อ้างอิง
http://www.naewna.com/local/214383
----
4 พ.ค. 59 จากกรณีนายกสิณวัชร์ ศรีสุริยมาตย์ นายกสมาคมสร้างสรรค์ไทย ตัวแทน “ลูกพระธัมมชโย” พร้อมคณะศิษย์และผู้ปฏิบัติธรรมประมาณ 100 คน ได้เข้ายื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม จ.เชียงใหม่ เพื่อส่งเรื่องร้องเรียนต่อนายกฯ จากกรณีได้ตั้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโย”นั้น พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ศิษย์ยานุศิษย์ที่อยากซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ให้จัดผู้แทนมารวมทั้งทนายมาถามว่าประเด็นสงสัยอะไรในแง่กฎหมาย โดยให้นัดเวลาโดยตรงกับอธิบดีดีเอสไอได้เลย เพราะเป็นนโยบายของตนอยู่แล้วให้อธิบายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเชื่อว่าพนักงานสอบสวนของดีเอสไอมีเหตุผลที่สามารถตอบได้อยู่แล้ว ซึ่งให้อธิบดีดีเอสไอตอบในหลักกฎหมายได้ดีกว่ารมว.ยุติธรรม ตอบ ซึ่งสื่อรวมทั้งผู้เสียหายและผู้ที่เกี่ยวข้องผู้ทำคดีจะได้รับข้อมูลที่ตรงกัน
“ความจริงมาที่นี้ก็ได้มี 3-4ประเด็นที่จะพูดว่าทำไมต้องเป็นคดี และรับเป็นคดีพิเศษ ผมเห็นว่าเรื่องนี้ควรนัดเวลาตอบดีกว่าที่เขาจะไปใช้กระบวนการอื่นที่ไม่ใช่แนวทางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่ถูกต้องจะเกิดความวุ่นวาย และปัญหาเชื่อมโยงคดีได้ อย่างไรก็ตาม เราต้องให้ความเคารพเรื่องความคิดเห็น เพราะอาจมองในแง่บวกว่าเขาอาจมีความไม่เข้าใจจริงๆ ซึ่งเมื่อตอบข้อสงสัยหมดแล้วก็จะมีความรับรู้และเห็นภาพของการทำงาน”พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
เมื่อถามว่าวันที่ 15 พ.ค.นี้ วัดพระธรรมกายจะนัดรวมตัวกันจำนวนหนึ่งหมื่นคน ซึ่งเป็นการนัดล่วงหน้าก่อนวันที่ 16พ.ค.ที่ทางดีเอสไอนัดพระธัมมชโยเข้ารับทราบ 3 ข้อกล่าวหานั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ถ้ามองเป็นการเชื่อมโยงที่ระดมจัดล่วงหน้าก่อนถึงวันวิสาขบูชาในวันที่ 20 พ.ค.นี้ ตนก็มองว่าไม่น่ามีอะไรเพราะเป็นกิจกรรมที่วัดพระธรรมกายทำอยู่ แต่ถามว่าคิดมั้ย ก็คิดเป็นธรรมดาว่ามีอะไรแอบแฝงหรือไม่ แต่ว่าก็ควรมองในแง่บวกเพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำกิจกรรมทางศาสนา ตามความเชื่อศาสนาตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ได้สั่งการให้อธิบดีดีเอสไอติดตามในฐานะเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตาม หากเรื่องนี้ทำอะไรแอบแฝงก็จะมุ่งไปสู่สิ่งที่สื่อมวลชนตั้งคำถามเรื่องความไม่เรียบร้อยก็คงเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง
ทั้งนี้ ตนเข้าใจคำถามของสื่อว่ามารวมตัวกันที่วัดพระธรรมกายเพื่อปกป้อง ป้องกันไม่ให้ใช้กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งต้องถามว่าทำไมสื่อควรว่าเป็นการมารวมตัวกัน แต่ไม่ใช่การมาปฏิบัติหน้าที่ของพุทธศาสนิกชน ซึ่งตนเชื่อว่าในสังคมนี้ถ้าหากทำอะไรที่ไม่บริสุทธิ์ก็ถูกย่อมมองในทางที่หมิ่นเหม่ ที่วัดพระธรรมกายจะจัดกิจกรรมในลักษณะสอดคล้องวันเวลาดังกล่าว ซึ่งพิจารณาได้จากการที่สื่อยังถามว่าเรื่องนี้มีอะไรที่น่าเคลือบแคลงนั้น เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่มองได้เหมือนกัน จึงเป็นเรื่องย้อนกลับไปยังวัดพระธรรมกายต้องตอบคำถามนี้เหมือนกัน
ต่อข้อถามว่าหากวันที่ 16 พ.ค.นี้ พระธัมมชโย ไม่มารับทราบข้อหาตามที่พนักงานสอบสวนส่งหมายเรียกไปจะออกหมายหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ ก็ต้องทำเรื่องไปที่ศาลเพราะเราออกหมายจับเองไม่ได้ ซึ่งต้องแล้วแต่ดุลพินิจของศาลจะพิจารณาอย่างไร เพราะแง่มุมครั้งที่แล้วว่าความเจ็บป่วยนำไปสู่การไม่หลบหนี จึงให้ออกหมายเรียกอีกครั้งหนึ่งภายใน 15 วัน ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าในวันที่ 16พ.ค.ศาลจะมีดุลพินิจเป็นอย่างไร เพราะหากบอกเป็นประเด็นความเจ็บป่วยนั้น ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนก็พิจารณาว่าสามารถเดินทางมาได้จากข้อมูลที่ทนายวัดพระธรรมกายและยื่นต่อตนเองและดีเอสไอ ทั้งนี้จากการที่ตนสอบถามก็ได้รับคำตอบว่าเป็นการเจ็บป่วยที่สามารถเดินทางมาได้ ดังนั้น ต้องรอดูว่าพนักงานสอบสวนจะมีมุมมองอย่างไรอีกครั้งในวันที่ 16 พ.ค.นี้
##ให้ศิษย์ ธัมมชโย นัด DSI ซักถาม ##
http://www.naewna.com/local/214383
----
4 พ.ค. 59 จากกรณีนายกสิณวัชร์ ศรีสุริยมาตย์ นายกสมาคมสร้างสรรค์ไทย ตัวแทน “ลูกพระธัมมชโย” พร้อมคณะศิษย์และผู้ปฏิบัติธรรมประมาณ 100 คน ได้เข้ายื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรม จ.เชียงใหม่ เพื่อส่งเรื่องร้องเรียนต่อนายกฯ จากกรณีได้ตั้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโย”นั้น พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ศิษย์ยานุศิษย์ที่อยากซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ให้จัดผู้แทนมารวมทั้งทนายมาถามว่าประเด็นสงสัยอะไรในแง่กฎหมาย โดยให้นัดเวลาโดยตรงกับอธิบดีดีเอสไอได้เลย เพราะเป็นนโยบายของตนอยู่แล้วให้อธิบายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเชื่อว่าพนักงานสอบสวนของดีเอสไอมีเหตุผลที่สามารถตอบได้อยู่แล้ว ซึ่งให้อธิบดีดีเอสไอตอบในหลักกฎหมายได้ดีกว่ารมว.ยุติธรรม ตอบ ซึ่งสื่อรวมทั้งผู้เสียหายและผู้ที่เกี่ยวข้องผู้ทำคดีจะได้รับข้อมูลที่ตรงกัน
“ความจริงมาที่นี้ก็ได้มี 3-4ประเด็นที่จะพูดว่าทำไมต้องเป็นคดี และรับเป็นคดีพิเศษ ผมเห็นว่าเรื่องนี้ควรนัดเวลาตอบดีกว่าที่เขาจะไปใช้กระบวนการอื่นที่ไม่ใช่แนวทางกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่ถูกต้องจะเกิดความวุ่นวาย และปัญหาเชื่อมโยงคดีได้ อย่างไรก็ตาม เราต้องให้ความเคารพเรื่องความคิดเห็น เพราะอาจมองในแง่บวกว่าเขาอาจมีความไม่เข้าใจจริงๆ ซึ่งเมื่อตอบข้อสงสัยหมดแล้วก็จะมีความรับรู้และเห็นภาพของการทำงาน”พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
เมื่อถามว่าวันที่ 15 พ.ค.นี้ วัดพระธรรมกายจะนัดรวมตัวกันจำนวนหนึ่งหมื่นคน ซึ่งเป็นการนัดล่วงหน้าก่อนวันที่ 16พ.ค.ที่ทางดีเอสไอนัดพระธัมมชโยเข้ารับทราบ 3 ข้อกล่าวหานั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ถ้ามองเป็นการเชื่อมโยงที่ระดมจัดล่วงหน้าก่อนถึงวันวิสาขบูชาในวันที่ 20 พ.ค.นี้ ตนก็มองว่าไม่น่ามีอะไรเพราะเป็นกิจกรรมที่วัดพระธรรมกายทำอยู่ แต่ถามว่าคิดมั้ย ก็คิดเป็นธรรมดาว่ามีอะไรแอบแฝงหรือไม่ แต่ว่าก็ควรมองในแง่บวกเพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำกิจกรรมทางศาสนา ตามความเชื่อศาสนาตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ได้สั่งการให้อธิบดีดีเอสไอติดตามในฐานะเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตาม หากเรื่องนี้ทำอะไรแอบแฝงก็จะมุ่งไปสู่สิ่งที่สื่อมวลชนตั้งคำถามเรื่องความไม่เรียบร้อยก็คงเป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง
ทั้งนี้ ตนเข้าใจคำถามของสื่อว่ามารวมตัวกันที่วัดพระธรรมกายเพื่อปกป้อง ป้องกันไม่ให้ใช้กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งต้องถามว่าทำไมสื่อควรว่าเป็นการมารวมตัวกัน แต่ไม่ใช่การมาปฏิบัติหน้าที่ของพุทธศาสนิกชน ซึ่งตนเชื่อว่าในสังคมนี้ถ้าหากทำอะไรที่ไม่บริสุทธิ์ก็ถูกย่อมมองในทางที่หมิ่นเหม่ ที่วัดพระธรรมกายจะจัดกิจกรรมในลักษณะสอดคล้องวันเวลาดังกล่าว ซึ่งพิจารณาได้จากการที่สื่อยังถามว่าเรื่องนี้มีอะไรที่น่าเคลือบแคลงนั้น เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่มองได้เหมือนกัน จึงเป็นเรื่องย้อนกลับไปยังวัดพระธรรมกายต้องตอบคำถามนี้เหมือนกัน
ต่อข้อถามว่าหากวันที่ 16 พ.ค.นี้ พระธัมมชโย ไม่มารับทราบข้อหาตามที่พนักงานสอบสวนส่งหมายเรียกไปจะออกหมายหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ ก็ต้องทำเรื่องไปที่ศาลเพราะเราออกหมายจับเองไม่ได้ ซึ่งต้องแล้วแต่ดุลพินิจของศาลจะพิจารณาอย่างไร เพราะแง่มุมครั้งที่แล้วว่าความเจ็บป่วยนำไปสู่การไม่หลบหนี จึงให้ออกหมายเรียกอีกครั้งหนึ่งภายใน 15 วัน ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าในวันที่ 16พ.ค.ศาลจะมีดุลพินิจเป็นอย่างไร เพราะหากบอกเป็นประเด็นความเจ็บป่วยนั้น ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนก็พิจารณาว่าสามารถเดินทางมาได้จากข้อมูลที่ทนายวัดพระธรรมกายและยื่นต่อตนเองและดีเอสไอ ทั้งนี้จากการที่ตนสอบถามก็ได้รับคำตอบว่าเป็นการเจ็บป่วยที่สามารถเดินทางมาได้ ดังนั้น ต้องรอดูว่าพนักงานสอบสวนจะมีมุมมองอย่างไรอีกครั้งในวันที่ 16 พ.ค.นี้