สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
And now, the end is near ;
ตอนนี้ จุดจบก็ใกล้เข้ามาทุกที
And so I face the final curtain.
ในที่สุดผมก็คงต้องพบกับฉากสุดท้าย
My friend, I’ll say it clear,
เพื่อนเอ๋ย ผมจะบอกกันชัดๆเลยนะ
I’ll state my case, of which I’m certain.
ผมจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดของผมให้ฟังกัน ซึ่งผมมั่นใจว่าคงไม่มีอะไรผิดพลาด
I’ve lived a life that’s full.
ชีวิตที่ผ่านมา ผมใช้มันอย่างเกินคุ้ม
I’ve traveled each and ev’ry highway;
ท่องไปในทุกหัวระแหง
And more, much more than this,
และที่สำคัญไปกว่านั้น
I did it my way.
ผมได้ใช้ชีวิต...ในแบบของผม
Regrets, I’ve had a few ;
ถ้าจะถามว่าผมเคยเสียใจไหม? ก็คงมีบ้าง....
But then again, too few to mention.
แต่มันก็น้อยเสียจนไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง
I did what I had to do
ผมทำในสิ่งที่ผมต้องทำ
And saw it through without exemption.
ผมมองมันทะลุทุกอย่างแบบไม่มีข้อแม้ใดๆ
I planned each charted course ;
ทุกเส้นทางผมวางแผนไว้เป็นอย่างดี
Each careful step along the by way,
ทุกย่างก้าวผมไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง
But more, much more than this,
และยิ่งไปกว่านั้น
I did it my way.
ผมทำมันทั้งหมด...ในแบบของผม...
Yes, there were times, I’m sure you knew
ใช่ ผมแน่ใจว่าคุณรู้ว่ามีหลายครั้ง...
When I bit off more than I could chew. ...
.ที่ผมทำอะไรเกินตัวไปหน่อย
But through it all, when there was doubt ,
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มันมีอุปสรรคอะไรมาทำให้ผมสะดุด
I ate it up and spit it out.
ผมก็จะกัดฟันแลกหมัดกับมัน
I faced it all and I stood tall ;
ผมเผชิญหน้ายืนสู้ไม่เคยถอยหนี
And did it my way
และจัดการกับมัน...ในแบบของผม
I’ve loved, I’ve laughed and cried.
ผมเคยมีรัก, ผมเคยหัวเราะ ผมเคยร่ำไห้
I’ve had my fill; my share of losing.
ผมเคยเปรมปรีดิ์....และ ผมก็เคยสัมผัสกับความสูญเสีย
And now, as tears subside,
และวันนี้ เมื่อน้ำตาเหือดแห้งลง
I find it all so amusing.
ผมกลับมองว่าทุกเรื่องที่ผ่านมามันช่างน่าขัน.....
To think I did all that;...
.เมื่อมานั่งคิดดูว่าผมได้ทำมันมาทั้งหมดแล้ว....
And may I say - not in a shy way,
...และขอผมบอกหน่อยเถอะ.
..ว่าที่ผมทำมานั้นมันไม่ใช่ในแบบขัดๆเขินๆเลย
No, oh no not me,
โอ้...ไม่...ไม่ใช่ผมแน่
I did it my way.
ผมทำในวิถีทางแบบของผม
For what is a man, what has he got?
ก็สำหรับชายคนหนึ่ง เขาจะมีอะไรเล่า?
If not himself, then he has not.
ถ้าเขาไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง นั่นก็เท่ากับเขาไม่มีอะไรเลย
To say the things he truly feels;
เพื่อที่จะพูดในสิ่งที่เขารู้สึกจริงๆ
And not the words of one who kneels.
ไม่ใช่คำพูดจากปากของผู้ยอมศิโรราบ
The record shows I took the blows –
ทุกอย่างบันทึกไว้ว่าผมรับมือได้กับทุกสิ่ง
And did it my way !
และจัดการมัน...ในสไตล์ของผม.....
https://www.youtube.com/watch?v=5AVOpNR2PIs
ตอนนี้ จุดจบก็ใกล้เข้ามาทุกที
And so I face the final curtain.
ในที่สุดผมก็คงต้องพบกับฉากสุดท้าย
My friend, I’ll say it clear,
เพื่อนเอ๋ย ผมจะบอกกันชัดๆเลยนะ
I’ll state my case, of which I’m certain.
ผมจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดของผมให้ฟังกัน ซึ่งผมมั่นใจว่าคงไม่มีอะไรผิดพลาด
I’ve lived a life that’s full.
ชีวิตที่ผ่านมา ผมใช้มันอย่างเกินคุ้ม
I’ve traveled each and ev’ry highway;
ท่องไปในทุกหัวระแหง
And more, much more than this,
และที่สำคัญไปกว่านั้น
I did it my way.
ผมได้ใช้ชีวิต...ในแบบของผม
Regrets, I’ve had a few ;
ถ้าจะถามว่าผมเคยเสียใจไหม? ก็คงมีบ้าง....
But then again, too few to mention.
แต่มันก็น้อยเสียจนไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง
I did what I had to do
ผมทำในสิ่งที่ผมต้องทำ
And saw it through without exemption.
ผมมองมันทะลุทุกอย่างแบบไม่มีข้อแม้ใดๆ
I planned each charted course ;
ทุกเส้นทางผมวางแผนไว้เป็นอย่างดี
Each careful step along the by way,
ทุกย่างก้าวผมไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง
But more, much more than this,
และยิ่งไปกว่านั้น
I did it my way.
ผมทำมันทั้งหมด...ในแบบของผม...
Yes, there were times, I’m sure you knew
ใช่ ผมแน่ใจว่าคุณรู้ว่ามีหลายครั้ง...
When I bit off more than I could chew. ...
.ที่ผมทำอะไรเกินตัวไปหน่อย
But through it all, when there was doubt ,
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มันมีอุปสรรคอะไรมาทำให้ผมสะดุด
I ate it up and spit it out.
ผมก็จะกัดฟันแลกหมัดกับมัน
I faced it all and I stood tall ;
ผมเผชิญหน้ายืนสู้ไม่เคยถอยหนี
And did it my way
และจัดการกับมัน...ในแบบของผม
I’ve loved, I’ve laughed and cried.
ผมเคยมีรัก, ผมเคยหัวเราะ ผมเคยร่ำไห้
I’ve had my fill; my share of losing.
ผมเคยเปรมปรีดิ์....และ ผมก็เคยสัมผัสกับความสูญเสีย
And now, as tears subside,
และวันนี้ เมื่อน้ำตาเหือดแห้งลง
I find it all so amusing.
ผมกลับมองว่าทุกเรื่องที่ผ่านมามันช่างน่าขัน.....
To think I did all that;...
.เมื่อมานั่งคิดดูว่าผมได้ทำมันมาทั้งหมดแล้ว....
And may I say - not in a shy way,
...และขอผมบอกหน่อยเถอะ.
..ว่าที่ผมทำมานั้นมันไม่ใช่ในแบบขัดๆเขินๆเลย
No, oh no not me,
โอ้...ไม่...ไม่ใช่ผมแน่
I did it my way.
ผมทำในวิถีทางแบบของผม
For what is a man, what has he got?
ก็สำหรับชายคนหนึ่ง เขาจะมีอะไรเล่า?
If not himself, then he has not.
ถ้าเขาไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง นั่นก็เท่ากับเขาไม่มีอะไรเลย
To say the things he truly feels;
เพื่อที่จะพูดในสิ่งที่เขารู้สึกจริงๆ
And not the words of one who kneels.
ไม่ใช่คำพูดจากปากของผู้ยอมศิโรราบ
The record shows I took the blows –
ทุกอย่างบันทึกไว้ว่าผมรับมือได้กับทุกสิ่ง
And did it my way !
และจัดการมัน...ในสไตล์ของผม.....
https://www.youtube.com/watch?v=5AVOpNR2PIs
ความคิดเห็นที่ 15
สวัสดีครับเพื่อนๆ
เมื่อวันอาทิตย์ไปเดินเล่นที่ ฟาร์มจระเข้ สมุทรปราการมาด้วยล่ะ
สนุกกับการแสดงการจับจระเข้และเหล่าฟูงสัตว์ที่อาจจะมีน้อยไปนิดแต่ก็รูสึกว่าพวกเจาดูมีความสุขดี
รวมนิดๆหน่อยๆให้เพื่อนๆดูครับ
จระเข้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสัตว์ต่างๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล.ว่างแล้วจะแวะมาใหม่ครับ
เมื่อวันอาทิตย์ไปเดินเล่นที่ ฟาร์มจระเข้ สมุทรปราการมาด้วยล่ะ
สนุกกับการแสดงการจับจระเข้และเหล่าฟูงสัตว์ที่อาจจะมีน้อยไปนิดแต่ก็รูสึกว่าพวกเจาดูมีความสุขดี
รวมนิดๆหน่อยๆให้เพื่อนๆดูครับ
จระเข้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสัตว์ต่างๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล.ว่างแล้วจะแวะมาใหม่ครับ
ความคิดเห็นที่ 12
ปริศนา ก็คือปริศนา ถ้ามันไม่ใช่ปริศนา ก็คงมีคำตอบไปแล้ว
อาจารย์ของผมเคยบอกอย่างนั้น
ครั้งหนึ่ง เมื่อการอบรมระยะเวลา 1 ปีสิ้นสุด ก็ถึงเวลาที่ต้องแยกจากกันไปคนละทิศคนละทาง
งานเลี้ยงเล็กๆ อย่างเป็นกันเองจึงเกิดขึ้น
ทุกคนจะต้องขึ้นกล่าวอำลา จะเป็นบทกวี จะเป็นลำนำ หรือจะเป็นเพลงที่มีความหมายแห่งการอำลาก็ได้
ตอนนั้นผมสะดุอยู่ที่เพลง The Last Farewell ของ Roger Whitaker
ได้ฟังแล้วรู้สึกชอบในท่วงทำนองการลาจากที่ฟังฮึกเหิมดี
พยายามหัดร้อง อยู่วันสองวัน
เพื่อนมาได้ยิน มันถามว่าจะลาไปตายเหรอ ล่ำลาครั้งสุดท้าย หมายถึงว่าจะไม่มีชีวิตรอดกลับมา
"The farewell for to die, you're goin' to die?"
อืม... ผมมาคิดดู แม้ทำนองมันจะฮึกเหิมดี แต่ก็แฝงด้วยความเศร้าพิลึก
ตัดสินใจ ไม่เอาดีกว่า เปลี่ยนเป็นการกล่าวอำลาธรรมดาแทน
The Last Farewell เป็นเพลงที่ค่อนข้างมีปริศนาถึงที่มาที่ไป
บางคนก็ไปโยงเข้ากับสงคราม บ้างก็ว่าพูดถึงยุคล่าอาณานิคมไปโน่น
แต่ จากหลักฐาน เพลงนี้เดิมเป็นคำกลอน ที่แต่งขึ้นโดยนักร้องโนเนมชื่อ รอน เว็บสเตอร์
ผู้สันทัดกรณีอ้างว่า ได้ยินจากปากรอนว่า แต่งกลอนนี้บนรถเมล์ระหว่างเดินทางกลับบ้าน
คืนนั้นฝนตกหนัก และหนาวเย็น รอนอยากจะหนี่ความหนาวและขมุกขมัวของอังกฤษ ไปยังดินแดนที่อบอุ่นกว่า
ฟังเข้าเค้าไหมล่ะครับ ผมก็ว่า น่าจะเป็นไปได้
แต่ก็นั่นแหละ ปริศนาของเพลงบางเพลง ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละดีแล้ว ดูมีเสน่ห์มีมนต์ขลังดี
ว่าไหมครับ ............
The Last Farewell
Artist : Roger Whittaker
Album : New World in the Morning (1971)
Credit : EMI Record
อาจารย์ของผมเคยบอกอย่างนั้น
ครั้งหนึ่ง เมื่อการอบรมระยะเวลา 1 ปีสิ้นสุด ก็ถึงเวลาที่ต้องแยกจากกันไปคนละทิศคนละทาง
งานเลี้ยงเล็กๆ อย่างเป็นกันเองจึงเกิดขึ้น
ทุกคนจะต้องขึ้นกล่าวอำลา จะเป็นบทกวี จะเป็นลำนำ หรือจะเป็นเพลงที่มีความหมายแห่งการอำลาก็ได้
ตอนนั้นผมสะดุอยู่ที่เพลง The Last Farewell ของ Roger Whitaker
ได้ฟังแล้วรู้สึกชอบในท่วงทำนองการลาจากที่ฟังฮึกเหิมดี
พยายามหัดร้อง อยู่วันสองวัน
เพื่อนมาได้ยิน มันถามว่าจะลาไปตายเหรอ ล่ำลาครั้งสุดท้าย หมายถึงว่าจะไม่มีชีวิตรอดกลับมา
"The farewell for to die, you're goin' to die?"
อืม... ผมมาคิดดู แม้ทำนองมันจะฮึกเหิมดี แต่ก็แฝงด้วยความเศร้าพิลึก
ตัดสินใจ ไม่เอาดีกว่า เปลี่ยนเป็นการกล่าวอำลาธรรมดาแทน
The Last Farewell เป็นเพลงที่ค่อนข้างมีปริศนาถึงที่มาที่ไป
บางคนก็ไปโยงเข้ากับสงคราม บ้างก็ว่าพูดถึงยุคล่าอาณานิคมไปโน่น
แต่ จากหลักฐาน เพลงนี้เดิมเป็นคำกลอน ที่แต่งขึ้นโดยนักร้องโนเนมชื่อ รอน เว็บสเตอร์
ผู้สันทัดกรณีอ้างว่า ได้ยินจากปากรอนว่า แต่งกลอนนี้บนรถเมล์ระหว่างเดินทางกลับบ้าน
คืนนั้นฝนตกหนัก และหนาวเย็น รอนอยากจะหนี่ความหนาวและขมุกขมัวของอังกฤษ ไปยังดินแดนที่อบอุ่นกว่า
ฟังเข้าเค้าไหมล่ะครับ ผมก็ว่า น่าจะเป็นไปได้
แต่ก็นั่นแหละ ปริศนาของเพลงบางเพลง ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละดีแล้ว ดูมีเสน่ห์มีมนต์ขลังดี
ว่าไหมครับ ............
The Last Farewell
Artist : Roger Whittaker
Album : New World in the Morning (1971)
Credit : EMI Record
ความคิดเห็นที่ 17
มาเยี่ยมห้องเพลง คนรากหญ้า เป็นครั้งแรกค่ะ
แต่งกลอนประกอบเพลงไว้ หลายเพลง จึงขอนำมาฝากเพื่อนๆ เป็นการทักทายกันนะคะ
คลุ้งไอดินกลิ่นเอย ระเหยหอม
รอบรายล้อมย้อมยวนชื่นชวนฝัน
สู่แดนทุ่งคุ้งแควแลพฤกษ์พันธุ์
สุริยันผันผายฉายแสงทอง
ขจีเขียวเรียวใบลมพรายพา
ระเริงร่าระเนนเอนสนอง
เพลงระบำใบข้าวเคล้าทำนอง
รวงโค้งคล้องคลอท่วงโน้มหน่วงไกว
โสนน้อยพร้อยพราวระนาวช่อ
เหลืองละออล้อลมพรมไสว
หอมกระถินกลิ่นฟ่องละล่องไกล
เหลียวแลหา อยู่ไหน หมายเด็ดดอม
ผักบุ้งยาว ขาวยอด เถาทอดเลื้อย
เกสรเปลือย บัวบาน ละลานหอม
ภุมรา รุกเร้า เฝ้ารุมตอม
แมงปอล้อม โล้น้ำ ทำวงพราย
เสียงรินริน ยินข้าง ฟังราวว่า
ธารรำพัน พร่ำหา พาใจหาย
นานแล้วหนา ลาเลย เคยโลมกาย
แว่วแว่วสาย น้ำเก่า เอื้อนเว้าวอน
"คืนบ้านเรา สุขล้ำ ดินน้ำห้อม
ไอกรุ่นหอม พร้อมพรั่ง ยังเหมือนก่อน
กลับมาสร้าง สวรรค์ ปั้นดินดอน
โปรดหวนย้อน เยือนถิ่น ..น้ำดินคอย"
คลุ้งไอดิน กลิ่นเอย รำเพยหอม
เก็บกอบออม ดินกำ รำพันถ้อย
ให้สัญญา ต่อหล้า ว่า..จงคอย
วันย้อนรอย..เห่กล่อม ..หอมแผ่นดิน..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่งกลอนประกอบเพลงไว้ หลายเพลง จึงขอนำมาฝากเพื่อนๆ เป็นการทักทายกันนะคะ
คลุ้งไอดินกลิ่นเอย ระเหยหอม
รอบรายล้อมย้อมยวนชื่นชวนฝัน
สู่แดนทุ่งคุ้งแควแลพฤกษ์พันธุ์
สุริยันผันผายฉายแสงทอง
ขจีเขียวเรียวใบลมพรายพา
ระเริงร่าระเนนเอนสนอง
เพลงระบำใบข้าวเคล้าทำนอง
รวงโค้งคล้องคลอท่วงโน้มหน่วงไกว
โสนน้อยพร้อยพราวระนาวช่อ
เหลืองละออล้อลมพรมไสว
หอมกระถินกลิ่นฟ่องละล่องไกล
เหลียวแลหา อยู่ไหน หมายเด็ดดอม
ผักบุ้งยาว ขาวยอด เถาทอดเลื้อย
เกสรเปลือย บัวบาน ละลานหอม
ภุมรา รุกเร้า เฝ้ารุมตอม
แมงปอล้อม โล้น้ำ ทำวงพราย
เสียงรินริน ยินข้าง ฟังราวว่า
ธารรำพัน พร่ำหา พาใจหาย
นานแล้วหนา ลาเลย เคยโลมกาย
แว่วแว่วสาย น้ำเก่า เอื้อนเว้าวอน
"คืนบ้านเรา สุขล้ำ ดินน้ำห้อม
ไอกรุ่นหอม พร้อมพรั่ง ยังเหมือนก่อน
กลับมาสร้าง สวรรค์ ปั้นดินดอน
โปรดหวนย้อน เยือนถิ่น ..น้ำดินคอย"
คลุ้งไอดิน กลิ่นเอย รำเพยหอม
เก็บกอบออม ดินกำ รำพันถ้อย
ให้สัญญา ต่อหล้า ว่า..จงคอย
วันย้อนรอย..เห่กล่อม ..หอมแผ่นดิน..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 3/5/2016
***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
เดือนที่แล้วนำเสนอตำนานราศีเมษและหมู่ดาวแกะ ซึ่งเป็นราศีแรกในรอบปีตามตำราโหราศาสตร์
วันนี้ทำตามสัญญากับ "คุณนินจา" นางฟ้าใจดีคนสวยประจำห้องเพลง คือจะพาไปส่องหมู่ดาวพฤษภกันค่ะ
โรแมนติคมากๆ ขอบอก
ราศีพฤษภ (Taurus แปลว่า วัวตัวผู้) เป็นกลุ่มดาวในราศีที่ 2 ตามตำราของโหราศาสตร์ตะวันตก
คนไทยเรียกกลุ่มดาวนี้ว่า "กลุ่มดาวธง" ว่ากันว่ากลุ่มดาววัวเป็นกลุ่มดาวที่สะดุดตา เห็นครั้งเดียวก็จำได้ตลอดไป
สัญลักษณ์เป็นรูปวัวมีเขา คนที่เกิดในราศีนี้จะ “สุขุม อ่อนโยน อดทน ละเอียดอ่อน หนักแน่น มั่นคง“ และยังมีความโรแมนติคด้วยนะ
หมู่ดาววัวหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ หากมองว่าเป็นส่วนหน้าของวัว มีเขาสองข้าง ก็พอจะจินตนาการได้อยู่
วิธีการสังเกตง่ายๆ คือดูจากกลุ่มดาวลูกไก่ ซึ่งเป็นกระจุกดาวที่สวยงามที่สุดในท้องฟ้า กลุ่มดาวลูกไก่อยู่บนหนอกข้างขวาของวัว
ฉะนั้นพอเห็นกลุ่มดาวลูกไก่ มองไปทางทิศตะวันออกจะเห็นดาวธงรูปสามเหลี่ยม คล้ายตัว V มีดาวสีแดงสดใสชื่อ แอลดีบาแรน
อยู่ตรงใกล้ๆ ยอดธง หรือเป็นตาของวัวนั่นเอง
สำหรับตำนานของราศีพฤษภที่แพร่หลายก็คือเรื่องเกี่ยวกับเทพซูสกับนางยูโรป้า
เรื่องมีอยู่ว่าจอมเทพซูสหรือจูปิเตอร์ได้หลงรักเทพธิดายูโรปา (Europa) ซึ่งเป็นธิดาคนสวยของอินาคัส
ซูสพยายามหาทางจะได้ใกล้ชิดยูโรปา จึงเกิดไอเดียปลอมตัวเป็นวัวตัวผู้ปะปนเข้าไปในฝูงวัวของบิดาของยูโรปา
เป็นการจีบสาวที่สร้างสรรค์มาก
วันหนึ่งขณะที่ยูโรปากำลังเก็บดอกไม้อยู่ในสวน วัวซูสได้ทำให้หิมะมาปกคลุมตัวจนเต็ม และเข้าไปใกล้ๆ ยูโรปา
เมื่อนางเห็นเข้าก็เกิดความสนใจตามประสาสาวๆ ที่อยากรู้อยากเห็น จึงเอามือปัดหิมะออกและได้ขึ้นไปนั่งบนหลังวันนั้น
วัวเทพซูสได้ทีก็ออกวิ่งไปทันทีโดยมียูโรปาอยู่บนหลัง
วัวได้พาเหาะผ่านทะเมดิเตอร์เรเนียนไปยังผืนแผ่นดินใหญ่ ฉะนั้นผืนแผ่นดินแห่งนี้ในปัจจุบันจึงเรียกว่าทวีปยุโรป
ซูสได้แสดงตัวกับพระนางยูโรปา ได้แต่งงานกันสมความตั้งใจ มีโอรสกัน 3 องค์คือ ไมนอส ซาร์พีดอน และ ราดามันทัส
ที่กลุ่มดาววัวบนฟ้าเห็นเเค่เพียงหน้าเเละโหนกของวัวเท่านั้นก็เพราะต้องการสื่อถึงเหตุการณ์ที่พาข้ามทะเล ซึ่งตรงนั้นน้ำลึก
จึงได้โผล่แค่ส่วนหน้าและช่วงบนของวัว
กลุ่มดาวราศีพฤษภก็คือรูปร่างของซูสเมื่อยามแปลงกายเป็นวัว ที่ซูสทำไว้เป็นที่ระลึกในความรักที่มีกับยูโรปา
และชื่อของทวีปยุโรป ก็คาดกันว่าเอามาจากชื่อของนางยูโรปานี่เอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กระทู้ราศีเมษ http://ppantip.com/topic/35018280
...........................................................
ตั้งแต่เกิดมา MC ฮารุจังดูเป็นแค่ดาวลูกไก่เท่านั้น หวังว่าต่อไปจะหาดาววัวบนท้องฟ้าได้แล้ว
ดาว: (Pause) cover by OH
https://www.youtube.com/watch?v=WdteuabkY-o