะ
(อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์
http://oxalis.com.vn/cave/hang-en-cave/ และ
http://www.dailymail.co.uk/)
การเดินทาง
เนื่องจากจขกท.มีเวลาค่อนข้างจำกัด ทริปนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นทริปที่สั้น (แต่คุ้ม) โดยใช้เวลาทั้งหมดเพียงแค่ 4 วัน 3 คืนเท่านั้น โดยเดินทางโดยสายการบินแอร์ เอเชีย จากรุงเทพฯไปลงที่ฮานอย สาเหตุที่เดินทางไปฮานอย เนื่องจากว่าตอนแรกวางแผนว่าจะไปลงโฮจิมินห์ เพื่อที่จะต่อเครื่องไปลงเมือง Hue (ฮเว) จริงๆแล้วที่ง่ายที่สุดควรจะไปลงที่เมือง Dong Hoi (คนเวียดนามเรียก "ด่ง เหย" มิใช่ "ดอง หอย" แต่อย่างใด) แต่เนื่องจากไม่มี flight เร็วกว่านี้ และจขกท.ไม่สามารถลางานได้ จึงจำเป็นต้องลงที่ฮานอยและไปต่อเมือง Hue (ฮเว)ก่อน ทั้งนี้หากคนที่สนใจจะไปและมีเวลาพอ แนะนำให้ไปลงที่โฮจิมินห์และต่อเมือง Dong Hoi (ด่ง เหย) จะง่ายกว่าค่ะ หลังจากนั้นเราก็นั่งรถต่อไปยังเมืองเล็กๆที่มีชื่อว่า Phong Nha (ฟง นา)
สำหรับที่พักคืนแรก จขกท.พักที่โฮมสเตย์เล็กๆชื่อว่า Ho Khanh's Home Stay มีเพียง 3 ห้องพัก อยู่ติดกับแม่น้ำ Son ตอนเช้าตื่นมาเห็นวิวที่สวยมากๆ ที่พักจะห่างจากบริษัท Oxalis ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ที่เราติดต่อสำหรับ trekking ไปเพียง 5 นาทีโดยรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเราแอบมารู้กันทีหลังว่า คุณ Ho Khanh เจ้าของที่พักที่เราเรียกมาช่วยซ่อมแอร์ห้องพัก คือผู้ที่ค้นพบถ้ำ Soon Doong ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นเซเลบริตี้ของเมือง Phong Nha เลยทีเดียวล่ะค่ะ เสียดายที่มารู้ทีหลัง เลยไม่ได้มีโอกาสถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกเลย
เกี่ยวกับบริษัททัวร์และไกด์
จขกท.ใช้บริษัทนำทัวร์ชื่อ Oxalis สามารถหารายละเอียดเพิ่มเติมหรือติดต่อสอบถามได้ที่
http://oxalis.com.vn นอกจากถ้ำ Hang En แล้ว ยังสามารถเลือกแพ็คเกจไปยังถ้ำ Son Doong Cave ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยเราได้ติดต่อกับทางบริษัทฯตั้งแต่ก่อนไปผ่านทางอีเมลล์ จ่ายเงินและทำจองตั้งแต่อยู่เมืองไทย ไกด์ของเราที่ไปรอบนี้เป็นคนท้องถิ่นทั้งคู่ พูดภาษาอังกฤษดีใช้ได้ โดยเฉพาะไกด์ผู้หญิงชื่อ อเน็ตต้า ที่ความรู้รอบตัวเกี่ยวกับเรื่องสถานที่ๆเราจะไปดีพอสมควรเลยค่ะ เช่น สภาพภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ แบบปึ้กมากๆ ตั้งแต่ไปพวกเราก็เล่นป้อนคำถามตลอดทางแก้เบื่อ แต่ก็เห็นนางตอบได้ทุกอย่าง 555 นอกจากไกด์ที่ชำนาญเส้นทาง การเตรียมเรื่องอุปกรณ์ช่วยชีวิตพื้นฐานก็พร้อม เช่น กล่องปฐมพยาบาล โทรศัพท์ดาวเทียมเผื่อฉุกเฉิน ฯลฯ เลยคิดว่าในเรื่องของความปลอดภัยค่อนข้างที่จะโอเคเลย ราคาค่าเสียหายสำหรับการเดินป่าและนอนในถ้ำอยู่ที่ประมาณ USD 282 หรือประมาณ 10,000 บาทต่อคน สำหรับ 2 วัน 1 คืน
ไกด์ต้องทำการบรีฟก่อนการเดินทางค่ะ
ออกเดินทางจากบริษัทฯเวลา 09.00 น.ค่ะ ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ทั้งหมด 45 นาที เพื่อที่จะเข้าไปยังบริเวณที่เป็น trekking site ที่เราจะต้องเริ่มต้นเดินป่าฝ่าดงเข้าไป เส้นทางสวยงาม แต่คดเคี้ยวหลายโค้งเหลือเกิน จุดนี้ใครเมารถอย่าลืมเตรียมยาดมไปด้วยนะคะ ก่อนจะเข้าไปในบริเวณป่าต้องผ่านจุดตรวจจากเจ้าหน้าที่ เช็คใบอนุญาตต่างๆ แล้วก็ต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับทางเข้าสักหน่อยพอเป็นพิธี
การเดินทางช่วงแรกๆ ก็จะเป็นการเดินลงเขาซะส่วนใหญ่ มีข้ามแม่น้ำเล็กๆบ้างเล็กน้อย พวกเราทุกคนต้องแบกของเองนะคะ ลูกหาบจะบอกให้แต่พวกเต้นท์และอาหารเท่านั้น ส่วนน้ำดื่มก็จะมีกระติกน้ำแจกให้แต่ละคน ถ้าน้ำดื่มหมดระหว่างทาง ลูกหาบจะทำการกรองน้ำจากแม่น้ำที่เราข้ามๆกันนี่ล่ะ ความสะอาดก็พอสมควร ที่ได้ลองดื่มมาตลอด 2 วันก็ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ 555 แต่อย่าหยิบขึ้นมาส่องๆแล้วกันอาจจะเห็นเศษตะกอนอะไรบ้างนิดหน่อย
หลังจากเดินทางมาได้ 2 ชั่วโมงเต็มเราก็แวะพักทานข้าวเที่ยงตรงนี้ โดยลูกหาบก็จะทำการทำปรุงอาหารให้เราทานตรงนี้เลยค่ะ อาหารก็ง่ายๆเช่น ข้าวผัด หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มีผลไม้ และขนมพวกแคร็กเกอร์และช็อคโกแลตเติมพลัง
ผจญภัยที่ Hang En Cave ถ้ำที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก
เกี่ยวกับ Hang En Cave
Hang En Cave ตั้งอยู่ในเขตอุทยาน Phong Nha-Ke Bang ในประเทศเวียดนาม เรียกได้ว่าเป็นถ้ำที่มีความใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองลงมาจากถ้ำ Soon Doong (เวียดนาม) และถ้ำ Deer Cave (มาเลเซีย) โดยมีขนาดในบางพื้นที่ที่ถูกเชื่อว่าสูงถึง 120 ม.และกว้างถึง 140 ม. ว่ากันว่าความสูงของถ้ำนี้เทียบเท่าได้กับ London Eye เลยทีเดียวนะคะ
(อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ http://oxalis.com.vn/cave/hang-en-cave/ และ http://www.dailymail.co.uk/)
การเดินทาง
เนื่องจากจขกท.มีเวลาค่อนข้างจำกัด ทริปนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นทริปที่สั้น (แต่คุ้ม) โดยใช้เวลาทั้งหมดเพียงแค่ 4 วัน 3 คืนเท่านั้น โดยเดินทางโดยสายการบินแอร์ เอเชีย จากรุงเทพฯไปลงที่ฮานอย สาเหตุที่เดินทางไปฮานอย เนื่องจากว่าตอนแรกวางแผนว่าจะไปลงโฮจิมินห์ เพื่อที่จะต่อเครื่องไปลงเมือง Hue (ฮเว) จริงๆแล้วที่ง่ายที่สุดควรจะไปลงที่เมือง Dong Hoi (คนเวียดนามเรียก "ด่ง เหย" มิใช่ "ดอง หอย" แต่อย่างใด) แต่เนื่องจากไม่มี flight เร็วกว่านี้ และจขกท.ไม่สามารถลางานได้ จึงจำเป็นต้องลงที่ฮานอยและไปต่อเมือง Hue (ฮเว)ก่อน ทั้งนี้หากคนที่สนใจจะไปและมีเวลาพอ แนะนำให้ไปลงที่โฮจิมินห์และต่อเมือง Dong Hoi (ด่ง เหย) จะง่ายกว่าค่ะ หลังจากนั้นเราก็นั่งรถต่อไปยังเมืองเล็กๆที่มีชื่อว่า Phong Nha (ฟง นา)
สำหรับที่พักคืนแรก จขกท.พักที่โฮมสเตย์เล็กๆชื่อว่า Ho Khanh's Home Stay มีเพียง 3 ห้องพัก อยู่ติดกับแม่น้ำ Son ตอนเช้าตื่นมาเห็นวิวที่สวยมากๆ ที่พักจะห่างจากบริษัท Oxalis ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ที่เราติดต่อสำหรับ trekking ไปเพียง 5 นาทีโดยรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเราแอบมารู้กันทีหลังว่า คุณ Ho Khanh เจ้าของที่พักที่เราเรียกมาช่วยซ่อมแอร์ห้องพัก คือผู้ที่ค้นพบถ้ำ Soon Doong ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นเซเลบริตี้ของเมือง Phong Nha เลยทีเดียวล่ะค่ะ เสียดายที่มารู้ทีหลัง เลยไม่ได้มีโอกาสถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกเลย
เกี่ยวกับบริษัททัวร์และไกด์
จขกท.ใช้บริษัทนำทัวร์ชื่อ Oxalis สามารถหารายละเอียดเพิ่มเติมหรือติดต่อสอบถามได้ที่ http://oxalis.com.vn นอกจากถ้ำ Hang En แล้ว ยังสามารถเลือกแพ็คเกจไปยังถ้ำ Son Doong Cave ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยเราได้ติดต่อกับทางบริษัทฯตั้งแต่ก่อนไปผ่านทางอีเมลล์ จ่ายเงินและทำจองตั้งแต่อยู่เมืองไทย ไกด์ของเราที่ไปรอบนี้เป็นคนท้องถิ่นทั้งคู่ พูดภาษาอังกฤษดีใช้ได้ โดยเฉพาะไกด์ผู้หญิงชื่อ อเน็ตต้า ที่ความรู้รอบตัวเกี่ยวกับเรื่องสถานที่ๆเราจะไปดีพอสมควรเลยค่ะ เช่น สภาพภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ฯลฯ แบบปึ้กมากๆ ตั้งแต่ไปพวกเราก็เล่นป้อนคำถามตลอดทางแก้เบื่อ แต่ก็เห็นนางตอบได้ทุกอย่าง 555 นอกจากไกด์ที่ชำนาญเส้นทาง การเตรียมเรื่องอุปกรณ์ช่วยชีวิตพื้นฐานก็พร้อม เช่น กล่องปฐมพยาบาล โทรศัพท์ดาวเทียมเผื่อฉุกเฉิน ฯลฯ เลยคิดว่าในเรื่องของความปลอดภัยค่อนข้างที่จะโอเคเลย ราคาค่าเสียหายสำหรับการเดินป่าและนอนในถ้ำอยู่ที่ประมาณ USD 282 หรือประมาณ 10,000 บาทต่อคน สำหรับ 2 วัน 1 คืน
ไกด์ต้องทำการบรีฟก่อนการเดินทางค่ะ
ออกเดินทางจากบริษัทฯเวลา 09.00 น.ค่ะ ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ทั้งหมด 45 นาที เพื่อที่จะเข้าไปยังบริเวณที่เป็น trekking site ที่เราจะต้องเริ่มต้นเดินป่าฝ่าดงเข้าไป เส้นทางสวยงาม แต่คดเคี้ยวหลายโค้งเหลือเกิน จุดนี้ใครเมารถอย่าลืมเตรียมยาดมไปด้วยนะคะ ก่อนจะเข้าไปในบริเวณป่าต้องผ่านจุดตรวจจากเจ้าหน้าที่ เช็คใบอนุญาตต่างๆ แล้วก็ต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับทางเข้าสักหน่อยพอเป็นพิธี
การเดินทางช่วงแรกๆ ก็จะเป็นการเดินลงเขาซะส่วนใหญ่ มีข้ามแม่น้ำเล็กๆบ้างเล็กน้อย พวกเราทุกคนต้องแบกของเองนะคะ ลูกหาบจะบอกให้แต่พวกเต้นท์และอาหารเท่านั้น ส่วนน้ำดื่มก็จะมีกระติกน้ำแจกให้แต่ละคน ถ้าน้ำดื่มหมดระหว่างทาง ลูกหาบจะทำการกรองน้ำจากแม่น้ำที่เราข้ามๆกันนี่ล่ะ ความสะอาดก็พอสมควร ที่ได้ลองดื่มมาตลอด 2 วันก็ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ 555 แต่อย่าหยิบขึ้นมาส่องๆแล้วกันอาจจะเห็นเศษตะกอนอะไรบ้างนิดหน่อย
หลังจากเดินทางมาได้ 2 ชั่วโมงเต็มเราก็แวะพักทานข้าวเที่ยงตรงนี้ โดยลูกหาบก็จะทำการทำปรุงอาหารให้เราทานตรงนี้เลยค่ะ อาหารก็ง่ายๆเช่น ข้าวผัด หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มีผลไม้ และขนมพวกแคร็กเกอร์และช็อคโกแลตเติมพลัง